Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1390
เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
“นี่มัน……………”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสนิกายไท่หลิงทั้งห้าคนที่เหลืออยู่ต่างพากันแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปออกมาเพราะว่าหนึ่งในพวกเขาได้ถูกสังหารลงอย่างง่ายดาย
นี่มันเป็นความแข็งแกร่งที่ทำให้พวกเขาได้แต่อดใจสั่นไปไม่ได้แถมสีหน้าเองก็ยังเย็นยะเยือกยิ่งขึ้นไปอีก
หลินเทียนได้หันมองออกไปทางพวกเขาทั้งห้าคนพร้อมกับพูดว่า
“ถึงเวลาของพวกเจ้าแล้วล่ะ ”
เมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้นระดับพลังของเขายังอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางและสามารถสังหารกึ่งนิรันดร์อมตะได้ง่ายๆอยู่แล้วทว่าตอนนี้เขาที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายนี้มันแข็งแกร่งกว่าตอนกลางอย่างมากทำให้สามารถสังหารกึ่งนิรันดร์อมตะได้ง่ายยิ่งขึ้นถึงขั้นที่แม้จะเป็นเขตแดนนิรันดร์อมตะเอาก็ยังต่อการได้
เขายังยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมทั้งแผดตรามังกรออกไปรอบทิศทางเพื่อสร้างเป็นมังกรขนาดใหญ่
“โร๊วว ~! ”
มังกรอันทรงพลังได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
ผู้อาวุโสอีกห้าคนที่เหลืออยู่ต่างพากันแสดงสีหน้าที่ดุร้ายออกมาตามๆกัน
“สังเวยค้อนอัคคีแล้วฆ่ามันซะ “
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
มันเป็นตอนนี้เองที่พลังเทวะอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของพวกเขาก่อนที่จะปรากฏค้อนขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายเปลวเพลิงอันโชติช่วงและแรงกดดันอันเข้มข้นออกมา
“ฆ่า ! ”
พวกเขาทั้งห้าคนได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงขณะที่ค้อนอัคคีขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่า
นี่ทำให้มิติโดยรอบได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่อุณหภูมิโดยรอบจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงขั้นที่แทบจะหลอมละลายทุกสิ่งก่อนที่จะกดทับลงมาไม่ต่างจากลูกอุกกบาตขนาดใหญ่ที่ต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้
มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
“นี่คืออาวุธวิญญาณตอนปลายที่พวกเราทั้งห้าคนรวมพลังเข้าด้วยกันทำให้พลังทำลายของมันไม่ใช่อาวุธวิญญาณธรรมดาจะสามารถเทียบได้เพราะมันไม่ต่างกับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะดังนั้นต่อให้เจ้ามีอาวุธวิญญาณแบบเดียวกันก็เปล่าประโยชน์เพราะมันไม่มีทางต่อการกับพวกข้าได้ ! ”
ทั้งห้าคนได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาหลังจากที่ตระหนักได้ถึงระดับพลังของหลินเทียนในตอนนี้ว่าอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเท่านั้น
เขาถูกเรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อันสูงส่งเลยก็ว่าได้ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนิรันดร์อมตะที่แท้จริงแล้วก็ไม่มีทางต่อกรได้อย่างแน่นอนเนื่องจากว่าความต่างชั้นอันยิ่งใหญ่นั้นมันห่างกันเกินไป
ตอนนี้พวกเขาที่รวมพลังเข้าด้วยกันสังเวยการโจมตีนี้ออกไปมันมีพลังทำลายพอๆกับการโจมตีของเขตแดนนิรันดร์อมตะดังนั้นพวกเขาถึงได้คิดว่าไม่มีทางเลยที่หลินเทียนจะรับมือได้
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กดทับลงมา
“ตอนนี้พวกเราจะไว้ชีวิตเจ้าเอาไว้ก่อนแล้วปล่อยให้ท่านผู้อาวุโสสูงสุดเป็นคนตัดสินชีวิตของเจ้าด้วยตัวเอง ! ”
หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
ค้อนเปลวเพลิงได้กดทับลงมาด้วยพลังทำลายที่บดบังพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับค้อนเปลวเพลิงนี้แล้วหลินเทียนก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังทำลายที่แข็งแกร่งของมันได้อย่างดีแต่สีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง
มังกรขนาดใหญ่ที่รายล้อมร่างของเขาเอาไว้ได้พุ่งออกไปปะทะเข้ากับมันอย่างจัง
หลังจากนั้นเขาก็ได้กำหมัดพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอัดด้านหน้า
ตู้มมม ~!
ค้อนอัคคีได้ถูกซัดปลิวออกไปไกลก่อนที่จะกระแทกเข้ากับภูเขาจนระเบิดออก
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที
“เจ้า………..”
ผู้อาวุโสทั้งห้าได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่าพวกเขาที่รวมพลังกันสังเวยอาวุธชิ้นนี้จนมีพลังทำลายเทียบเท่าการโจมตีของเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับถูกหมัดของหลินเทียนกระแทกปลิวออกไปไกล
“นี่มัน….เป็นไปไม่ได้ ! ”
ทั้งห้าคนได้แต่สั่นสะท้านไป
พวกเขากัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะโบกมือสังเวยเอาทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาเพื่อเรียกเอาค้อนอัคคีที่อยู่ห่างออกไปไกลกลับมา
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้พุ่งออกไปโดยที่ให้เหลาเหลายืนอยู่ที่เดิมพลางพุ่งเข้าประชิดร่างของหนึ่งในศัตรูแล้วเหวี่ยงฝ่ามือตบเข้าใส่อย่างจัง
“เจ้า….”
“พุฟฟ ! ”
มือขวาของเขาที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างได้อัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง
แถมภายในฝ่ามือนี้ยังเต็มไปด้วยอักขระหลอมวิญญาณมากมายที่กลืนกินร่างของอีกฝ่ายลงภายในชั่วพริบตา
อีกสี่คนได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดพร้อมทั้งอดรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้พลางซัดค้อนอัคคีเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
หลินเทียนใช้ความเร็วสูงถึงขีดสุดพุ่งเข้าประชิดร่างหนึ่งในพวกเขาอีกคนก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายจนแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
ระหว่างนี้เขาก็ได้โบกมือขวาของเขาเหวี่ยงหมัดกระแทกเข้าใส่ค้อนอัคคีจนปลิวออกไปไกลอีกครั้ง
นี่ทำให้อีกสามคนที่ยังมีชีวิตรอดได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าชายตรงหน้าของพวกเขาจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งโบกมือส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์เข้าใส่
แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังจะพุ่งผ่านหน้าผากของหนึ่งในพวกเขาไปทำให้ร่างกายและดวงวิญญาณสูญสลายหายไป
นี่ทำให้ผู้อาวุโสที่เหลือรอดอยู่เพียงแค่สองคนได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา
พวกเขาก้าวถอยกลับไปพร้อมทั้งสังเวยทักษะอันทรงพลังออกมาอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมทั้งพุ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
“หนีไป ? ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
หลินเทียนหันมองออกไปทางทั้งสองคนที่กำลังพุ่งหนีไปพร้อมทั้งโบกมือทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายก่อนที่จะพุ่งออกไปขวางร่างของพวกเขาเอาไว้ด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
“อุส่าบอกให้หนีไปแต่แรกก็ไม่เชื่อ ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้วล่ะ ตายอยู่ที่นี่ให้หมดแล้วกัน ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งสรรสร้างการโจมตีมากมายออกมารอบทิศทาง
นี่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองที่ยังรอดชีวิตอยู่ได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยสายตาที่หวาดหวั่นอย่างมาก
“ไม่……….อย่าฆ่าเราเลย ! ”
พวกเขาพากันส่งเสียงอ้อนวอนออกมา
หลินเทียนตอบกลับด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมากว่า
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้วแต่พวกเจ้าไม่เห็นค่ามันเอง ”
หลังจากที่พูดจบแล้วการสรรสร้างมากมายก็ได้กดทับลงไปโอบร่างของทั้งสองเอาไว้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมาพลางสังเวยทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกมารับเอาไว้
ทว่าน่าเสียดายที่มันเป็นเพียงการดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชนเพราะว่าการสรรสร้างนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่บดขยี้ทุกทักษะที่พวกเขาส่งออกมา
“พุฟฟ ! ”
“พุฟ ! ”
ร่างกายของพวกเขาได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆก่อนที่ดวงวิญญาณจะสลายหายไป
นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้กลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
“พระเจ้าช่วย ! ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกลับถูกสังหารลงได้ทั้งหมดเลย ?! ”
เหลาเหลาได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
“ก็บอกไปแล้วว่าพวกมันไม่ต่างจากไส้เดือนเท่านั้น ”
