Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1378
โครงกระดูกมากมายเรียงรายกันอยู่รอบทิศทางขณะที่กลุ่มหมอกแห่งความตายที่เบาบางแต่กลับให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมา
แม้หลินเทียนจะใช้ศิลาหินและเจดีย์ราชันอมตะปกป้องร่างกายเอาไว้แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกขนหัวลุกได้อยู่ดี
“น่ากลัวจริงๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
กลิ่นอายแห่งความตายภายในสถานที่แห่งนี้มันรุนแรงเกินไปทำให้หัวใจของเขาได้แต่สั่นไหวอย่างรุนแรง
เขาได้ตั้งสติเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องมองออกไปยังกองซากศพตรงหน้าที่ชี้นำไปยังสถานที่ๆลึกลับ
บึ้สส !
กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวอีกครั้งขณะที่ประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาเพื่อชี้นำเขาไปยังเส้นทางด้านหน้า
เขาได้นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะเริ่มก้าวเดินออกไป
การตอบสนองของกระบี่เทวะบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันค้นพบเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่เบื้องหน้า
เขาก้าวเดินผ่านกองซากศพมากมายพร้อมทั้งมีเสียงกระดูกแตกหักถูกส่งออกมาพักๆขณะที่กลุ่มหมอกพากันโถมเข้าใส่ร่างของเขาด้วยพลังที่สามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง
เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยอาวุธทั้งสองขณะที่ก้าวเดินต่อไปด้วยสีหน้าที่จริงจังและระมัดระวังอย่างมาก
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสิบห้านาทีและมันเป็นตอนนี้เองที่กระบี่เทวะภายในร่างของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งปลดปล่อยประกายแสงที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่าออกมา
หลังจากนั้นเองที่มิติตรงหน้าได้ปริแตกก่อนที่รอยแยกจะขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยย ~!
ท้ายที่สุดมิติตรงหน้าก็แหลกสลายพร้อมเผยให้เป็นประกายแสงสีม่วงที่อยู่ภายใน
กลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
“พบแล้ว ”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าของสิ่งนี้มันมีความสำคัญกับเขามากๆดังนั้นการที่ได้พบมันที่นี่ถึงได้ทำให้เขามีความสุขอย่างมากเพราะถึงอย่างไรการที่เขาได้ก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะนี้ก็เพราะมันจึงคาดหวังที่จะให้มันสมบูรณ์แบบอีกครั้ง
เมื่อมันกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วเขาเชื่ออย่างสุดในเลยว่ามันจะสามารถทำลายได้ทุกสิ่งอย่างแน่นอน
เขามองออกไปยังกลุ่มก้อนพลังเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือขวาของเขาออกไปจับมันเอาไว้
เศษเสี้ยวกระบี่ได้สั่นไหวก่อนที่จะส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมา
หลังจากนั้นไม่นานมันก็ได้ไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขา
ไม่นานมันก็ผสานเข้ากับตัวกระบี่เทวะพร้อมทั้งส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา
บึ้สสส !
ประกายแสงนี้แผดกระจายออกไปทั่วทะเลความรู้ของเขาอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนที่คุ้นเคยอยู่กับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วก็รีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหล่อหลอมพลังที่อยู่ภายในร่างของเขา
นี่ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเปล่งประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้นและหลังจากนั้นกลิ่นอายของเขาก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
บึ้สสส ~!
ประกายแสงสีทองส่องประกายเจิดจรัสออกมา
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปกว่าสามวันเต็มและมันเป็นวันนี้เองที่พลังทั้งหมดได้ถูกเขาหล่อหลอมอย่างสมบูรณ์ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากถึงขั้นที่แทบจะตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางได้แล้ว
เพราะถึงอย่างไรการที่จะตัดผ่านระดับกลางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยแม้แต่น้อย
เขาหยุดการหมุนวนก่อนที่จะกวาดจิตสัมผัสออกไปรอบๆพร้อมพบว่าอักขระที่รายล้อมกระบี่เทวะเอาไว้ยิ่งดูชัดเจนมากยิ่งขึ้นแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจมันได้ก็ตามที
“ยังมีอยู่กว่าสองในห้าส่วนที่ยังเรือนลาง คาดหวังให้วันที่เจ้าสมบูรณ์มาถึงไวๆจริงๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
อักขระที่รายล้อมกระบี่เทวะของดูลึกลับซับซ้อนอย่างมากและทุกครั้งที่เศษเสี้ยววิญญาณของมันผสานเข้าด้วยกันแล้วก็จะทำให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้นและหากว่าถึงวันที่มันสมบูรณ์แล้วเขาก็เชื่อว่ามันจะต้องเป็นอาวุธเทวะที่ทรงพลังมากที่สุดอย่างแน่นอน
เขาสำรวจมันด้วยจิตสัมผัสก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายออกมา
ไม่นานหลังจากนั้นประกายแสงสีทองที่แผดออกมาจากร่างของเขาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่สายตาของเขาจะจับจ้องไปเบื้องหน้าอีกครั้ง
“มันนำพาเราไปยังดินแดนนิรันดร์ ? ”
เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะก้าวออกไป
ดินแดนนิรันดร์นั้นเป็นสถานที่ในตำนานที่อยู่เหนือห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ๆเหล่าผู้บ่มเพาะต่างโหยหา
มันเป็นสถานที่ในตำนานที่เขาเองก็ให้ความสำคัญไม่น้อยและอยากจะรู้ว่าเส้นทางนี้มันจะนำพาไปถึงไหน
เขาก้าวเดินออกไปตามเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยซากศพเป็นเวลาอยู่นานขณะที่ความเข้มข้นของกลิ่นอายแห่งความตายยิ่งพุ่งสูงขึ้นถึงขั้นที่แม้จะมีอาวุธทั้งสองคอยปกป้องเอาไว้ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง
อย่างไรก็ตามสำหรับเขาแล้วมันไม่ถือว่าเป็นปัญหามากนักเพราะเขาเองก็ยังสามารถอดทนและก้าวต่อไปได้
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปถึงสามวันเต็ม
วันนี้เป็นวันที่กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งสูงถึงขีดสุด
แต่มันเป็นเวลาเดียวกันที่เขาพบว่าตรงหน้าของเขาไม่มีเส้นทางใดๆอีกต่อไป
“นี่มัน….”
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะว่าภาพตรงหน้าของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากปกติ
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาฝังมังกรก่อนที่จะส่งมันออกไปยังกลุ่มหมอกตรงหน้าทว่ามันกลับถูกกลืนกินไปอย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้
แต่แม้จะมันจะไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสัจธรรมแห่งนิรันด์อันเข้มข้น
“สัจธรรมแห่งนิรันด์…….ด้านหลังกลุ่มหมอกพวกนี้คือดินแดนแห่งนิรันดร์ในตำนาน ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองพร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า
“เป็นเพราะว่าสมบัติสวรรค์ได้ตกลงมาที่โลกใบนี้ดังนั้นม่านพลังที่ขวางกั้นระหว่างสองดินแดนถึงได้ถูกทำลายลงและเกิดเป็นช่องว่างมิติที่เชื่อมต่อระหว่างดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกและดินแดนนิรันดร์ซึ่งหลังจากที่ผนึกอยู่นานช่องว่างระหว่างพวกมันก็ได้รักษาตัวมันเอง ? ”