Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1377
รอยแยกยังคงส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้น
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งนิรันดร์ซึ่งบ่งบอกเลยว่าเป็นเส้นทางไปสู่ดินแดนนิรันดร์ในตำนานที่ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่
อย่างไรก็ตามหลินเทียนและคนอื่นๆไม่ได้ขยับไปไหนและได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยสายตาแปลกๆ
เพราะก่อนหน้านี้ศัตรูทั้งสองคนที่พุ่งเข้าไปต่างพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมาเสมือนว่าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่อันตรายเข้าและตกตายลงที่นั่น
พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นเส้นทางที่ผู้เชี่ยวชาญในอดีตได้ผนึกเอาไว้แต่ใครจะกล้าก้าวข้ามไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้ากัน ?!
แม้กระทั่งหลินเทียนเองก็ยังได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกต่ำออกมา
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งคว้านกที่อยู่ห่างออกไปแล้วโยนเข้าใส่
วินาทีที่นกตัวนั้นหลุดเข้าไปภายในรอยแยกก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่จะสงบลง
แน่นอนว่ามันตกตายลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาได้หยุดพักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะโยนมันเข้าไปอีกหลายๆครั้งแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ได้ต่างกัน
ทุกตัวตกตายลงทั้งหมด
“ด้านหลังรอยแยกนี้มันคืออะไรกัน ……..”
เซียนเซียนได้แต่สั่นสะท้านไป
เป็นเพราะว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตัดสินอะไรได้ว่ามันนำทางไปยังดินแดนนิรันดร์หรือขุมนรกกันแน่
หลินเทียนได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่าและไม่กล้าก้าวออกไป
“บึ้สสส ! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำไปยังสถานที่ตรงหน้า
นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันหมายความว่ากระบี่เทวะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่
มันแสดงให้เห็นว่าด้านหลังนี้มีเศษเสี้ยวกระบี่อยู่ !
“นี่……”
มันทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายออกมา
เซียนเซียนที่อยู่ข้างๆและตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาก็ได้ถามออกมาว่า
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอะไรไป ? ”
พยัคฆ์ขาวเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
หลินเทียนได้แต่มองออกไปยังรอยแยกตรงหน้าที่ส่องประกายแสงออกมาอย่างเรือนรางโดยที่แม้แต่จิตสัมผัสของเขาก็มิอาจตรวจสอบได้
“เจ้าเฝ้าอยู่ด้านนอกก่อนแล้วกัน ข้าจะเข้าไปหาบางสิ่งและดูว่ามันเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ดินแดนนิรันดร์หรือไม่ แล้วข้าจะกลับมาบอก ”
เขาหันไปพูดกับทั้งสองคน
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วอีกสองคนก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ท่านอาจารย์โปรดคิดดูดีๆเพราะมันเป็นสถานที่ๆอันตรายมากๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยความเป็นห่วง
เป็นเพราะถึงขนาดที่ว่าจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายสองคนเองก็ยังได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาก็แสดงให้เห็นถึงความอันตรายที่รออยู่เบื้องหลังสถานที่แห่งนี้แล้วทำให้นางไม่อยากให้หลินเทียนต้องพบเจอกับชะตากรรมแบบเดียวกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะระมัดระวัง ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่ากระบี่เทวะภายในร่างได้ตอบสนองดังนั้นถึงอย่างไรเขาก็จำเป็นต้องไปอยู่ดี
“แต่ว่า….”
เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมา
“ไม่ต้องกังวล ”
หลินเทียนโบกมือเรียกเอาศิลาหินกลับมาพร้อมทั้งใช้มันปกป้องร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
มันเป็นรอยแยกความกว้างประมาณสิบเมตรรายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสขณะที่เขาก้าวผ่านเข้าไปอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้โถมเข้ามาจากรอบทิศทางพร้อมๆกับกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้น
ร่างกายของเขาได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งรู้สึกเสมือนว่ากำลังถูกฟาดเข้าที่หน้าอกอย่างจังทำให้เขากระอักเลือดออกมาด้วยใบหน้าที่ตกต่ำอย่างมากก่อนที่จะรีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อเปิดการทำงานของศิลาหินเพื่อปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาสามารถมองเห็นภาพเรือนรางที่อยู่รอบทิศทางได้อย่างชัดเจน
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับสถานที่ๆเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีขาวและกองซากศพจำนวนมหาศาล
“นี่มัน ?! ”
เขาได้แต่อดสั่นสะท้านไปไม่ได้
เป็นเพราะมันเป็นกองภูเขาซากศพมากมายที่ส่งกลุ่มหมอกที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นออกมาเสมือนว่าเพียงแค่เศษเสี้ยวของมันก็เพียงพอจะกัดกร่อนทุกสิ่ง
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งพบกับโครงกระดูกตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะตกตายลงพลางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของผู้รุกรานทั้งสองคนและฝูงนกที่เขาโยนเข้ามาก่อนหน้านี้
“พวกมันตกตายลงเพราะสิ่งนี้ ?! ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีก่อนที่จะหันมองออกไปยังกลุ่มหมอกแล้วพูดออกมาว่า
“โครงกระดูกพวกนี้เป็นของผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมสงครามในอดีต ? ”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุดออกมาเพราะว่าด้วยจำนวนโครงกระดูกนี้มันมีไม่ต่ำกว่าล้านคนอย่างแน่นอน
ต้องรู้ก่อนนะว่ามันเป็นสงครามทำลายล้างที่ทำลายพื้นที่ดาวโลกไปกว่าเก้าในสิบส่วน
นี่ทำให้เขาไม่สามารถประมาณการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ
มันจะต้องเป็นจำนวนที่มหาศาลจนน่ากลัว !
“ทึ้มมม ~! ”
มิติโดยรอบได้สั่นไหวก่อนที่กลุ่มหมอกที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายจะพากันรวยล้อมร่างของเขาเอาไว้เสมือนว่าต้องการจะกัดกร่อนร่างของเขาไป
หลินเทียนได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะแม้จะมีอาวุธอนันตกาลคอยปกป้องร่างกายเอาไว้แต่ก็ยังอดรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไม่ได้
เป็นเพราะว่าศพที่อยู่ที่นี่มันมีมากเกินไปแถมก่อนตายยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นกลิ่นอายแห่งความตายที่ส่งออกมาถึงได้ทรงพลังจนน่ากลัว
เขาพยายามหมุนวนพลังถึงขีดสุดเพื่ออาศัยศิลาหินปกป้องร่างเอาไว้พร้อมๆกับสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมา
แม้ว่าตอนนี้มันจะยังเทียบชั้นกับศิลาหินไม่ได้ทว่ามันถูกหลอมขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลดังนั้นถึงได้พอจะสามารถต่อต้านกลิ่นอายแห่งความตายด้วยกลิ่นอายโกลาหลได้