Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1353
อีกฝ่ายได้แต่กระอักเลือดออกมาไม่หยุดพร้อมๆกับส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะที่ซี่โครงกำลังจะแหลกสลาย
นี่ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างพากันโง่งมไปตามๆกัน
“นี่……”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าเมื่อครู่เขาไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวระหว่างที่อีกฝ่ายถูกตบลงมาจากฟากฟ้าได้และหลังจากที่ได้ยินคำพูดของพยัคฆ์ขาวแล้วจึงรู้ว่าเป็นฝีมือของหลินเทียนทว่าหลังจากที่ได้เห็นภาพที่หลินเทียนกระแทกร่างอีกฝ่ายพร้อมทั้งกระทืบอยู่แทบเท้าตัวเองแล้วเขาก็อดแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่ได้
ต้องรู้ก่อนนะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงจ้าวสวรรค์ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเทียนแล้วกลับดูเปราะบางเหลือเกิน
“ระยำเอ้ย ! ไสหัวไปไกลๆ ! ”
ชายชุดดำส่งเสียงออกมาขณะที่กลิ่นอายอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างอย่างบ้าคลั่งทำให้ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้แต่สั่นสะท้านไป
หลินเทียนยังคงก้มมองลงไปยังร่างของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกและไม่ได้สนใจกลิ่นอายที่อีกฝ่ายแผดออกมาแม้แต่น้อยก่อนที่จะกระทืบเท้าขวาลงไปอย่างจัง
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดยั้ง
ภาพเหล่านี้ทำให้คนอื่นๆได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกัน
“ท่านอาจารย์…….แข็งแกร่งสุดๆไปเลย ! ”
เซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่แพ้กัน
“ไอ้หนูนี่มัน…..แข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?! ”
แม้กระทั่งผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เป็นเพราะตัวตนระดับจ้าวสวรรค์ระดับ 3 กลับอยู่ในสภาพไม่ต่างกับสุนัขที่โดนน้ำร้อนกำลังดิ้นพล่านอยู่กับพื้น
อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุดขณะที่ทักษะเทวะอันทรงพลังถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ
“เจ้า……”
เขาได้แต่สั่นสะท้านไปขณะที่ส่งเสียงกำรามออกมาด้วยแววตาที่แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่ขัดขวางแผนการอันยาวนานของพวกเขาจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดที่ว่าเขาก็ยังไม่สามารถขัดขืนได้แม้แต่น้อย
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่จะส่งพลังจิตสัมผัสทะลวงเข้าใส่ทะเลความรู้ของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้ภาพความทรงจำมากมายปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา
“เทือกเขาโอลิมปัส นิกายเทพวิหกและดวงวิญญาณโลหิต…….”
เขาอ่านความทรงจำทั้งหลายของอีกฝ่าย
ขุมพลังของพวกมันมีชื่อว่านิกายเทพวิหกซึ่งเป็นขุมพลังระดับสูงที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนต่อโลกภายนอกทำให้ไม่มีใครรู้ว่ามีขุมพลังเช่นนี้อยู่ภายในเทือกเขาโอลิมปัสแม้แต่น้อย
พวกมันอยากจะทำการสังเวยดวงวิญญาณโดยการอาศัยดวงวิญญาณโลหิตของผู้เชี่ยวชาญจากดินแดนศูนย์กลางทว่าเป็นเพราะกองกำลังของพวกเขามีอยู่น้อยเกินไปทำให้ดวงวิญญาณเหล่านี้ไม่เพียงพอดังนั้นถึงได้คิดแผนการอื่นอย่างเช่นการใช้บุญสวรรค์เป็นเหยื่อล่อให้ดินแดนศูนย์กลางและดินแดนตะวันตกฆ่าฟันกันแล้วพวกเขาค่อยใช้ทักษะพิเศษดูดเอาดวงวิญญาณเหล่านั้นไปสำหรับการสังเวย
ทว่าการที่จะชี้นำคนเหล่านี้ได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆเนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงแถมยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนต่อโลกภายนอกทำให้ขุมพลังตะวันตกไม่มีทางเชื่อใจพวกเขาดังนั้นถึงได้วางแผนการชักใยขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยชื่อเสียงของพวกเขาซึ่งตราบเท่าที่บอกว่ามีบุญสวรรค์อยู่ภายในดินแดนศูนย์กลางแล้วก็จะทำให้ฝูงผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกแห่ไปรุกรานอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วพวกเขาถึงได้เริ่มลงมือตามแผนการโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจ้าวสวรรค์สังหารหัวหน้าบาทหลวงไปแล้วชิงเอาร่างกายของอีกฝ่ายแล้วผนึกไม่ให้ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้โดยที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้สถานที่บ่มเพาะก่อนที่จะใช้ชื่อของขุมพลังในการล่อลวงขุมพลังอื่นๆโดยการใช้เหยื่อเป็นบุญสวรรค์
