Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1363
หลังจากที่เห็นว่าศิลาหินกำลังพุ่งไปหาทางหลินเทียนอย่างรวดเร็วนั้นดวงตาของราชันวิหกก็ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขณะที่คว้ามือออกไปหามัน
เป็นเพราะว่าเขาได้ลงแรงและเวลากับมันไปมากกว่าจะชิงมาจากดินแดนศูนย์กลางได้ดังนั้นสมบัติชิ้นนี้ถึงได้มีความหมายกับเขาเอามากๆ
“บึ้สส ~! ”
เขาคว้ามือออกไปก่อนที่สัจธรรมมากมายจะส่องประกายออกมา
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งโบกมือส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังพุ่งผ่านเข้าใส่ทางอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้ส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งซัดวงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏกดทับเข้าใส่ไปพร้อมๆกัน
ตู้มม !
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงระเบิดออกมาอย่างดัง
ร่างกายของราชันวิหกถึงกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรงก่อนที่จะรีบก้าวถอยกลับไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้อาศัยพลังเสน่ห์ของภูเขาไท่ดึงเอาศิลาหินเข้ามาใกล้ได้อย่างแท้จริง
มันมีขนาดไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้นซึ่งวินาทีที่มันเข้าใกล้นี้ก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังเสน่ห์ของภูเขาไท่ได้มากยิ่งขึ้นเสมือนว่ามันมีดวงวิญญาณเป็นของตัวมันเอง
“ชิงเอามาได้แล้ว ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
ตัวมันตระหนักเป็นอย่างดีว่าศิลานี้เป็นของที่ไม่ธรรมดาดังนั้นการที่เห็นว่าหลินเทียนสามารถชิงเอามันมาได้แล้วก็อดแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมาไม่ได้
ตู้มม ~!
ประกายแสงสีเงินอันเข้มข้นระเบิดออกมาจากสถานที่ๆห่างออกไปขณะที่กลิ่นอายอันทรงพลังพวยพุ่งออกจากร่างของราชันวิหก
“เอามันคืนมา ! ”
อีกฝ่ายส่งเสียงกู่ร้องอย่างดังก่อนที่ดวงตาบนหน้าผากของเขาจะส่องประกายพร้อมทั้งสร้างอาณาเขตสังหารขึ้นอีกครั้ง
อาณาเขตอันน่าสะพรึงกลัวได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งปรากฏฝูงผีร้ายและหลุมศพมากมายขึ้นรายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้
กลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นบนบังฟากฟ้าเอาไว้อย่างสมบูรณ์
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่จะใช้มือขวาถือเอาศิลาขึ้นมาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังเข้าใส่มัน
บึ้สสส ~!
ศิลาหินส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาก่อนที่จะส่งคลื่นลำแสงอันทรงพลังพุ่งผ่านออกไป
ฟึ้บบบ ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่อาณาเขตสังหารได้ถูกบดขยี้แหลกสลายหายไปอย่างฉับพลัน
และลำแสงนี้ก็ยังคงพุ่งออกไปด้วยพลังทำลายที่ไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อยพลางทะลวงหน้าอกของอีกฝ่ายไปอย่างจัง
เลือดของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าสาดกระจายออกไปทั่วทิศทาง
“แข็งแกร่งมากๆ ! ”
หลินเทียนได้แต่มองไปยังศิลาหินในมือด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างหนัก
แม้จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าในช่วงที่อยู่ในมือของราชันวิหกนั้นมันเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างมากทว่าหลังจากที่ได้ใช้มันกับมือตัวเองแล้วก็ยังอดอุทานออกมาไม่ได้เพราะว่าคนหนึ่งฝืนควบคุมมันด้วยวิธีพิเศษส่วนเขานั้นใช้ความสามารถควบคุมมันทำให้เข้าใจมันได้มากกว่า
เขาเรียกสติกลับมาก่อนที่จะหันมองไปยังร่างของอีกฝ่ายที่ถูกกระแทกออกไปไกลด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
“ไอ้ระยำเอ้ย ! เอามันคืนมานะ ! ”
ราชันวิหกส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังด้วยดวงตาสีแดงก่ำขณะที่คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงกวาดออกไปรอบทิศทาง
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งอาศัยเสน่ห์ของภูเขาไท่ภายในร่างตีตราประทับลงในศิลาหินทำให้มันส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาก่อนที่จะใช้มันสร้างลำแสงอันทรงพลังพวยพุ่งออกไป
“เจ้า ! ”
ราชันวิหกได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธและหวาดกลัวออกมาเพราะก่อนหน้านี้เขาเองก็เสียสละไปมากกว่าจะตีตราประทับลงไปได้ถึงได้สามารถฝืนควบคุมมันได้เล็กน้อยทว่าการที่หลินเทียนสามารถตีตราลงไปแบบนี้ได้มันทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อไปทันทีแถมประกายแสงที่ศิลาหินส่องประกายออกมายังเข้มข้นกว่าตอนที่เขาควบคุมมันหลายเท่าจึงอดทำให้เขารู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้
และมันเป็นตอนนี้เองที่ลำแสงเหล่านี้ได้บดขยี้พลังสัจธรรมทั้งหลายสลายหายไปอย่างฉับพลัน
ภาพเหล่านี้ทำให้ท้องไส้ของเขารู้สึกปั่นป่วนอย่างหนัก
“เจ้าหนีไปไหนไม่พ้นหรอก ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาขณะที่พุ่งออกไปเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์ในชั่วพริบตา
“เจ้า…….”
