Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1381
ดาวจี่หยานนั้นอยู่ในใจกลางหมู่ดาวจี่หยานแห่งนี้ซึ่งมีสถานะที่สูงส่งอย่างมากเหมือนๆกับดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกที่อยู่ในหมู่ดาวทางช้างเผือก
หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาลได้จ้องมองออกไปพร้อมรู้สึกยอมรับเลยว่ามันเป็นดาวดวงที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“อยู่ภายในหมู่ดาวจี่หยานแล้วยังมีชื่อว่าดาวจี่หยานอีกนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่มองออกไปยังหมู่ดาวมากมายที่โคจรอยู่รอบตัวมันเสมือนดั่งเหล่าผู้คนที่รายล้อมจักรพรรดิอย่างไรอย่างนั้น
หลินเทียนได้หยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
ตู้มม !
แรงต้านของดาวดวงนี้รุนแรงถึงขั้นที่แม้เขาจะปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยพลังเทวะทว่าก็ยังจุดประกายเปลวเพลิงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เข้าไปถึงพื้นที่ภายในดาวดวงนี้
กลุ่มเมฆสีขาวล่องลอยอยู่ตามอากาศขณะที่เขายืนอยู่บนฟากฟ้าที่มีอากาศอบอุ่น
เมื่อมองลงไปแล้วจะพบได้กับโลกขนาดใหญ่ที่ไม่รู้เลยว่ายิ่งใหญ่กว่าดินแดนสวรรค์สิบชั้นกี่เท่าแถมยังมีพลังฉีอันเข้มข้นกว่าเป็นไหนๆ
“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงแกนกลางของหมู่ดาวจี่หยาน ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมา
โลกอันกว้างใหญ่นี้เหมะแก่การบ่มเพาะอย่างมาก
เขายืนอยู่บนฟากฟ้าอยู่นานก่อนที่จะเหาะกลับลงไปที่พื้น
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงพื้นผิวบนดาวก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังฉีที่เข้มข้นมากยิ่งกว่าเก่า
ภูเขามากมายเรียงรายกันออกไปสุดลูกหูลูกตาขณะที่ต้นไม้เจริญงอกงามอยู่ทุกหนแห่งให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
นี่ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะว่าดาวดวงนี้มันยิ่งใหญ่จริงๆ
“ไปที่หุบเขากลืนนิรันดร์ก่อนแล้วกัน ”
เขาพึมพำออกมา
หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหุบเขาแห่งนี้มาว่าภายในส่วนลึกของมันมีประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาเป็นระลอกๆซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากๆที่มันจะเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ของเขา
ดังนั้นแล้วการที่เขามาที่นี่ก็เพื่อจะตามหามันโดยทันที
เขาอาศัยการสอบถามผู้เชี่ยวชาญตามเส้นทางจนได้ที่ตั้งที่ชัดเจนของมันและไม่ลังเลเลยที่จะเหาะออกไปอย่างรวดเร็วและระหว่างนั้นก็ฉีกมิติออกเป็นพักๆจนไปถึงที่นั่นได้ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
ต้องบอกเลยว่ามันเป็นไม่เหมาะกับชื่อหุบเขาเลยก็ว่าได้เพราะขนาดอันยิ่งใหญ่ของมันนั้นตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขามากมายส่งกลุ่มหมอกแห่งความตายสีดำทมิฬออกมาเสมือนว่าเป็นดินแดนยมโลกเลยก็ว่าได้
เขามาถึงที่นี่ก่อนที่จะหันมองออกไปพร้อมทั้งอดรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้
“ที่นี่คือหุบเขากลืนนิรันดร์……..ดูอันตรายจริงๆ ”
เขาคิดอยู่ภายในใจ
ระดับพลังของเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแถมยังเชี่ยวชาญทักษะฝังมังกรดังนั้นถึงได้เข้าใจถึงสภาพพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ใช่หุบเขาธรรมดาๆทว่ากลับเกิดการก่อตัวขึ้นของอาณาเขตสังหารที่ทรงพลังทำให้มันแทบจะกลายเป็นดินแดนสังหารเลยก็ว่าได้
“ด้วยระดับพลังของเราในตอนนี้น่าจะเพียงพอที่จะเข้าไปภายในส่วนลึก ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มันอันตรายเกินไป !
เขายืนอยู่กับที่พร้อมทั้งเบิกเนตรสัจธรรมขึ้นมาพลางกัดฟันแล้วก้าวเดินออกไป
ที่นี่ไม่มีผู้คนอยู่เลยแม้แต่น้อยซึ่งเขาเองก็ก้าวเดินเข้าไปจากมุมๆหนึ่ง
และในเวลาเดียวกันนี้เองที่เมื่อเท้าของเขาย่างก้าวเข้าไปก็ทำให้กระบี่เทวะภายในร่างสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมา
เส้นทางที่มันชี้นำออกไปคือพื้นที่ด้านหน้าของเขา
นี่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
“ภายในมันมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่จริงๆด้วย ”
เขากำหมัดเอาไว้
เนื่องจากการตอบสนองนี้มันเป็นอะไรที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก
เขาจ้องมองออกไปก่อนที่จะจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก้าวเดินออกไป
การตอบสนองอย่างประกายแสงเจ็ดสีนี้มันทำให้เขายืนยันได้ทันทีว่าภายในจะต้องมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่แน่นอน
“ฟู้วว ~! ”
สายลมอ่อนๆพัดผ่านกลุ่มหมอกสีดำผ่านไป
อากาศภายในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเปียกชื้นซึ่งหลินเทียนเองก็ก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆเพราะเขายืนยันได้แล้วว่ามีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ในสถานที่แห่งนี้
เขาก้าวเดินเหยียบลงไปบนพื้นที่เปียกแฉะอย่างนุ่มนวล
ณ ตอนนี้กลุ่มหมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆก่อนที่พื้นดินจะสั่นไหวพร้อมทั้งปรากฏงูยักษ์ที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายขึ้นจากพื้นพลางกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนโบกมือของเขาเหวี่ยงตบอัดมันก่อนที่จะมีเสียงโลหะปะทะกันอย่างดังถูกส่งกลับออกมา
“นี่…..”
มันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแล้วแถมยังเป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนนิรันดร์อมตะทว่าฝ่ามือของเขากลับไม่สามารถทำอันตรายอีกฝ่ายลงได้
งูยักษ์ได้เกระโจนเข้าใส่ทางเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อยแถมยังส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไป
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ
“แข็งแกร่งพอๆกับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเลยก็ว่าได้ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เมื่อมองออกไปยังเศษซากศพของมันแล้วเขาก็ก้าวเดินต่อไปภายในอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็จะยิ่งไปว่ากลุ่มหมอกมันยิ่งหนาและเย็นขึ้น
ห่างออกไปไม่ไกลจะพบกับร่างมนุษย์กำลังยืนอยู่ด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำโดยที่ไม่ขยับไปไหนให้ความรู้สึกที่น่าขนหัวลุกมากๆ
“นี่มัน?! ”
เขาสำรวจมันด้วยเนตรสัจธรรมก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง