Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1370
สำนักนิรันด์ได้ถูกก่อตั้งขึ้นกว่าครึ่งเดือนแล้วแถมยังอยู่ในสภาวะที่คงที่แล้วดังนั้นก็ควรจะเริ่มการเผยแพร่คำสอนได้แล้ว
ระหว่างนี้ระดับพลังของเขาเองก็อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลายแล้วด้วยดังนั้นถึงได้คิดจะเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าให้ได้
ก่อนที่จะเก็บตัวบ่มเพาะนี้เขาได้ส่งมอบหน้าที่ทั้งหมดให้กับเซียนเซียนไป
“ให้ไอ้เสือโง่นั่นเป็นผู้ช่วยของเจ้าแล้วกัน ”
เขาพูดออกมา
“ได้ค่ะท่านอาจารย์ ”
ทางได้พยักหน้าพร้อมทั้งแหงนมองไปยังเจดีย์ราชันอมตะเหนือศีรษะของตัวเองพลางถามออกมาด้วยใบหน้าที่มีความสุขอย่างมากว่า
“ท่านอาจารย์ ท่านยอมรับข้าเป็นศิษย์แล้ว ? ”
เป็นเพราะการที่หลินเทียนส่งมอบหน้าที่ทั้งหมดของสำนักให้กับนางแบบนี้แถมยังยกอาวุธวิญญาณให้นางดูแลนี้มันมีความหมายที่ลึกซึ้งมากๆ
“ถึงตอนนี้แล้วยังจะถามอีกงั้นรึ ”
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าเขาจะพูดไปแบบนั้นแต่จริงๆแล้วพรสวรรค์ของเซียนเซียนเองก็สูงส่งมากๆแถมยังตั้งใจเกี่ยวกับเรื่องของเขาทุกเรื่องดังนั้นหากว่าเขาไม่ยอมรับเป็นศิษย์ก็คงจะดูไม่มีเหตุผลอย่างมาก
“ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ ”
นางได้ส่งเสียงออกมาอย่างมีความสุขพร้อมทั้งคาราวะลงกับพื้น
หลินเทียนโบกมือส่งพลังออกไปพยุงร่างนางกลับขึ้นมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธีนักก็ได้ เชื้อสายของเราเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ”
หลังจากนั้นเขาได้พูดต่อว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างที่เผยแพร่คำสอนก็ช่วยหาตัวเฉินหลินแล้วนำกลับมาที่สำนักของเราด้วยแล้วกัน นางเป็นลูกหลานผู้มีพระคุณของอาจารย์ ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งโบกมือสร้างภาพร่างของเฉินหลินขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เขาได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาและมอบยาทิพย์ให้นางไว้มากมายเพราะเขายังไม่มีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากมายดังนั้นการที่เอานางติดตัวไปด้วยจึงไม่เหมาะเท่าไหร่ทว่าตอนนี้มันต่างกันออกไปแล้วเพราะเขาก่อตั้งขุมพลังขึ้นมาแล้วดังนั้นถึงได้คิดจะนำนางกลับมา
ตัวเขาจำเป็นต้องทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณของเขา
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะท่านอาจารย์ ! ”
เซียนเซียนตอบรับอย่างจริงจัง
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“หลังจากที่หาตัวนางพบแล้วก็ให้นางช่วยเจ้าเผยแพร่คำสอนแล้วกัน ”
“อื้ม ! ”
เซียนเซียนพยักหน้าของนาง
“ไปเถอะ ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เซียนเซียนพยักหน้าของนางพร้อมทั้งก้าวถอยกลับออกไปด้านนอก
หลินเทียนที่กำลังมองออกไปได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาจะส่องประกายออกมา
“อีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถตัดผ่านได้แล้ว ”
เขาพึมพำออกมาพร้อมทั้งเริ่มการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว
วันนี้เป็นวันเดียวกันกับที่เซียนเซียนได้สั่งการให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายออกไปเผยแพร่คำสอนของสำนัก
ระหว่างที่กำลังออกเดินทางก็ได้พบตัวเฉินหลินพร้อมทั้งนำนางท่องโลกกว้างไปด้วยกันเพื่อเพิ่มผู้ศรัทธาของสำนักอย่างตั้งใจ
พริบตาชื่อเสียงของสำนักนิรันด์ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโลก
เซียนเซียนที่เดินทางไปทั่วทั้งโลกพร้อมๆกับเฉินหลินเองก็ตั้งใจอย่างมากซึ่งระหว่างนั้นก็จะสำแดงทักษะเทวะออกมาให้มนุษย์ธรรมดาได้ดูเป็นครั้งๆเพื่อช่วยพวกเขารักษาโรคร้ายและฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อเอาไว้ในจิตใจของคนเหล่านี้
เวลาได้ผ่านไปกว่าสามปีอย่างรวดเร็ว
ด้วยความพยายามตลอดสามปีมานี้ทำให้ชื่อเสียงของสำนักโด่งดังอย่างมากแถมยังมีผู้ศรัทธาอยู่ทั่วทุกมุมโลกถึงแม้จะไม่สามารถเทียบเคียงได้กับขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนนี้ทว่าเหล่าศิษย์ของสำนักจากสองหมื่นคนได้เพิ่มกลายเป็นสามแสนคนแล้ว
นี่คือผลลัพธ์จากความพยายามของเซียนเซียนรวมถึงเป็นเพราะการที่หลินเทียนเปิดเผยตัวตนของสำนักให้โลกรู้ทำให้เหล่าศิษย์และผู้ศรัทธาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ทึ้มมม ! ”
วันนี้เป็นวันที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังทำให้ม่านฟ้าแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬ
หลังจากนั้นก็ปรากฏวังน้ำวนสายฟ้าขึ้นพร้อมทั้งแผดขยายออกไปรอบทิศทาง
กลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังสร้างความสะพรึงกลัวให้กับทุกชีวิตบนโลกใบนี้
โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ที่อยู่ภายในสำนักที่ได้แต่พากันสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง
“นี่มัน…..ทัณฑ์สวรรค์ ?! ”
เซียนเซียนที่เพิ่งกลับมาถึงสำนักเองก็ได้แต่จ้องมองกลับขึ้นไปด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมาก
พยัคฆ์ขาวเองก็ถึงกับพูดออกมาด้วยความรู้สึกขนหัวลุกว่า
“นี่มัน….ทัณฑ์สวรรค์อะไรกัน ?! ”
หัวใจของมันสั่นไหวไม่หยุดเพราะว่ากลิ่นอายทำลายล้างระดับนี้ต่อให้เป็นจักรพรรดิว่างเปล่าก็ไม่มีทางต่อต้านได้แน่ๆ
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามยังคงถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่วังวนสายฟ้าจะสลายหายไปพร้อมๆกับกลิ่นอายทำลายล้าง
หลินเทียนที่อยู่ภายในส่วนลึกของสำนักได้เหาะอยู่ใจกลางสำนักในตอนนี้
“ท่านอาจารย์ ?! ท่านออกมาแล้ว ? ”
เซียนเซียนหันมองออกมาทางเขา
หลังจากนั้นเหล่าศิษย์ทั้งหลายก็พากันแสดงความเคารพออกมาอย่างจริงจัง
หลินเทียนเผยรอยยิ้มจางๆของเขาออกมาพร้อมทั้งสั่งการให้เหล่าศิษย์แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“เจ้าหนูดูแข็งแกร่งขึ้นหนิ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
“ก็งั้นๆแหละ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาหันมองไปทางเซียนเซียนก่อนที่จะโบกมือทำให้เจดีย์ราชันอมตะเคลื่อนที่กลับเข้ามาอยู่ข้างกายของเขา
สามปีมานี้มันได้เก็บเกี่ยวพลังแห่งความเชื่อเอาไว้มากมายถึงขั้นที่อักขระเทวะทั้งหลายส่องประกายแสงเจิดจรัสหลากสีออกมา
ตัวเขาสัมผัสได้เลยว่าความแข็งแกร่งของมันในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธบรรพบุรุษตอนปลายเลยก็ว่าได้
นี่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเซียนเซียนในช่วงตลอดสามปีมานี้
“เหนื่อยหน่อยนะจิ้งจอกน้อย ”
เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ”
เซียนเซียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
สามปีมานี้แม้นางจะออกไปเผยแพร่คำสอนทว่าระดับพลังของนางเองก็ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะครอบครองพลังแห่งศรัทธารวมถึงสัจธรรมขากเจดีย์ราชันอมตะของหลินเทียนทำให้อีกเพียงแค่ครึ่งก้าวก็สามารถตัดผ่านเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าได้แล้วทว่าความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวแห่งเต๋าระดับ 2 เลยด้วยซ้ำ
