Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1369
ตำหนักมากมายเรียงรายกันอยู่รอบทิศทางขณะที่ต้นไม้มากมายเจริญเติบโตขึ้นหลังจากที่ได้รับพลังฉีอันเข้มข้น
“นี่มัน…..ดูมหัศจรรย์จริงๆ ! ”
เซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกตกตะลึงถึงขีดสุด
“สุดยอดไปเลย ! ”
พยัคฆ์ขาวเองก็ได้ส่งเสียงออกมาเช่นเดียวกัน
เป็นเพราะมันเองก็ใช้ชีวิตมานานทว่าก็เพิ่งจะเคยได้เห็นอะไรที่มันดูยิ่งใหญ่อย่างตำหนักกว่าร้อยหลังและเส้นชีพจรเทวะกว่าสามเส้นที่เป็นรากฐานของขุมพลัง
“ท่านอาจารย์สุดยอดเกินไปแล้ว ด้วยความยิ่งใหญ่ระดับนี้มันก้าวข้ามขุมพลังทั้งหลายในโลกไปหมดแล้ว ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
“อย่าเพิ่งประหลาดใจไปเลย นี่ยังถือว่าธรรมดาๆและเทียบไม่ได้กับสาขาย่อยของสำนักภายในสวรรค์สิบชั้นเลยด้วยซ้ำ ”
เขาโบกมือออกไปพร้อมทั้งสังเวยเอาทรัพยากรบ่มเพาะจำนวนมากออกมาส่งออกไป
ไม่นานเขาได้โบกมือมือฉีกเอาแผ่นไม้มาสร้างเป็นตำราพร้อมทั้งสลักทักษะเทวะและเคล็ดวิชาบ่มเพาะต่างๆลงไปอย่างรวดเร็ว
นับจากนี้ที่นี่จะถือกำเนิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
“เหลือเพียงแค่การป่าวประกาศให้โลกนี้เท่านั้น ”
หลินเทียนพูดออกมา
“ท่านอาจารย์ยกหน้าที่นี้ให้ข้าเถอะ ข้าจะรีบป่าวประกาศไปทั่วโลกให้เร็วที่สุด ”
เซียนเซียนรีบพูดออกมา
“ไม่ต้องลำบากหรอก ”
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องออกไปด้วยตัวเอง ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ยังคงยืนอยู่กับที่ขณะที่ส่งจิตสัมผัสออกไปรอบทิศทางเพื่อป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปทั่ว
มันเป็นเสียงจิตสัมผัสจากเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8 ของเขาทำให้สามารถแพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกได้อย่างรวดเร็วโดยที่ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนลับหรืออื่นๆก็ล้วนได้รับข้อความนี้
มันทำให้ดวงดาวทั้งดวงถึงกับเกิดแรงสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่สีหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
จ้าวขุนเขาต่างๆที่ได้ยินข่าวนี้ถึงกับพากันรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
“ที่นี่มัน……..”
เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าที่ดูยิ่งใหญ่และอัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นแล้วพวกเขาต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“สหายหลินนี่ไม่ธรรมดาจริงๆเลยนะ ”
ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนได้ส่งเสียงพลางถอนหายใจออกมา
คนอื่นๆเองก็ต่างส่งเสียงออกมาไม่ต่างกัน
เป็นเพราะว่าพวกเขาเองก็ได้ยินเรื่องที่หลินเทียนเพิ่งก่อขึ้นไม่นานมานี้ดีแต่ไม่คิดเลยว่าไม่กี่เดือนหลังจากนั้นหลินเทียนจะก่อสร้างขุมพลังใหญ่แบบนี้
“ต่อให้เป็นช่วงกาลก่อนก็ยังไม่มีแบบนี้ ”
เหล่าจ้าวขุมเขาทั้งหลายส่งเสียงออกมา
“ไม่ต้องสุภาพเกินไปก็ได้ ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
วันนี้เป็นวันที่ผู้คนมากมายมารวมตัวกันจากทั่วทุกมุมโลกซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกันโดยเฉพาะมนุษย์ธรรมดาที่ไม่รู้จักการบ่มเพาะ
ขนาดที่ว่ากองกำลังทางทหารทั้งหลายเองก็ยังตื่นตัวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งแห่กันมาที่นี่แต่ก็ต้องล่าถอยกลับไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวขุนเขาต่างๆ
เพราะถึงอย่างไรเส้นสายของพวกเขาในโลกนี้ก็มียิ่งใหญ่มากๆ
“ไม่คิดเลยว่าสหายจะก่อตั้งขุมพลังขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้แถมยังเปิดเผยต่อสายตาคนทั้งโลก ”
จ้าวขุนเขาเพ็งไล่ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“เส้นทางบ่มเพาะนั้นแม้จะยากเย็นแต่ก็เป็นสิ่งที่ดี มันเป็นสิ่งที่คู่ควรกับทุกคนบนโลก ”
นี่ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่หลบซ่อนตัวบ่มเพาะอยู่ภายในดินแดนลับดังนั้นหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนกล้าก่อตั้งขุมพลังอย่างเปิดเผยแบบนี้แล้วก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยแต่เมื่อได้ยินความคิดเห็นของหลินเทียนแล้วก็พบว่าการกระทำของพวกเขาไม่ต่างกับการดูถูกมนุษย์ธรรมดาแม้แต่น้อยเพราะพวกเขาไม่อยากจะให้คนเหล่านี้รู้ถึงการมีอยู่ของตนเองและเกี่ยวข้องกับโลกของพวกเขา
แต่ตัวหลินเทียนนั้นต่างกันออกไปเพราะขุมพลังของเขาถ่ายทอดพลังให้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะหรือมนุษย์ธรรมดาก็ตามที
“สหายนี่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งจริงๆ ”
จ้าวขุนเขาทั้งหลายส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกละอายใจ
แม้ว่าอายุของหลินเทียนจะไม่แก่ไปกว่าพวกเขาแต่ทัศนวิสัยกลับก้าวไกลกว่าพวกเขามากดังนั้นถึงได้รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้พูดอะไรและทำเพียงแค่ยิ้มตอบเท่านั้น
“ฉันจะเข้าร่วมกับขุมพลังนี้ ! ”
“ได้โปรดให้ฉันได้เข้าร่วมด้วยเถอะ ! ”
“ฉันอยากจะบ่มเพาะ ! ”
ผู้คนมากมายพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตั้งใจเข้าร่วมกับสำนักนิรันดแห่งนี้
เพียงแค่วันเดียวสำนักแห่งนี้ก็มีศิษย์นับหมื่นคน
หลินเทียนเองก็ใช้เวลาอยู่กับจ้าวขุมพลังต่างๆก่อนที่วันรุ่งขึ้นพวกเขาจะแยกย้ายกันกลับไป
หลินเทียนออกไปส่งพวกเขาก่อนที่จะยกหน้าที่ทั้งหมดให้กับเซียนเซียนเป็นคนดูแลพร้อมทั้งเก็บตัวพลางเอาร่างกายหยาบของราชันวิหกออกมาเพื่อเริ่มการหล่อหลอม
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนและมันเป็นวันที่เขาได้ตัดผ่านไปยังเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลาย
“อีกแค่ครึ่งก้าวก็ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้แล้ว ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาก่อนที่จะเรียกเซียนเซียนเข้ามา
ช่วงเวลากว่าครึ่งเดือนมานี้เซียนเซียนทำได้อย่างดีมาก
“เซียนเซียน เจ้าเริ่มการเผยแพร่คำสอนของเราได้เลย ”
เขาเรียกนางเข้าพบพร้อมๆกับส่งเจดีย์ราชันอมตะให้กับนางขณะที่ประกายแสงสีม่วงโอบร่างของนางเอาไว้
“เจ้าเอามันติดตัวไปด้วยระหว่างที่เผยแพร่คำสอนแล้วกัน ระหว่างนี้หน้าที่ดูแลสำนักก็ยังคงเป็นของเจ้าเพราะข้าจำเป็นต้องเก็บตัวบ่มเพาะอีกสักระยะ ”