หลินเทียนตอบกลับ
เขาหันมองออกไปยังค้อนอัคคีที่อยู่ห่างออกไปไกลพลางโบกมือขวาของเขาออกไปทำลบล้างตราประทับของอีกฝ่ายออกด้วยวงเวทย์หยินหยางก่อนที่จะเก็บเอาไว้
มันเป็นเพราะว่าอาวุธระดับนี้มันมีมูลค่าไม่ใช่น้อยๆ
“ไปกันเถอะ ”
เขาหันไปพูดกับเหลาเหลาก่อนที่จะเดินออกไปเพื่อเตรียมหาที่บ่มเพาะเหมาะๆและใช้เวลาคิดว่าควรจะรับมือกับทัณฑ์สวรรค์รอบต่อไปอย่างไร
เหลาเหลาเดินตามหลังเขามาก่อนที่จะใช้นิ้วที่เรียวยาวของนางจิ้มที่ไหล่ของเขาพลางพูดออกมาว่า
“ข้าเองก็เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ามาแล้วมากมายและอย่างน้อยๆก็มีอายุหลายพันปีดังนั้นเจ้าเองก็น่าจะเป็นตาเฒ่าที่มีอายุไม่น้อยกว่าหลายพันปีหรือหลายหมื่นปีใช่ไหม ? ”
หลินเทียนดีดหน้าผากของนางพร้อมกับตอบว่า
“ตาเฒ่าที่ไหนกัน ? ข้าอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ ”
“ร้อยปี ? ร้อยปีตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลาย ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! อาจารย์เจ้าเป็นปีศาจตนไหนกันถึงได้สามารถให้กำเนิดสัตว์ประหลาดอย่างเจ้า ?! ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
ใบหน้าของหลินเทียนถึงกับตกต่ำลงพร้อมทั้งเขกศีรษะของนางเนื่องจากก่อนหน้านี้เขายังเป็นเพียงแค่ตาเฒ่าทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว
เหลาเหลาที่กำลังกุมหน้าผากของนางเอาไว้ได้แต่ส่งเสียงโอดครวญออกมาว่า
“ท่านแม่บอกข้าว่าเป็นบุรุษต้องรู้จักอ่อนโยนนะ ! ”
“หยุดพูดได้แล้ว ”
หลินเทียนได้หันมองไปทางนางเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป
เหลาเหลาได้แต่กุมศีรษะของนางเอาไว้พร้อมทั้งหันหน้าหนีแล้วเดินตามหลังเขาไป
ไม่นานพวกเขาก็ได้เดินทางกันออกไปไกลมากๆ
………….
ภายในตำหนักที่ตั้งอยู่บนขุนเขาที่รายล้อมไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้น
“ว่าไงนะ ?! ”
เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ดวงตาของจ้าวนิกายแทบจะลุกเป็นไฟ
เป็นเพราะว่าเขาได้รับรายงานมาว่าตะเกียงวิญญาณของผู้อาวุโสทั้งหมดที่ถูกส่งออกไปจับตัวหลินเทียนได้ดับลงอย่างสมบูรณ์ซึ่งนี่หมายความว่าพวกเขาล้วนตกตายลงหมดแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ทั้งหกคนที่มีอาวุธวิญญาณกลับถูกสังหารลงทั้งหมด ?! ”
ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองที่อยู่ภายในตำหนักนี้เองก็ต่างพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมา
“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”
จ้าวนิกายส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
ขุมพลังของเขานั้นมีผู้อาวุโสอยู่ทั้งหมดเก้าคน ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองนั้นอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะกันส่วนที่เหลือลงไปนั้นอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกันทั้งหมดทว่าตอนนี้ผู้อาวุโสที่สามถึงเก้าล้วนถูกสังหารลงจนหมดนี่เท่ากับพวกเขาสูญเสียกึ่งนิรันดร์มอมตะไปกว่าเจ็ดคนเต็มๆ !
แถมหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดยังถูกสังหารไปทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
“ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสที่สอง พวกเจ้าออกไปจับตัวมันกลับมาให้ได้ ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
……….
หลินเทียนยังคงเดินนำเหลาเหลาตัดผ่านป่าข้ามภูเขาต่อไป
“ทัณฑ์สวรรค์ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะว่าอีกเพียงครึ่งก้าวเขาก็ตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้แล้วดังนั้นจึงต้องเตรียมการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์เอาไว้เนิ่นๆแต่แม้จะคิดอยู่นานก็ยังไม่พบวิธีรับมือกับมันแม้แต่น้อย
“ว่าไงนะ ? นี่สวนสวรรค์ได้เปิดออกแล้ว ?! ไม่มีใครสามารถเปิดมันได้เลย ?! ”
“ใช่แล้ว ไม่มีใครสามารถเปิดมันได้เลยแม้แต่น้อย ได้ยินว่ามันมีอาคมขวางกั้นอยู่รอบทิศทางทำให้ไม่มีใครเข้าไปได้แถมตอนนี้กองกำลังผู้เชี่ยวชาญเองก็แห่ไปที่นั่นกันมากมาย ”
“ได้ยินมาว่ามันเป็นสถานที่ฝึกตนในตำนานซึ่งเป็นจุดกำเนิดของทักษะอัสนีที่เกิดจากการเรียนรู้ทัณฑ์สวรรค์แล้วยังมีข่าวลืออยู่ว่าภายในที่นั่นมีทักษะนี้หลับใหลอยู่ด้วย! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญตามถนนส่งเสียงสนทนาออกมา