ในการที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้นั้นพวกเขาได้ทำการสืบสวนข้อมูลทั้งหมดทำให้รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละขุมพลังอยู่ในระดับไหนโดยที่คิดว่าแผนการจะต้องสำเร็จลุล่วงแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีตัวตนอย่างกายสังสารวัฏอย่างหลินเทียนปรากฏตัวขึ้นแถมยังทำลายแผนการทั้งหมดของพวกเขาทำให้ต้องส่งชายชุดดำคนนี้มาขัดขวางหลินเทียนเอาไว้
“ตระกูลอาเทอร์ ดินแดนทมิฬและพวกโง่นี่มันถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยกันหมดแล้ว ”
พยัคฆ์ขาวได้กัดฟันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงว่า
“แต่นิกายเทพวิหกเองก็โหดเหี้ยมไม่เบาเลยนะถึงขั้นที่กล้าวางแผนให้ผู้เชี่ยวชาญตะวันตกรุกรานดินแดนศูนย์กลางเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ชาวตะวันตกรุกรานไปก่อนทว่าหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญภายในดินแดนศูนย์กลางได้ตกตายลงหมดแล้วมนุษย์ธรรมดาๆก็คงจะหนีไม่พ้นเหมือนกัน ท้ายที่สุดทุกชีวิตภายในดินแดนศูนย์กลางก็จะกลายเป็นเครื่องสังเวยของมัน”
“ไอ้พวกชั่ว! ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมาก
เซียนเซียนเองก็ได้แต่ผงะไปเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีแผนการที่ร้ายกาจขนาดนี้อยู่เบื้องหลัง
นี่จะทำให้ดินแดนศูนย์กลางทั้งหมดถูกกวาดล้าง !
“ไอ้หนู ไอ้การสังเวยไร้สาระนั่นมันคืออะไรกัน !”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
เมื่อฟังจากคำพูดนี้แล้วชายวัยกลางคนได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“หยุดนะ ! ทำแบบนั้นไม่ได้ ”
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบไม่แยแสออกมาก่อนที่จะบดขยี้ขาขวาของอีกฝ่ายทำให้มันได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดัง
จิตสัมผัสของเขาได้ทะลวงผ่านทะเลความรู้ของอีกฝ่ายก่อนที่จะค้นหาเรื่องเกี่ยวกับการสังเวยนี้
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบกับอักขระมากมายที่รายล้อมอยู่ภายใน
มันอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่ทำให้รู้สึกขนหัวลุก
“อักขระทำลายล้าง ! ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบดึงเอาจิตสัมผัสของตัวเองกลับออกมาพร้อมทั้งกระแทกร่างของทุกคนปลิวออกไปไกล
พยัคฆ์ขาวได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้าหนู นี่เจ้า……”
“ตู้มมม ~! ”
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวได้ขัดคำพูดของมันเอาไว้ขณะที่ร่างกายของชายวัยกลางคนชุดดำข้างๆหลินเทียนได้ระเบิดออก
คลื่นทำลายล้างได้พุ่งตรงเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
นี่ทำให้สีหน้าของพยัคฆ์ขาวถึงกับเปลี่ยนไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“ไอ้เวรนั่นมันระเบิดทะเลความรู้ของตัวเอง ?! ”
“ท่านอาจารย์ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงโห่ร้องออกมา
สีหน้าของผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
คลื่นพลังทำลายล้างได้สลายหายไปก่อนที่จะเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่กว่าหลายร้อยเมตร
เศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่ขณะที่ร่างของหลินเทียนยืนอยู่กลางอากาศด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายโดยที่เสื้อผ้าของเขาขาดยับเยิน
“ท่านอาจารย์ ! ”
เซียนเซียนรีบเหาะเข้ามาใกล้และหลังจากที่เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมากถึงได้ถอนหายใจออกมา
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ที่ระลึกถึงพลังทำลายเมื่อครู่ก็ได้แต่ผงะไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือเมื่อครู่ ”
หากว่าไม่ได้เป็นเพราะหลินเทียนผลักเขาออกไปแล้วพวกเขาก็คงจะตายกันหมดไปนานแล้ว
ระหว่างนี้เขาก็ได้แต่ยิ่งรู้สึกตกตะลึงเข้าไปอีกเพราะการระเบิดตัวเองของอีกฝ่ายนั้นสร้างพลังทำลายล้างที่ทรงพลังอย่างมากซึ่งหลินเทียนที่อยู่ใกล้ๆกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย นี่มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!
