Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1365
ประโยชน์จากพลังแห่งความเชื่อนั้นยิ่งใหญ่กว่าพลังทั้งปวงถึงขั้นที่เรียกได้ว่าจะเป็นพลังให้กับเส้นทางการบ่มเพาะของเขาอย่างมาก
ดังนั้นแล้วเขาถึงได้รู้สึกขอบคุณพระสันตะปาปาอย่างจริงใจ
“สหาย ไม่ต้องสุภาพไปหรอก ”
พระสันตะปาปาส่ายศีรษะก่อนที่จะยืนขึ้นด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ข้าเองก็ต้องขอขอบคุณเช่นกัน ในหนึ่งเดือนมานี้ข้าได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมามากมาย ”
ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้แม้ว่าเขาจะอธิบายสิ่งต่างๆให้กับหลินเทียนไปมากมายแต่ทางฝ่ายหลินเทียนเองก็ช่วยแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการบ่มเพาะให้เขามากมายโดยที่ไม่ได้หมกเม็ดแม้แต่น้อยทำให้เขาได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวงถึงขั้นที่สามารถก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะในอนาคตได้มั่นคงและไกลขึ้น
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“แค่เพียงความคิดเห็นเล็กน้อยเท่านั้นแหละ หากว่ามันมีประโยชน์ต่อเจ้าข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ”
เขาตอบกลับอย่างนอบน้อมก่อนที่จะสนทนากันอยู่นาน
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าหกชั่วโมงและมันเป็นตอนที่พวกเขาบอกลากันและกันเพื่อเตรียมตัวกลับไปยังดินแดนศูนย์กลาง
“ลาก่อน ข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของเจ้า ”
พระสันตะปาปาส่งเสียงออกมา
หลินเทียนพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งโบกมือให้แล้วจากไปพร้อมๆกับคนอื่นๆ
พระสันตะปาปาได้แต่มองไปทางหลินเทียนก่อนที่จะถอนหายใจออกมาแล้วหัวหลังเดินจากไป
……..
หลินเทียนและพระสันตะปาปาได้แยกทางกันตรงนี้ขณะที่เขาเดินนำทางคนอื่นๆกลับไปยังดินแดนศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
ตัวเขาไม่ได้เหาะไปทว่ากลับเดินเท้ากลับโดยผ่านภูเขาและแม่น้ำระหว่างทางไปมากมาย
“พลังแห่งความเชื่อ ”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมา
เป็นเพราะว่ามันคือพลังที่ลึกลับและน่าทึ่งอย่างมาก
เขาเริ่มคิดว่าเขาควรจะเริ่มจัดการเกี่ยวกับพลังเหล่านี้
แม้ว่ามันจะไม่ใช่พลังหลักของเขาแต่ก็เป็นส่วนช่วยผลักดันได้มาก
“ท่านอาจารย์ ท่านอยากจะสร้างขุมพลังเพื่อเก็บเกี่ยวความเชื่อและผู้ศรัทธา ? ”
เซียนเซียนนั้นเป็นเด็กที่ฉลาดมากๆดังนั้นหลังจากที่เห็นสีหน้าของเขาแล้วจึงได้ถามออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาโดยที่ไม่ปิดบังอะไรพร้อมกับตอบว่า
“อื้ม ”
“งั้นก็ดีไปเลย ! ท่านรีบก่อตั้งขุมพลังขึ้นมาเลย ไม่นานจะต้องสามารถก้าวข้ามขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน ”
เซียนเซียนพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างมาก
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็อดเผยยิ้มออกมาไม่ได้
