Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1388
หญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่งดงามอย่างมากแถมยังมีรูปร่างที่ผอมบางสมส่วนอายุประมาณ 18 ปีทว่ากลับมีระดับพลังที่ไม่ธรรมดาเพราะอยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาซึ่งถือว่าแข็งแกร่งไม่เบา
อย่างไรก็ตามหมาป่าเหล่านั้นเป็นถึงสัตว์อสูรเขตแดนปลุกพลังตอนปลายที่แข็งแกร่งกว่านางมากดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้วนางทำได้เพียงแค่วิ่งหนีไปพลางส่งเสียงโห่ร้องออกมาเป็นพักๆ
ความเร็วของนางต่างชั้นกับหมาป่าทั้งหลายอย่างมากซึ่งเพียงแค่ชั่วพริบตาอีกฝ่ายก็เข้าประชิดร่างของนาง
หมาป่าทั้งหลายที่มีดวงตาสีแดงก่ำต่างพากันคว้ากรงอันแหลมคมเข้าใส่ร่างของนาง
หลินเทียนที่มองอยู่ห่างๆเองก็ได้หยุดเท้าลงเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกไปทางนาง
การที่ได้พบกับหญิงสาวอายุ 18 ปีอยู่คนเดียวในป่าใหญ่และตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้จะให้เขาปล่อยไปเฉยๆก็คงไม่ได้เพราะมันไม่เข้ากับนิสัยของเขา
เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงถึงขั้นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของนางในชั่วพริบตาก่อนที่จะเหวี่ยงฝ่ามือตบไปยังอสูรเหล่านั้น
มันเป็นตอนนี้เองที่จี้ห้อยคอของนางได้ส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาอย่างเบาบางก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะกวาดออกไปกระแทกร่างของอสูรเหล่านั้นด้วยความเร็วที่สูงกว่าฝ่ามือของเขา
พุฟฟ !
อสูรทั้งสามตัวถึงกับแหลกสลายหายไปด้วยพลังทำลายนี้โดยที่ไม่หลงเหลือเศษชิ้นส่วนแม้แต่น้อย
สีหน้าของหลินเทียนถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพลางจ้องมองไปยังจี้ห้อยคอของนางด้วยท่าทางที่ผงะไป
เป็นเพราะว่ามันกำลังส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาซึ่งมันเป็นกลิ่นอายที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก
หญิงสาวได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะรีบวิ่งมาหาเขาพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“ขอบคุณมากๆ ”
แม้ว่าอสูรทั้งสามจะตกตายลงภายใต้พลังทำลายของจี้ห้อยคอตัวเองทว่านางก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินเทียนได้ก้าวออกมาช่วยเหลือนางเอาไว้ดังนั้นถึงได้แสดงความขอบคุณกลับไป
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมมองไปยังจี้ห้อยคอของนางแล้วถามออกมาว่า
“มันเป็นจี้ของเจ้า ? ”
เป็นเพราะว่ามันมีกลิ่นอายที่กระบี่เทวะที่เขาคุ้นเคยอย่างมากดังนั้นถึงได้รู้สึกสนใจมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“นี่ ? ”
นางก้มหน้าลงพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เปล่าหรอก เป็นของที่ท่านปู่หลอมขึ้นจากแร่ที่อยู่ใกล้ๆกลุ่มก้อนแสงศักดิ์สิทธิ์ให้มาเอาไว้เพื่อปกป้องร่างกายของข้า ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาพร้อมทั้งถามต่อว่า
“กลุ่มก้อนนั้นมันส่องประกายแสงเจ็ดสี ? ”
“น่าจะใช่ ”
นางตอบกลับพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“มันเป็นกลุ่มก่อนประกายแสงที่พิเศษอย่างมากเพราะแม้ว่าจะไม่ได้ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาทว่ากลับสามารถสยบสัจธรรมทั้งปวงได้อย่างง่ายดายดังนั้นผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายถึงไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ด้วยซ้ำ ”
นี่ทำให้ดวงตาของหลินเทียนยิ่งเปล่งประกายขึ้นไปอีกและยืนยันได้เลยว่าประกายแสงที่นางพูดถึงต้องเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่แน่ๆซึ่งแร่ที่อีกฝ่ายนำมาหลอมก็คงได้รับประโยชน์จากการอาบประกายแสงเจ็ดสีเอาไว้ทำให้มันวิวัฒนาการจึงสามารถส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาได้
นี่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเศษเสี้ยวกระบี่จากนาง
“เจ้ารู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน ? ”
เขาถามออกมาพร้อมกับพูดว่า
“นำข้าไปหน่อยได้ไหม ? ”
นางที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากเพราะกลุ่มก้อนพลังนั้นมันพิเศษอย่างมาก
“รู้สิแต่ไม่สามารถนำเจ้าไปได้ ”
นางพูดออกมา
“ทำไม ? ”
คิ้วของหลินเทียนขมวดเข้าหากัน
“เป็นเพราะว่ามันไม่ได้อยู่ในดาวดวงนี้ ”
นางพูดออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า
“มันอยู่ในหมู่ดาวตงเฮิง”
“ว่าไงนะ ?! ”
หลินเทียนได้แต่ผงะไปเพราะว่าเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ที่นางพูดถึงมันอยู่ในอีกหมู่ดาว ?
“แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ? ที่นี่มันไม่ใช่หมู่ดาวตงเฮิงแต่เป็นหมู่ดาวจี่หยานนะ ”
คิ้วของเขายิ่งขมวดเข้าหากัน
เป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อหมู่ดาวตงเฮิงเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนที่เคยต้องการจะชิงเอาแก่นสังสารวัฏของเขาเองก็อยู่ในหมู่ดาวตงเฮิงเช่นกัน
“เป็นเพราะว่าข้าเป็นคนของหมู่ดาวนั้น ! ข้าแอบหนีออกมาเที่ยวเล่นแล้วเผลอเหยียบลงบนข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเลยมาโผล่ในโลกบ้าบอนี้ไง ”
นางได้แต่กัดฟันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตกต่ำอย่างมาก
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็อดผงะไปไม่ได้
“เจ้าแน่ในนะว่าเจ้าพูดความจริง ”
เขาที่ได้ยินเช่นนั้นอดผงะไปไม่ได้
“แล้วข้าจะโกหกเจ้าให้ได้อะไรล่ะ ? ”
นางจ้องมองกลับมาทางเขา
หลินเทียนได้แต่มองไปทางนางพร้อมทั้งตระหนักได้ว่านางกำลังพูดความจริงทำให้เขาอดแสดงสีหน้าที่หมดคำพูดออกมาไม่ได้
“ออกมาเที่ยวเล่นข้ามหมู่ดาวนี่เจ้านี่มันสุดๆไปเลยนะ ”
เขาพูดออกมา
นางที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า
“โทษข้าได้ ? ข้าจะทำอะไรได้ ? ข้าเองก็สิ้นหวังเหมือนกัน ! ”
การที่หญิงสาวตัวน้อยต้องถูกส่งออกไปยังโลกที่ไม่รู้จักอันไกลโพ้นจากครอบครัวแบบนี้มันทำให้นางรู้สึกตกต่ำอย่างถึงที่สุด
หลินเทียน
“………….”
เมื่อมองไปทางนางแล้วเขาถึงกับพูดไม่ออกไปทันที
“นี่ ข้าเองก็ไม่มีที่จะไปอยู่พอดีแถมไม่รู้จักใครด้วยดังนั้นข้าขอติดตามเจ้าได้ไหม ? ”
นางถามออกมาพลางคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเอาเจ้าไปขายหรือไง ? ”
เขาถามออกมาด้วยสีหน้าป่วยๆ
อันที่จริงแล้วเมื่อได้ฟังเรื่องราวของนางก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขและตลกถึงขั้นที่อดหยอกล้อออกมาไม่ได้
“ข้าไม่ได้โง่ สายตาอันแหลมคมของข้าบ่งบอกว่าเจ้าเป็นคนที่ดี ไม่มีทางทำเรื่องมิดิมิร้ายกับข้าอย่างแน่นอน ”
นางพูดออกมา
หลินเทียน
“……….”
“ก็เอาตามนั้นแล้วกัน ”
เขาพูดออกมาพลางพูดต่อว่า
“อย่าลืมนำข้าไปในที่ๆมีประกายแสงเจ็ดสีส่งออกมาภายในหมู่ดาวตงเฮิงล่ะ ”
เป็นเพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็อยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้วดังนั้นการที่มีเพื่อนร่วมเดินทางแบบนี้ก็ถือว่าช่วยแก้เบื่อเขาได้เหมือนกัน
และที่สำคัญที่สุดคือเป็นเพราะว่านางมีข้อมูลเกี่ยวกับเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ดังนั้นจึงกะว่าจะนำนางกลับไปที่หมู่ดาวตงเฮิงเพื่อค้นหามันและส่งนางกลับไปหาครอบครัว