Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1362
หลินเทียนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่น้อยเพราะว่าพลังที่อีกฝ่ายใช้มันเป็นพลังที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก
เนื่องจากเมื่อเขาได้หยุดยั้งความโกลาหลภายในดินแดนสวรรค์สิบชั้นไปแล้วประกายแสงสีขาวเหล่านี้ก็พุ่งผ่านข้ามสวรรค์แต่ละชั้นเข้ามาหาเขาและครั้งที่สองคือตอนที่เขาอยู่ในสวรรค์ชั้นที่สิบและแต่ละครั้งมันก็ให้ประโยชน์กับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
ทว่าหลังจากที่กลับมาถึงโลกแล้วเขาก็ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นมันอีกแถมยังเป็นพลังที่เข้มข้นกว่ามากแต่อีกฝ่ายกลับมอบมันให้กับเขา
นี่ทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะว่าผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์กลับครอบครองพลังที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้เอาไว้ !
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ราชันวิหกได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพลางหันมองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงคำรามออกมาว่า
“ไอ้แก่ อย่ามาขวางทางข้า !”
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นกระบี่เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าพวยพุ่งเข้าใส่ทางพระสันตะปาปา
คลื่นกระบี่นี้ได้บดขยี้มิติโดยรอบออกเป็นเสี่ยงๆโดยทันที
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ดึงสติกลับมาก่อนที่จะฟาดฟันคลื่นกระบี่ออกไปตรงหน้า
เป็นเพราะประกายแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่ได้รับมาทำให้อาการบาดเจ็บและพลังเทวะของเขาฟื้นตัวกลับมาเหมือนเก่าแถมยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“พระสันตะปาปา ข้าขอขอบคุณ ”
หลินเทียนส่งเสียงออกไป
หากว่าไม่ได้เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายแล้วเขาก็คงจะกลายเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างมาก
“ไม่ต้องสุภาพไปหรอกสหาย การกำจัดความชั่วร้ายเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ”
พระสันตะปาปาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะหลังจากที่หลินเทียนได้สังหารชายชุดดำลงแล้วก็มาถึงที่นี่ด้วยความเร็วที่สูงมากๆซึ่งหลังจากที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายได้ดูดกลืนเลือดเนื้อของเหล่าศิษย์เพื่อเพิ่มพลังแล้วจึงไม่ลังเลเลยที่จะใช้ประกายแสงสีขาวนี้กับหลินเทียนเพื่อช่วยในการต่อสู้ครั้งนี้
เหตุผลที่เขาไม่ได้ใช้มันเพื่อต่อกรกับอีกฝ่ายก็เพราะว่าราชันวิหกนั้นอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าดังนั้นต่อให้เขาใช้มันกับระดับพลังของตัวเองในตอนนี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นคู่มือของอีกฝ่าย
“คุณพระสันตะปาปานี่…..คือพลังแห่งความเชื่อของขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ ?! ”
เซียนเซียนที่กำลังมองไปยังประกายแสงเหล่านั้นได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งอดถามออกมาไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วสีหน้าของหลินเทียนเองก็เปลี่ยนไปไม่น้อยและอดหันมองออกไปไม่ได้
พระสันตะปาปาที่สวมชุดคลุมยาวแผดกลิ่นอายที่เข้มข้นออกมาไม่ได้ปิดบังอะไรพร้อมทั้งตอบกลับว่า
“ถูกต้องแล้วล่ะ ”
“มันมีพลังแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆ ?! ”
เซียนเซียนได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมา
เป็นเพราะว่ามีข่าวลืออยู่ว่าเหตุผลที่ชาวตะวันตกนั้นแข็งแกร่งก็เพราะว่ามีผู้เชื่อถือเป็นจำนวนมากและนั่นก่อให้เกิดเป็นพลังแห่งความเชื่อที่มีสรรพคุณมากมายแต่หลักๆคือการบ่มเพาะที่เป็นพลังงานที่เข้มข้นเสียยิ่งกว่าพลังฉีที่สามารถเพิ่มระดับพลังอย่างมากได้อย่างฉับพลันแถมยังไม่มีผลข้างเคียงอะไรด้วย
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ดวงตาของหลินเทียนได้ส่องประกายออกมาเพราะว่าประกายแสงสีขาวบริสุทธิ์เหล่านี้คือพลังแห่งความเชื่อ ?