เป็นเพราะว่าสำนักนิรันดร์ที่เขาก่อตั้งขึ้นมันแข็งแกร่งกว่าขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์อยู่เป็นพันเป็นหมื่นเท่าอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามหากว่าวัดกันเรื่องพลังแห่งความเชื่อนั้นสำนักนิรันดร์ของเขายังห่างชั้นกันอยู่มากเพราะถึงอย่างไรทางเขาก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับพลังแขนงนี้
“การก่อตั้งขุมพลังมันเป็นเรื่องง่ายๆทว่าสิ่งสำคัญคือการโฆษณาและชักชวนผู้ศรัทธา ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เป็นเพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับมาได้ง่ายๆ สิ่งที่สำคัญคือการโฆษณาเป็นวงกว้างที่ต่อให้ขุมพลังยิ่งใหญ่ขนาดไหนแต่หากว่ามันไม่ฝังลงไปภายในรากลึกของจิตใจแล้วก็ไม่มีทางเลยที่จะได้รับพลังแห่งความเชื่อนี้มา
เขาเคยได้รับพลังเหล่านี้มาสองครั้งในดินแดนสวรรค์สิบชั้นซึ่งครั้งแรกเกิดจากการที่เขาหยุดยั้งหายนะและครั้งที่สองคือตอนที่เขาทำลายม่านพลังไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบซึ่งถือได้ว่าเป็นการทำประโยชน์แก่ส่วนรวมครั้งยิ่งใหญ่ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเขา
“การที่จะรวบรวมพลังแห่งความเชื่อนี้จะต้องโฆษณาอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ศรัทธาถือกำเนิดขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น”
สิ่งที่เขาพูดคือส่วนสำคัญที่สุดของมัน
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะท่านอาจารย์ ! หลังจากที่ท่านก่อตั้งขุมพลังเสร็จแล้วก็ยกหน้าที่โฆษณาให้กับเซียนเซียนได้เลย ขุนเขาสีครามของเรามีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายดังนั้นศิษย์สามารถดึงเอาพวกเขามาช่วยโฆษณาไปทั่วทุกมุมโลกได้”
เซียนเซียนพูดออกมาพลางกำหมัดอย่างตื่นเต้น
พยัคฆ์ขาวที่อยู่ข้างๆเองก็ได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ใช่เจ้าหนู แม่หนูจิ้งจอกนี้สามารถทำได้อย่างแน่นอน ”
หลินเทียนได้หันไปทางมันก่อนที่จะพูดว่า
“ข้าขอคิด………..”
เขาได้พยักหน้าออกมาก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมากถึงขั้นที่ผงะไปพร้อมทั้งหันมองออกไป
เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงการผันผวนของพลังที่ไม่ธรรมดาในทิศทางนั้น
“มีอะไร ? ”
พยัคฆ์ขาวถามออกมา
เซียนเซียนเองก็มองมาทางเขาด้วยท่าทางที่สงสัยไม่แพ้กัน
“ทางตะวันออกเฉียงใต้มีบางสิ่งที่พิเศษอยู่ ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาก่อนที่จะเบิกเนตรแห่งสัจธรรมแล้วมองออกไป
มันเป็นการผันผวนที่ทำให้เขารู้สึกเสมือนว่ามันเป็นสมบัติที่เกิดขึ้นในยุคบรรพกาลเลยก็ว่าได้
“ไปตรวจสอบกันหน่อย ”
เขาพูดออกมาก่อนที่จะฉีกมิติตรงหน้าออกแล้วก้าวออกไปพร้อมๆกัน
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นภายในสถานที่แห่งหนึ่ง
“ซึ้มมม ~~ !”