“ตู้มม ! ”
หลินเทียนเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังออกไปอัดกระแทกร่างของอีกฝ่ายปลิวออกไปไกล
หลังจากนั้นลำแสงที่กำลังพุ่งเข้ามาก็ได้อัดเข้าใส่ร่างของราชันวิหกอย่างจัง
พุฟฟ !
เลือดสาดกระจายไปทั่วขณะที่ร่างกายของราชันวิหกแหลกสลายหายไป
“พี่ใหญ่ ! ”
บรรพบุรุษที่สองที่อยู่ห่างออกไปอดส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ได้พลางพุ่งเข้ามาใกล้
“อย่ามาเกะกะ ”
หลินเทียนสังเวยลำแสงสังหารพุ่งผ่านอากาศอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า
พุฟฟ ! ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายระเบิดออกไม่มีเหลือ
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำก่อนที่จะเหาะเข้าหาร่างของราชันวิหกอีกครั้ง
กองเลือดที่สาดกระจายไปทั่วได้ก่อตัวขึ้นมาเป็นกายหยาบของราชันวิหกอีกครั้งก่อนที่เขาจะรีบพุ่งถอยกลับไป
ณ ตอนนี้แววตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างแท้จริงเพราะเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถต่อกรกับหลินเทียนได้
“สักวันข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ ! ”
เขาส่งเสียงอันโกรธแค้นออกมาก่อนที่จะฉีกมิติตรงหน้าออกแล้วพุ่งออกไปเพื่อพยายามหนีไปจากที่นี่
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่ศิลานี้จะสั่นไหวพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกไปทำลายมิติที่อีกฝ่ายกำลังพุ่งผ่านเข้าไป
นี่ทำให้ราชันวิหกได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าเขาที่หนีเข้าไปในห้วงมิติแล้วก็ยังถูกดึงกลับมาได้
“เจ้า………”
ตู้มมม !
