Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1387
ดาวจี่หยานนั้นมีพื้นที่ๆกว้างใหญ่อย่างมากดังนั้นหลังจากที่หลินเทียนออกมาจากสุสานแล้วเขาก็ได้มั่งหน้าออกไปตามเส้นทางที่ตัวเองต้องการอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป
“ที่นี่ก็พอใช้ได้ ”
เขาเข้าไปภายในถ้ำแห่งนั้นพร้อมๆกับวางข่ายอาคมปิดกั้นเอาไว้โดยรอบก่อนที่เอายาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าออกมา
มันเป็นยาทิพย์ห้าสีที่รายล้อมไปด้วยพลังแห่งดวงดาวและพลังสัจธรรมอันเข้มข้นซึ่งกลิ่นหอมของมันถึงขั้นทำให้ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
เขาได้หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันของตัวเองก่อนที่จะกลับสู่สภาวะที่สมบูรณ์ที่สุดอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทานมันลงไป
นาทีที่เขากลืนมันลงท้องไปนั้นมันก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความอบอุ่นที่ไหลลงสู่ลำคอของเขา
คลื่นพลังอันหนักหน่วงไหลทะลักออกมาจากภายในขณะที่พลังอันเข้มข้นแผดกระจายตัวออกไปทั่วร่างของเขา
พริบตาร่างทั้งร่างของเขาก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรง
“เป็นผลลัพธ์จากการรวมเอาพลังจากหมู่ดาว พลังฉี พลังสัจธรรมทั้งหลายและสมุนไพรมากมายที่ดีจริงๆ ”
หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะตัวเขาเองก็เชี่ยวชาญทักษะปรุงยาดังนั้นหลังจากที่ทานมันลงไปแล้วถึงได้แยกองค์ประกอบของมันได้อย่างง่ายดาย
“บึ้สส ~! ”
เขาได้หมุนวนพลังให้เร็วมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะหลอมพลังเหล่านี้เข้าไปทำให้ร่างกายของเขายิ่งเปล่งประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้น
………………….
บนภูเขานิรันดร์แห่งหนึ่งมีตำหนักที่รายล้อมไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลตั้งอยู่
แน่นอนว่านี่คือที่ตั้งของขุมพลังระดับ 2 ของดาวดวงนี้อย่างนิกายไท่หลิง
ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายแห่งนี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่มีแม้กระทั่งอาวุธอนันตกาลตอนปลาย
“ว่าไงนะ ?! หลายชายของผู้อาวุโสสูงสุดถูกสังหาร ?! ”
ภายในสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปมีคลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
คนที่อยู่ภายในตำหนักนี้ได้รับข่าวเรื่องที่ว่าเฉินซวนได้ถูกสังหารลงภายในสุสานแห่งหนึ่งได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธจัดถึงขีดสุดออกมา
“เป็นฝีมือของใครกัน ?! แล้วผู้อาวุโสเฮ่ยนั่นไปทำอะไรอยู่กัน ?! ”
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะทั้งหมดดังนั้นคลื่นพลังที่พวกเขาส่งออกมาถึงได้ทำให้สถานที่แห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรง
เป็นเพราะว่าหลายชายของผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาได้ถูกสังหารลง !
“ได้ยินมาว่าเป็นฝีมือของรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ผู้อาวุโสเฮ่ยเองก็……..”
หลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกต่ำออกมาอย่างมาก
เป็นเพราะมีคนที่อวดดีถึงขั้นสังหารหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดพวกเขา
“กล้านักนะ ! ไอ้ชาติชั่ว ! ”
ดวงตาของจ้าวนิกายถึงกับส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมาก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาว่า
“ออกคำสั่งให้ผู้อาวุโสที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ดและแปด ออกไปตามล่ามันโดยเอาค้อนอัคคีออกไปจับตัวมันกลับมาให้ได้ก่อนที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดจะลืมตาตื่นขึ้นแล้วให้ท่านเป็นคนจัดการมันด้วยตัวเอง ! ”
เป็นเพราะผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขากำลังเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อพยายามตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลอยู่และหากว่าสำเร็จแล้วขุมพลังของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นถึงขั้นทิ้งขุมพลังอื่นไว้เบื้องหลังและกลายเป็นขุมพลังระดับ 1 แบบเดียวกันกับขุมพลังทั้งสาม
ทว่าตอนนี้หลายชายของท่านผู้นั้นกลับถูกสังหารลงด้านนอกแบบนี้มันทำให้จ้าวนิกายถึงกับอยู่ไม่สุขพร้อมทั้งปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่ง
…..