เสียงน้ำกระเซ็นถูกส่งออกมาขณะที่เกลียวคลื่นซัดออกไปรอบทิศทาง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับพื้นที่ทะเลสีครามที่มีสายลมอ่อนๆพัดผ่าน
หลินเทียนที่มาถึงที่นี่พร้อมกับอีกสองคนได้หันมองออกไปพร้อมสัมผัสได้ถึงการผันผวนที่รุนแรงขึ้นก่อนที่จะพบว่ามันถูกส่งออกมาจากภายใต้ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
“นี่มัน……..สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ”
เซียนเซียนที่กำลังมองออกไปถึงกับผงะไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
“ข้าพอจำได้ว่ามันมีอยู่ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลแล้ว รู้สึกว่าจะเป็นดินแดนต้องห้ามถ้าจำไม่ผิด ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
“เป็นดินเดนต้องห้าม”
เซียนเซียนพูดออกมาพลางพูดต่อว่า
“มันเรียกได้ว่าเป็นสถานที่อันตายที่คร่าชีวิตของมนุษย์ธรรมดาไปมากมายถึงขนาดที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลที่มาที่นี่เองก็ยังถูกกลืนกินไปในพริบตาโดยที่ไม่มีใครรู้เหตุผลเลยด้วยซ้ำ ”
หลินเทียนหันมองลงไปซึ่งตัวเขาเองก็รู้จักมันตั้งแต่สมัยที่เคยอยู่บนโลกใบนี้มาแล้วว่ามันเป็นสถานที่ๆมีพลังพิเศษสามารถดูดเรือทั้งลำลงไปโดยที่แม้แต่วิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถอธิบายได้แต่ไม่คิดเลยว่าเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลก็ยังถูกดูดลงไป
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจข่าวลือเหล่านี้แม้แต่น้อยพลางเบิกเนตรแห่งสัจธรรมขึ้นมาพร้อมทั้งจ้องมองลงไป
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แหละ ”
เขาพูดออกมาพลางก้าวออกไป
เซียนเซียนได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“ท่านอาจารย์ ท่านคิดจะลงไป ? ลงไปทำอะไร ? มันอันตรายมากๆนะ ! ”
นางรู้ดีว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถสังหารเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้ก็จริงทว่าสถานที่แห่งนี้มันสถานที่ๆอันตรายอย่างมากทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่ต้องกังวลไป ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เป็นเพราะว่าการผันผวนที่ส่งออกมาจากใต้ทะเลลึกมันดึงดูดความสนใจของเขามากๆดังนั้นถึงได้อยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
เขาให้ทั้งสองคนรออยู่ด้านบนพร้อมทั้งดำลึกลงไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเขาก็ได้พบกับแหล่งแสงที่อยู่เบื้องล่าง
เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยประกายแสงสีทองขณะที่ดำดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ
พริบตาคลื่นพลังอันหนักหน่วงก็ได้อัดกระแทกเข้ากับม่านพลังสีทองของเขาทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเสมือนว่าเป็นฝ่ามือของยมโลกที่กำลังคว้าเข้าใส่เขา
“เปรี้ย ! ”
ม่านพลังสีทองส่งเสียงปริแตกออกมาก่อนที่รอยแตกร้าวจะแผดขยายออกไปรอบทิศทาง
สีหน้าของเขาได้แต่เปลี่ยนไปก่อนที่จะผงะไป
ต้องรู้ก่อนนะว่าตอนนี้เขาอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8 ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นดังนั้นม่านพลังป้องกันนี้ไม่มีทางเลยที่จะสามารถทำลายลงได้ง่ายๆทว่าตอนนี้คลื่นพลังที่ส่งออกมาจากใต้ทะเลกลับสามารถทำลายมันลงได้ในพริบตา
มันเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
เขาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อสร้างม่านพลังขึ้นมาอีกครั้งแต่มันก็สั่นไหวอย่างรุนแรงและปริแตกอีกครั้ง
มันยิ่งทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นกว่าเก่าเพราะว่าคลื่นพลังใต้น้ำนี้มันทรงพลังถึงขั้นที่สามารถสังหารจ้าวสวรรค์ลงได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
“เป็นอาณาเขตสังหารที่ทรงพลังอย่างมาก ”
เขาพึมพำอยู่ภายในใจ
ตัวเขาที่เชี่ยวชาญทักษะฝังมังกรนั้นได้กวาดสายตาออกไปรอบๆก่อนที่จะพบว่าคลื่นพลังอันหนักหน่วงนี้เกิดจากอาณาเขตอันน่าสะพรึงกลัว
แถมภายในอาณาเขตนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับกลิ่นอายบรรพกาลที่เขาสัมผัสได้ด้วยสัญชาตญาณของตัวเอง