“กลับมา ! ”
เสียงนี้ถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
มันเป็นราชันวิหกที่ส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่แผดพลังออกไปทำให้ศิลาหินสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่พลังเทวะของเขาจะระเบิดออกมาพร้อมๆกับเสน่ห์ของภูเขาไท่ที่เข้มข้นกว่าเดิมทำให้ศิลาหินที่กำลังเคลื่อนไหวได้แต่หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ
“พระสันตะปาปา ข้ามีคำถามอย่างจะถามเกี่ยวกับเรื่องพลังแห่งความเชื่อหลังจากนี้จะได้ไหม ? ”
เขาหันมองออกไป
เป็นเพราะว่ามันเป็นพลังที่เขาให้ความสำคัญอย่างมากและอยากจะรู้เกี่ยวกับมันทั้งหมด
เนื่องจากมันเป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก
“แน่นอน ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ ”
พระสันตะปาปาตอบกลับ
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“ขอรบกวนด้วย ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันมองออกไปทางราชันวิหกอีกครั้ง
มันเป็นสายตาที่ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย
“ตู้มม ~! ”
พลังแห่งความเชื่อที่เขาได้รับมานั้นได้รักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาไปแล้วแถมยังทำให้ระดับพลังของเขาสูงขึ้นกว่าเก่ามากดังนั้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะแผดคลื่นพลังทั้งหมดออกมาทำให้ดินแดนลับแห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรง
แรงกดดันอันหนักหน่วงกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง
นี่ทำให้สีหน้าของราชันวิหกถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะนี่คือพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นที่เขาเองก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ตามสายตาของเขาก็ยังคงส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาขณะที่พยายามดึงเอาศิลาหินกลับมาอย่างเจ็มกำลัง
“มันเป็นของข้า ยังไงวันนี้เจ้าก็ต้องตาย ! ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
“อยากได้งั้นรึ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นเขาได้กำหมัดเอาไว้แน่นก่อนที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันจนถึงขีดสุดพร้อมทั้งผสานมันเข้ากับเสน่ห์ของภูเขาไท่พลางสังเวยทักษะควบคุมอาวุธออกมาเพื่อฝืนทำลายตราประทับของราชันวิหก
หลังจากนั้นดวงวิญญาณของเขาได้สั่นไหวก่อนที่สัจธรรมและวงเวทย์สังสารวัฏของเขาจะผสานเข้าด้วยกันพร้อมทั้งซัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่ปราณี
พริบตาที่วงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏปรากฏขึ้นมันก็ได้กดทับเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวโดยทันที
สีหน้าของราชันวิหกเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะไม่คิดเลยว่าระหว่างที่กำลังแย่งชิงศิลาหินกันอยู่นี้หลินเทียนยังมีพลังมากพอที่จะสังเวยการโจมตีแบบนี้ออกมานี่มันต้องใช้พลังขนาดไหนกัน ?!
“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”
เขากัดฟันพูดออกมาพร้อมทั้งแบ่งพลังส่วนหนึ่งออกมารับการโจมตีนี้เอาไว้
และมันเป็นตอนนี้เองที่พลังในการควบคุมศิลาหินของเขาได้ลดลงอย่างมาก
“กลับมา ! ”
เสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาอย่างดัง
มันเป็นเสียงของหลินเทียนที่หมุนวนทักษะควบคุมอาวุธถึงขีดสุดทำให้ศิลาหินสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะเริ่มแทรกแซงการทำงานของตราประทับของราชันวิหก
“เหอะ ”
หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งทำลายตราประทับของอีกฝ่ายไปก่อนที่จะทำให้ศิลาหินพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
“อั๊ก ! ”
การที่ถูกฝืนทำลายตราประทับไปแบบนี้ทำให้ราชันวิหกได้รับความเสียหายถึงขั้นที่กระอักเลือดออกมาคำโต
“ไม่ !!! ”
เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งอัดพลังเข้าใส่วงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏพร้อมทั้งคว้ามือออกไปยังศิลาหินที่พุ่งหนีไป