Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1352
เมื่อฟังจากคำพูดของผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์แล้วคิ้วของหลินเทียนถึงกับขมวดเข้าหากันโดยทันที
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า ? ในกองกำลังรุกรานเองก็มีคนของเจ้าอยู่ด้วยแถมทางตระกูลอาเทอร์เป็นคนบอกข้าเองว่าหัวหน้าบาทหลวงของพวกเจ้าเป็นคนไปหาพวกเขาเพื่อชี้นำให้เริ่มการรุกรานนี้”
เขาหันมองออกไปก่อนที่จะพูดต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งครึมว่า
“แล้วเจ้าจะบอกว่านี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า ? ”
เขาเคยได้อ่านความทรงจำของตระกูลอาเทอร์มาแล้วดังนั้นจึงได้เห็นภาพของหัวหน้าบาทหลวงจริงๆ
“เจ้ากลัวงั้นรึตาแก่ ?! ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมาแม้มันจะเกรงกลัวอีกฝ่ายก็ตาม
“กลัวแน่ๆ ! ”
เซียนเซียนเองก็ส่งเสียงออกมาเช่นเดียวกัน
อีกฝ่ายได้แต่พูดออกมาด้วยท่าทางที่สุภาพเรียบร้อยว่า
“สหายทั้งหลายจากดินแดนศูนย์กลางโปรดฟังคำอธิบายของข้าก่อนและให้โอกาสข้าได้ขออภัย แม้ว่าการรุกรานนี้จะถูกชี้นำโดยคนของทางเราทว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เป็นเพียงคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ข้าขอเป็นตัวแทนในการขอโทษแทนพวกเขาแล้วกัน ! ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อว่า
“มันเป็นความผิดพลาดจริงๆ ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้เปิดโลกใบเล็กขึ้นมาพร้อมทั้งคว้าเอาร่างของชายวัยกลางคนโยนออกมา
ชายคนนี้มีผมสีทองยาวสลัวรูปร่างสมส่วนดูสุขภาพดีแต่ตอนนี้กลับถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยผนึก
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกก่อนที่จะพบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นหัวหน้าบาทหลวงที่เป็นคนชี้นำขุมพลังจากตะวันตกของขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
อีกฝ่ายได้ส่งเยงออกมาว่า
“นี่คือหัวหน้าบาทหลวงของพวกเรา เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในช่วงเก็บตัวบ่มเพาะถึงได้ยกหน้าที่ทั้งหมดให้เขาเป็นคนดูแลแต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างจะเกิดเรื่องอย่าง……”
เขาพูดออกมาพลางพูดต่อ
“การที่เขาถูกทำลายดวงวิญญาณและชิงเอากายหยาบไป ……..”
อีกฝ่ายได้รีบอธิบายเรื่องที่ว่าหัวหน้าบาทหลวงได้ถูกชิงเอาดวงวิญญาณและร่างกายไปพร้อมทั้งทำหน้าที่แทนเขาในระหว่างที่เก็บตัวบ่มเพาะถึงนั้นที่วางผนึกเอาไว้โดยที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้และใช้เหตุผลว่าผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังเก็บตัวก่อนที่จะอาศัยตำแหน่งของตัวเองไปชี้นำขุมพลังอื่นๆ
จนถึงวันที่เขาสามารถทำลายผนึกได้นั้นระดับพลังของเขาก็ได้ตัดผ่านมายังเขตแดนใหม่และหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องเหล่านี้แล้วก็รีบไปหาตัวของหัวหน้าบาทหลวงคนนี้พร้อมทั้งพบถึงความแปลกประหลาดถึงได้รีบออกมาตามหาหลินเทียนด้วยตัวเอง
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ตาเฒ่า เจ้าพูดแบบนี้ก็เพื่อจะโยนความรับผิดชอบ ? ”
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้โกหกแม้แต่คำเดียวอย่างแน่นอน ! แม้ว่าในกองกำลังรุกรานจะมีคนของเราอยู่ด้วยทว่ามันไม่ใช่ความต้องการของพวกเราจริงๆ มันเป็นเพราะว่าไอ้ปีศาจที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้ ! พวกมันอยู่ในเงามืดและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเปิดเผยตัวคนออกมาได้ ไม่มีใครรู้จักพวกมันแถมพวกมันกำลังดำเนินแผนการครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ! ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“เพื่อเป็นการพิสูจน์เจ้าสามารถตรวจสอบความทรงจำของข้าได้เลย ”