หลินเทียนได้พุ่งเข้าประชิดร่างของเขาก่อนที่จะเหวี่ยงฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่
หลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งกดทับวงเวทย์หยินหยางและศิลาลงไปพร้อมๆกัน
“ระยำเอ้ย ! ปล่อยข้า ! ”
ราชันวิหกส่งเสียงคำรามออกมา
หลินเทียนยกเท้าของเขาขึ้นมากระทืบลงกลางหน้าอกของอีกฝ่ายทำให้ต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
“เป็นเชลยยังกล้าส่งเสียงอีกนะ ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า
“เจ้า……”
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งสังเวยจิตสัมผัสอันทรงพลังทะลวงเข้าใส่ทะเลความรู้ของอีกฝ่ายโดยทันที
ไม่นานเขาก็ดึงเอาความทรงจำมากมายออกมา
“ดินแดนนิรันดร์ การต่อสู้ยุคบรรพกาล ภูเขาไท่และวิหกนิรันดร์”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าจากความทรงจำที่ได้มานั้นเขาได้รับรู้เรื่องราวเพิ่มขึ้นมากมาย………ตอนที่อีกฝ่ายได้ปลุกสายเลือดของตัวเองขึ้นก็ได้รับรู้ว่าพวกเขาทั้งสามคนไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกทว่าเป็นคนจากตระกูลวิหกนิรันดร์ในดินแดนนิรันดร์ที่ทิ้งไข่เอาไว้บนโลกนี้
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ได้ชิงเอาศิลามาจากภูเขาไท่พร้อมทั้งพบว่าภาพความทรงจำของพวกเขานั้นเป็นของจริงทำให้รู้ว่ามันมีดินแดนนิรันดร์อยู่จริงๆแถมยังพบว่าเส้นทางไปสู้ดินแดนนิรันดร์ที่เคยมีสะพานเชื่อมอยู่ในภูเขาไท่ได้ถูกทำลายลงเนื่องจากก่อนหน้านี้มันมีสมบัติสวรรค์ตกลงมายังโลกใบนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายแห่กันออกมาจากดินแดนนิรันดร์พร้อมทั้งฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงมัน
เป็นเพราะการต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ดวงดาวที่ได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิทางช้างเผือกถูกทำลายไปกว่าเก้าในสิบส่วนและท้ายที่สุดแล้วผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งคนหนึ่งก็ได้ปิดผนึกทางเชื่อมต่อไปยังดินแดนนิรันดร์อีกครั้งทำให้สงครามครั้งนี้จบลง
ในตอนนั้นมีขุมพลังมากมายที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ซึ่งหลายๆคนเองก็หลงเหลืออยู่ในดาวดวงนี้เนื่องจากไม่สามารถกลับไปได้ดังนั้นจึงได้ขยายพันธุ์และทำให้มีลูกหลาน…………พวกเขาทั้งสามคนล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานที่ผู้เชี่ยวชาญตระกูลวิหกนิรันดร์ได้ทิ้งเอาไว้บนโลกใบนี้
หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องนี้แล้วพวกเขาทั้งสามก็อยากจะกลับไปยังดินแดนนิรันดร์อย่างมากดังนั้นถึงได้ก่อตั้งนิกายขึ้นและเตรียมแผนการสังเวยดวงวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเพื่อทำลายผนึกที่อยู่ภายในภูเขาไท่สำหรับการเชื่อมต่อไปยังดินแดนนิรันดร์อีกครั้ง
“ไม่คิดเลยว่าการที่โลกนี้ถูกทำลายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับดินแดนนิรันดร์ด้วย ”
หลินเทียนแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“ดินแดนนิรันดร์มีอยู่จริงๆ ! ไม่คิดเลยว่าภูเขาไท่จะเป็นสะพานเชื่อม ?! ”
พยัคฆ์ขาวถึงกับอ้าปากค้างด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมากขณะที่เซียนเซียนและพระสันตะปาปาต่างโง่งมไปตามๆกัน
“นี่มัน……….”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
พระสันตะปาปาเองก็ผงะไปไม่ได้เพราะว่าเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นดีแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีดินแดนนิรันดร์อยู่จริงๆแถมภูเขาไท่ยังเป็นสะพานเชื่อมไปยังสถานที่แห่งนั้น
“เจ้ามนุษย์ ! ”
ราชันวิหกพยายามดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์ด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
แผนการทำลายผนึกของดินแดนนิรันดร์ได้ถูกหลินเทียนทำลายไปหมด ศิลาหินก็ถูกชิงไปแถมหลินเทียนยังเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะและรับรู้ความลับทั้งหมดที่มีของเขา
“อ๊ากก ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่ดิ้นพล่านอยู่กับพื้นโดยที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่วงเวทย์หยินหยางจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นฝ่ามือที่บดขยี้ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างไม่ปราณี
“ตาย ! ”
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นตัวตนที่ชั่วร้ายเกินไปดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่เขาจะปล่อยมันไปได้
พลังของวงเวทย์หยินหยางผสานศิลาหินได้บดทำลายดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไปอย่างฉับพลัน
“ไม่ !!! ”
ราชันวิหกได้แต่สั่นสะท้านไปขณะที่ส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนก่อนที่ดวงตาของเขาจะหม่นหมองลง
กายหยาบยังถูกเก็บเอาไว้ขณะที่ดวงวิญญาณดับสูญ