แถมชื่อเสียงของนางเองก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโลกและได้ชื่อว่าเป็นองค์หญิงแห่งสำนักนิรันด์
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งหันมองไปยังเฉินหลินที่เขาสั่งการให้เซียนเซียนออกไปตามตัวนางกลับมาที่สำนัก
“ปรับตัวกับสำนักได้หรือยัง ? ”
เขาถามออกมา
“พี่สาวถูดูแลฉันได้ดีมากๆ ”
เฉินหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระซิบอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้องคิดมากไปหรอก คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเลยก็ได้ ”
หลินเทียนพูดออกมา
หลังจากนั้นเขาก็ได้เหาะลงมาจากฟากฟ้าพร้อมทั้งสนทนากับคนเหล่านี้อยู่นานเพราะถึงอย่างไรก็ไม่ได้พูดคุยกันกว่าสามปีเต็มๆ
สามปีมันไม่ถือว่าเป็นเวลาสั้นๆเลยด้วย
“หลังจากนี้ข้าต้องออกไปยังห้วงอวกาศเพื่อก้าวข้ามการลงทัณฑ์ดังนั้นคงกินเวลาสักพัก ”
เขาหันไปพูดกับเซียนเซียนและคนอื่นๆ
นี่ทำให้พวกเขาได้แต่พยักหน้าก่อนที่จะผงะไป
“ก้าวข้ามการลงทัณฑ์ ? ทัณฑ์อะไรกัน ? ”
เซียนเซียนถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ทัณฑ์สวรรค์ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ ท่านไม่ได้อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์แล้วหรือไงกัน ? แล้วยังจะได้รับทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างไรกัน ?! ไม่ใช่ว่ามันมีเพียงเฉพาะตอนที่ตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันด์หรือไง ?! ”
เซียนเซียนได้ผงะไป
พยัคฆ์ขาวและเฉินหลินก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน
“ทำไงได้ ก็ข้ามันโชคดีหนิที่เป็นที่อิจฉาของสวรรค์ถึงได้ถูกฟ้าฝ่ามาตั้งแต่ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดินภาและทุกๆคนเขตแดนใหญ่ก็จะถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าไปเรื่อยๆ ”
เขาพูดออกมา
“ว่าไงนะ ?! ”
พยัคฆ์ขาวและคนอื่นๆได้แต่ผวาไป
“รับทัณฑ์สวรรค์ตั้งแต่ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดินภา ?! และทุกๆครั้งที่ตัดผ่านเขตแดนใหญ่ ? ”
เซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึงว่า
“นี่หรือว่าบรรพบุรุษของท่านเป็นปีศาจร้ายกัน ? ”
หลินเทียนได้แต่ดีดหน้าผากของนางพร้อมทั้งพูดว่า
“มันใช่เรื่องที่จะพูดไหมน่ะ ? ”
เซียนเซียนกุมหน้าผากของนางเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดและโอดครวญออกมา
หลินเทียนได้พยักหน้าของเขาโดยที่ไม่ได้ปิดบังอะไร
“ข้าได้ยับยั้งกลิ่นอายเอาไว้ชั่วคราวแล้วจะรีบออกไปยังห้วงจักรวาลเพื่อก้าวข้ามมัน ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้เป็นอย่างดีว่าสามารถทำลายดินแดนแห่งนี้ได้และจะทำให้เกิดผู้เสียชีวิตมากมายดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้
เขายืนอยู่กับที่พร้อมทั้งสั่งการออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะเหาะจากไป
ความเร็วของเขาสูงเป็นอย่างมากถึงขั้นที่ออกจากชั้นบรรยากาศได้อย่างรวดเร็วพลางมุ่งหน้าไปยังดาวสีเหลืองดวงหนึ่ง
เมื่อสำรวจดูแล้วจะพบว่ามันเป็นดวงดาวที่เต็มไปด้วยทะเลทรายโดยที่ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายชีวิตได้แม้แต่น้อย
“ที่นี่แหละ ”
เขาพึมพำออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายก่อนที่จะปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาอย่างเต็มกำลังพร้อมทั้งตัดผ่านไปยังเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า
กลิ่นอายอันหนักหน่วงส่งผลให้ม่านฟ้าถูกย้อมเป็นสีทองไปในชั่วพริบตา
“ทึ้มมม ~! ”
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งตามออกมาขณะที่ทัณฑ์สวรรค์ก่อตัวขึ้น