หลินเทียนยังคงอยู่ภายในถ้ำที่มีต้นไม้รายล้อมอยู่ด้านนอก
บึ้สสส ~!
ประกายแสงสีทองส่องประกายอยู่ภายในถ้ำขณะที่พลังสัจธรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลิ่นอายของเขาเองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
สรรพคุณของยาทิพย์ตัวนี้โอบร่างของเขาเอาไว้ทั่วทุกอณู
เขายังคงสงบสติขณะที่หมุนวนพลังอย่างรวดเร็วเพื่อดูดกลืนพลังงานของมัน
ไม่นานประกายแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขาก็ยิ่งเข้มขึ้นๆขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
ตู้มม ! !
วันนี้เป็นวันที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรง
คลื่นพายุที่รุนแรงซัดออกไปรอบทิศทาง
หลังจากนั้นเขาก็ได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วงแววตาที่ส่องประกายออกมา
“เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลาย ”
เขาพึมพำออกมา
เขากำหมัดเอาไว้เล็กน้อยพร้อมทั้งสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองพร้อมพบว่าแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยเป็นเท่าตัว
เขาได้แต่พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมทั้งหมุนวนพลังเพื่อปรับสมดุลของร่างกายอีกครั้ง
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปอีกกว่าเจ็ดวันเต็ม
วันนี้เป็นวันที่เขาได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยระดับพลังที่สมดุลอย่างมากถึงขั้นที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้
“หลังจากนั้นก็เขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะ นิรันดร์อมตะตอนต้น ตอนกลางและตอนปลาย …….หวังว่าจะสามารถบุกเข้าไปภายในส่วนลึกของหุบเขากลืนนิรันดร์เพื่อเก็บกู้เอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่กลับมาให้ได้ ”
เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นก็คงหวังให้ใช้พลังของศิลาหินรับทัณฑ์สวรรค์เอาไว้อย่างเดียวไม่ได้ คงต้องหาวิธีอื่นเพิ่ม ”
เป็นเพราะว่าเขาได้ใช้ศิลาหินในการต้านทัณฑ์สวรรค์เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าไว้แล้วมันถึงไม่เป็นอะไรทว่าทัณฑ์สวรรค์เขตแดนนิรันดร์อมตะนั้นจะทรงพลังกว่ามากและไม่ใช่อะไรที่อาวุธอนันตกาลชิ้นเดียวจะรับมือได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นอาวุธนิรันดร์ที่แท้จริงถึงจะเพียงพอหรือไม่ก็ต้องใช้วิธีการอื่นร่วมด้วย
“น่าปวดหัวจริงๆ ”
เมื่อคิดถึงเรื่องทัณฑ์สวรรค์แล้วเขาก็อดปวดหัวไปไม่ได้
เป็นเพราะตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภามานี้ทุกการตัดผ่านของเขาจะต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์อันรุนแรงซึ่งเขาได้แต่กังวลเกี่ยวกับมัน
“ช่างก่อนเถอะ ”
เขาถอนหายใจออกมา
เป็นเพราะกังวลไปก็ไม่ได้อะไร ควรคิดเพียงแค่ว่าจะรับมืออย่างไรกับมันน่าจะดีกว่า
เขาโบกมือทำลายข่ายอาคมปิดกั้นด้านหน้าพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปภายในป่าใหญ่อย่างรวดเร็ว
ตู้มมม ~!
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาขณะที่มีฝูงหมาป่าไล่ล่าหญิงสาวชุดม่วงคนหนึ่งด้วยพลังทำลายที่บดขยี้ต้นไม้สองข้างทางได้อย่างง่ายดายขณะที่หญิงสาวได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องออกมา