ระหว่างที่พูดเขาก็ได้ก้าวออกมาก่อนที่หน้าผากของเขาจะส่องประกายแสงโดยที่ไม่ได้ป้องกันอะไรแม้แต่น้อย
“นี่มัน ?! ”
พยัคฆ์ขาวได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าการกระทำเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่อันตรายต่อตัวเองมากๆเพราะว่าสิ่งที่อยู่ในทะเลความรู้นั้นมีอยู่มากมายไม่เว้นดวงวิญญาณก็ด้วย การที่ไม่ป้องกันอะไรและปล่อยให้คนอื่นเข้าไปในทะเลความรู้ของตัวเองนั้นมันจะทำให้ความลับมากมายหลุดรอดออกไปได้และที่อันตรายที่สุดคือหากว่าอีกฝ่ายเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ดวงวิญญาณโดยที่ไม่ได้มีการป้องกันใดๆแล้วก็จะตกตายลงทันที
หลินเทียนได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่หดเล็กลงโดยทันที
“ข้าเชื่อใจสหายที่ยอมต่อสู้เพื่อประเทศ โปรดพิสูจน์สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปและความบริสุทธิ์ของพวกเราด้วย ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาขณะที่มองไปยังหลินเทียนแล้วพูดต่อว่า
“หลังจากนั้นเราก็จะมีศัตรูคนเดียวกันและควรจะร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่อยู่ในมุมมืด”
ดวงตาของหลินเทียนเป็นประกายออกมาเล็กน้อยเพราะจากที่ดูๆแล้วอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้โกหกแม้แต่น้อยซึ่งเขาเองก็ไม่อยากจะตัดสินเพียงเพราะเปลือกนอกเท่านั้นถึงได้ก้าวออกไปแล้วพูดว่า
“ได้ ข้าจะตรวจสอบมันเอง ”
หลังจากที่พูดจบแล้วจิตสัมผัสของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะไหลซึมเข้าไปภายในทะเลความรู้ของอีกฝ่ายโดยทันที
หลังจากนั้นไม่นานสายตาของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเย็นยะเยือกขณะที่ถอนเอาจิตสัมผัสกลับมา
“เป็นไงบ้างเจ้าหนู ? ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
เซียนเซียนเองก็หันมองมาทางเขาเช่นกัน
“ไม่ได้โกหก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาใช้พลังจิตสัมผัสตรวจสอบความทรงจำทั้งหมดพร้อมทั้งพบว่ามันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายได้พูดเอาไว้จริงๆ
พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียน
“นี่มัน……”
นี่มีคนที่กล้าควบคุมขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของชาวตะวันตก ? ใครมันกล้าขนาดนี้กัน ?!
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงไม่ได้ป้องกันทะเลความรู้ของตัวเองแม้แต่น้อยพร้อมทั้งพูดกับทั้งสองคนว่า
“สหายทั้งสองคนที่เหลือเองก็สามารถตรวจสอบทะเลความรู้ของข้าได้ตามสบาย โปรดเชื่อว่าพวกเรา……..”
ตู้มม ~!
มันเป็นตอนนี้เองที่พลังเทวะอันหนักหน่วงได้ถูกส่งออกมาจากสถานที่ห่างไกลพร้อมทั้งขัดคำพูดของเขาไปทันที
ปรากฏชายวัยกลางคนที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงอย่างมากก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาด้วยร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรม
“คนจากดินแดนศูนย์กลาง ? หื้ม……..พระสันตะปาปาเนตรศักดิ์สิทธิ์ ?! เจ้าทำลายผนึกได้แล้วงั้นรึ ?! ”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมคนนี้ได้แต่มองออกไปก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ร่างของหัวหน้าบาทหลวงที่ถูกผนึกเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ถึงบางสิ่งแล้วสินะ ! ”
คำพูดนี้ทำให้สายตาของหลินเทียนเย็นยะเยือกไปทันทีขณะที่สีหน้าของคนอื่นๆเปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ดังนั้นจากคำพูดพวกนี้ก็รู้ได้เลยว่าชายตรงหน้านั้นเป็นหนึ่งในคนของขุมพลังที่ชิงเอาร่างและดวงวิญญาณของหัวหน้าบาทหลวงไปโดยอาศัยร่างของอีกฝ่ายชักใยอยู่เบื้องหลังขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์
“ไอ้คนชาติชั่ว ! เราจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ๆ ! ”
ผู้นำขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธจัด
ตู้มมม ~!