“การที่ขนาดจ้าวสวรรค์ระดับ 3 ยังมีอักขระทำลายล้างนี่ก็เพื่อปิดบังเกี่ยวกับการสังเวย ? ไม่แปลกใจจริงๆที่ก่อนหน้านี้มันถึงได้แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับพูดต่อว่า
“แล้วไอ้การสังเวยบ้านั่นจะเอายังไง ? ทำเพื่ออะไร ? ”
เซียนเซียนที่อยู่ข้างๆเขาเองก็พยายามปัดเศษฝุ่นตามร่างของเขา
ประกายแสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาก่อนที่เสื้อผ้าที่ฉีกขาดจะกลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง
เขาหันมองออกไปทางเทือกเขาโอลิมปัสเล็กน้อย
“สหาย โปรดให้ข้าได้ติดตามเจ้าไปลงทัณฑ์พวกมันด้วยเถอะ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็ตระหนักได้ว่าหลินเทียนต้องการจะมุ่งหน้าไปที่ไหน
“ไม่จำเป็นหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
สายตาของเขาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะหันมองออกไปพร้อมๆกับแผดคลื่นพลังออกมาโอบร่างของพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนเอาไว้และหายตัวไปอย่างฉับพลัน
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้แม้แต่น้อย
“ดินแดนศูนย์กลางนี่แข็งแกร่งจริงๆ ”
เขาพึมพำออกมา
……….
ไม่นานหลินเทียนและคนอื่นๆก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่อีกแห่ง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับภูเขาขนาดใหญ่ที่ไม่มีพืชพันธุ์เจริญเติบโตแม้แต่น้อยแถมยังเต็มไปด้วยหิมะหนาเตอะ
ที่นี่คือเทือกเขาโอลิมปัสที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศกรีซ
“นิกายเทพวิหกอยู่ที่นี่ ? อยู่ไหนกัน ? ”
พยัคฆ์ขาวหันมองออกไปรอบๆ
“น่าจะเป็นที่ดินแดนลับ ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าขุมพลังส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นดินแดนศูนย์กลางหรือตะวันตกก็ล้วนตั้งอยู่ในดินแดนลับกันหมด
หลินเทียนที่ยืนอยู่ด้านนอกได้เบิกเนตรแห่งสัจธรรมขึ้นมาก่อนที่จะพบกับทางเข้ามิติลับพร้อมทั้งใช้ตรามังกรฉีกมันออกแล้วก้าวเดินเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นานสภาพแวดล้อมโดยรอบก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมพบกับพื้นที่โลกใบเล็กที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงมากมาย
“เป็นดินแดนลับที่ใหญ่มากๆ”
เซียนเซียนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาก่อนที่จะจ้องมองเข้าไปภายในส่วนลึกพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เจ้าหนู จำเรื่องศิลาหินที่ผุดขึ้นมาจากใต้ภูเขาไท่ที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ได้ใช่ไหม ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของมันจากที่นี่”