กลิ่นอายอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างของเขาพร้อมทั้งปิดกั้นมิติโดยรอบทั้งหมดเอาไว้
แน่นอนว่ามันเป็นการเปิดเผยพลังทั้งหมดของเขาออกมา
“จะ……จ้าวสวรรค์ ?! ”
พยัคฆ์ขาวถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
เซียนเซียนเองก็ได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึงว่า
“นี่คือความแข็งแกร่งของผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดจากขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ ?! นี่………มีตัวตนระดับจ้าวสวรรค์อยู่ด้วย ?! ”
นางได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าชาวตะวันตกจะมีตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนี้
อีกฝ่ายหันมองไปทางผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อยว่า
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้สามารถทำลายผนึกออกมาได้ ที่แท้ก็ตัดผ่านได้แล้วนี่เอง ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดเขาก็ยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าที่ราบเรียบว่า
“แต่แล้วยังไงล่ะ ? ก็ไม่เท่าไหร่ ! ”
เมื่อคำพูดของเขาได้จบลงแล้วกลิ่นอายอันทรงพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้ระเบิดออกมาทำให้มิติโดยรอบถึงกับบิดตัวอย่างรุนแรง
นี่ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่ยกเว้นหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เขตแดนจ้าวสวรรค์…….ระดับ 3 ?! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
พริบตาก็มีตัวตนระดับจ้าวสวรรค์อยู่ตรงหน้าพวกเขาถึงสองคน !
มันเป็นระดับพลังที่แข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดไหน !
อีกฝ่ายแสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมาก่อนที่จะพูดว่า
“ข้ากะว่าจะมาสังหารคนที่ทำให้แผนการของพวกข้าติดขัดแต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าเองก็จะมาที่นี่ด้วยแถมยังรู้เรื่องบางอย่างของพวกเรางั้นก็ตายไปด้วยแล้วกัน อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะข้าจะเก็บร่างของเจ้าเอาไว้เพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงของเจ้ามันโด่งดังและง่ายในการชักใยอยู่เบื้องหลังมากๆ หากว่าได้ร่างเจ้ามาและออกคำสั่งในนามพระสันตะปาปาแล้วล่ะก็ มันจะยิ่งง่ายขึ้นไปอีก ! ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้ก้าวออกไปพร้อมๆกับกลิ่นอายที่แผดไปรอบทิศทางพลางมองไปยังหลินเทียนและคนอื่นๆก่อนที่จะพูดว่า
“พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ ความต้องการอันยาวนานของพวกเรามันไม่ใช่อะไรที่……..”
“เพรี้ย ~! ”
เสียงตบดังสนั่นถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของชายคนนั้นร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
นี่ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เซียนเซียนได้หันมองลงไปพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“ก่อนหน้านี้……เขาถูกตบ ?! ”
“ตบแบบล่องหนนี่มัน………….”
พยัคฆ์ขาวได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาก่อนที่จะหันมองมาทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
“ฝีมือเจ้างั้นรึ…..เจ้าหนู ? ”
เป็นเพราะว่าผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังคงแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาและนี่อธิบายได้ว่าไม่ได้เป็นฝีมือของอีกฝ่ายซึ่งเซียนเซียนเองก็ไม่มีทางทำได้ดังนั้นมันถึงได้ระลึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นภายในตระกูลอาเทอร์จึงพอเดาได้
“นี่มัน…..เป็นไปได้ ? ”
มันได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะต้องรู้ก่อนนะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงจ้าวสวรรค์ระดับ 3 แต่กลับถูกตบจนปลิว ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเขาแม้แต่น้อย
เมื่อฟังจากคำพูดเหล่านี้แล้วทำให้ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็หันมองมาทางเขาก่อนที่จะถามออกมาว่า
“สหายจากดินแดนศูนย์กลาง เป็นฝีมือของเจ้า ? ”
เขาได้แต่ผงะไปเพราะเขาเองก็ไม่เห็นหลินเทียนขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ตู้มมม !
เสียงระเบิดถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่อีกฝ่ายระเบิดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งจ้องมองมาทางหลินเทียนแล้วส่งเสียงคำรามออกมาว่า
“เป็นฝีมือเจ้างั้นรึ !? ”
“ไสหัวไปไกลๆ ! ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่พลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นจะสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมทั้งกระแทกเข้ากับร่างของอีกฝ่ายทำให้ตกลงมาอยู่แทบเท้าของเขา
อีกฝ่ายได้แต่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“เจ้า…….”
“ตู้มม ! ”
หลินเทียนยกเท้ากระทืบลงไปกลางหน้าอกของอีกฝ่ายส่งผลให้มันกระอักเลือดออกมาคำโตโดยที่ไม่ทันจะได้พูดจบ