Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1392
“ฮื้ม ? ”
เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วเหลาเหลาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ข้าเองก็คิดว่าเจ้าเองก็แข็งแกร่งมากๆแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่มีความคิดแบบนี้ด้วย”
“เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นแบบเดียวกับเจ้าหรือไงที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาแท้ๆแต่กลับติ๊งต๊องถึงขั้นก้าวข้ามข่ายอาคมเคลื่อนย้ายจนมาอยู่ที่หมู่ดาวอื่นแบบนี้ ? ”
หลินเทียนหันมองไปทางนาง
“เจ้า…..”
เหลาเหลาได้แต่แสดงท่าทางไม่พอใจเสมือนโดนเหยียบหางเข้าให้พร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้าคนไม่ดี ! ”
หลินเทียนหัวเราะออกมาเพราะการที่มีคนคอยให้หยอกล้อระหว่างท่องโลกก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหายเบื่อได้มาก
เขานำเหลาเหลาหลบผ่านกลุ่มอสูรมากมายเพื่อค้นหาร่องรอยของขุมสมบัติ
“มันอยู่ที่ไหนกัน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เมื่อมองออกไปแล้วสวนสวรรค์แห่งนี้มันกว้างใหญ่อย่างมากถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตอันไกลโพ้นดังนั้นการจะหาร่องรอยของทักษะสายฟ้าก็เป็นเรื่องที่ยากไม่น้อย
“มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้น หากว่าเป็นเรื่องโกหกต่อให้หาไปทั้งชีวิตก็ไม่เจออยู่ดี ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียนได้แต่ดีดหน้าผากของนางพร้อมกับพูดว่า
“การดับฝันของคนอื่นมันเป็นเรื่องไม่ดีนะ ”
เหลาเหลาได้แต่กุมหน้าผากของนางเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดถึงขั้นที่เกือบเสียน้ำตา
พวกเขาพากันก้าวเดินออกไประยะเวลาหนึ่งซึ่งระหว่างนั้นก็ตีตัวออกห่างจากฝูงสัตว์อสูรพลางแผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปค้นหาสถานที่ๆพิเศษตามจุดต่างๆ
เสียงสัตว์อสูรกู่ร้องยังคงถูกส่งออกมาเป็นพักๆก่อนที่จะมีคลื่นลมพายุอันรุนแรงถูกซัดออกมาเนื่องจากการกระพือปีกของสัตว์อสูรบางตัว
“นั่นมัน…..ยาอายุวัฒนะ ! สามารถช่วยยืดอายุขัยได้อีกกว่าสองพันปี ! ”
“หยกสมบัติเทวะ วัตถุดิบสำหรับหลอมอาวุธสวรรค์ ! ”
“ผลไม้วิญญาณที่สามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญในเขตแดนปลุกพลัง ”
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายมากมายแต่นี่ก็รวมถึงสมบัติล้ำค่าเช่นกันเพราะมักจะมีเสียงโห่ร้องของผู้เชี่ยวชาญถูกส่งออกมาเป็นพักๆหลังจากที่ใครหลายคนได้พบเข้ากับสมบัติชั้นเลิศ
หลินเทียนที่กำลังเดินนำเหลาเหลาออกไปหาร่องรอยของทักษะเทวะเองก็ได้รับยาอายุวัฒนะช่วยเพิ่มอายุขัยกว่าห้าพันปีและคริสตัลวิญญาณอีกมากมาย
ไม่นานพวกเขาก็พากันเดินทางเข้าไปถึงสถานที่ๆเต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่มากมายแถมยังมีกลิ่นอายอสูรที่เข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
“ตู้มมม ! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดเข้ามาจากพื้นที่ด้านหน้าก่อนที่จะปรากฏร่างวิหกขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยเปลวเพลิงไม่ต่างจากนกฟินิกซ์ที่แผดเผาห้วงมิติโดยรอบจนหลอมละลาย
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าเขาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าก็จริงแต่ความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้พอๆกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเลยด้วยซ้ำ
“สถานที่แห่งนี้คงอยู่มานานและหลังจากที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานโดยที่ไม่มีใครรบกวนก็ถือกำเนิดสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขึ้นมามากมาย ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นก็ได้หันมองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังจ้องมองออกไปยังรังนกขนาดใหญ่บนยอดเขา
“ไอ้นกนั่นมันไปแล้ว รังมันยังมีลูกนกอยู่กว่าสามตัวดังนั้นรีบไปชิงมาแล้วค่อยมาแบ่งกันทีหลัง ”
หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าวิหกเพลิงนั้นตราบเท่าที่เจริญเติบโตแล้วก็จะแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าเป็นอย่างน้อยดังนั้นหากว่าสามารถชุบเลี้ยงมันตั้งแต่ยังเล็กได้ก็เปรียบได้ว่าจะมีอสูรคู่กายที่แข็งแกร่งในอนาคต
หลายๆคนได้พยักหน้าก่อนที่จะพุ่งออกไปยังรังของมันอย่างรวดเร็ว
นกน้อยทั้งสามตัวที่เห็นมนุษย์เข้าใกล้ต่างพากันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกพลางพ่นเปลวเพลิงอันร้อนระอุออกไป
“รีบจับตัวมันมาเร็ว ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
คนอื่นๆเองก็รีบคว้ามือเข้าใส่ลูกนกเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งอดส่ายศีรษะไปไม่ได้เพราะว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เป็นเพียงเขตแดนวิญญาณนิรันดร์เท่านั้นทว่ากลับกล้าริอาจกระตุกหนวดอสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านี่ถือว่ามีความกล้าไม่ธรรมดาเลย
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาจากสถานที่ๆห่างไกลออกไปซึ่งหลังจากที่วิหกเพลิงเห็นว่ามนุษย์กำลังเข้าใกล้ลูกของมันก็พ่นเปลวเพลิงออกมาโดยทันที
“แย่แล้วสิ ! ”
“หนีเร็ว ! ”
หลายๆคนพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
อย่างไรก็ตามมันเป็นเปลวเพลิงที่รวดเร็วอย่างมากพร้อมทั้งโอบร่างของพวกเขาเอาไว้อย่างฉับพลัน
“อ๊ากก ~~~ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะแหลกสลายหายไป
“นี่มัน….น่ากลัวจริงๆ ! ”
หลายๆคนพากันคอหดไปตามๆกัน
“ถึงอย่างไรก็เป็นถึงอสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า ของแค่นี้ถือว่าเฉยๆด้วยซ้ำ ”
หลินเทียนพูดออกมา
หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเหลาเหลาเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าใต้เศษซากหุบเขาที่พังทลายลงจากการโจมตีของวิหกเพลิงนั้นเผยให้เห็นอักขระมากมาย
“นั่นมัน ?! ”
เขาได้หยุดเท้าลงพร้อมทั้งหันมองออกไปก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้น
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคือสัจธรรมอะไรทว่ามันอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสายฟ้าที่ไม่ต่างจากทัณฑ์สวรรค์เลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เขาคว้าร่างของเหลาเหลาพร้อมทั้งพุ่งเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังอันเข้มข้นของมันที่ทรงพลังเสมือนว่าสามารถบดขยี้โลกทั้งใบลงได้อย่างง่ายดาย
ตู้มม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
วิหกเพลิงที่อยู่ห่างออกไปได้หันมองมาทางเขาด้วยสายตาที่โกรธจัดก่อนที่จะคว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางพวกเขา
นี่ทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไป
หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปตบร่างของมันปลิวออกไปกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไกล
“โร๊วว ~~! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะพุ่งขึ้นท้องฟ้าไปพร้อมทั้งพ่นเปลวเพลิงลงมาใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนโบกมือจุดประกายเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ออกมากลืนกินเปลวเพลิงทั้งหมดของมันไปอย่างสมบูรณ์
“อย่ามาขวางทางข้า ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรลูกเจ้า อย่ามารบกวนข้าอีก ”
เขาหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะหันมองกลับมายังผนังหินที่รายล้อมไปด้วยอักขระเพื่อศึกษามัน
วิหกเพลิงได้ผงะไปเล็กน้อยซึ่งด้วยระดับพลังของมันแล้วเทียบได้พอๆกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะทว่าการโจมตีที่รุนแรงของมันกลับถูกทำลายลงได้ง่ายๆ
มันได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนโดยที่ไม่ได้เปิดฉากโจมตีอีกก่อนที่จะบินกลับไปปกป้องลูกๆที่อยู่ในรังและมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเล็กน้อย
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรมันแม้แต่น้อยและยังคงจับจ้องผนังตรงหน้าอย่างตั้งใจ
มันเป็นผนังขรุขระที่รายล้อมไปด้วยอักขระและให้ความรู้สึกเสมือนเป็นบ่อกำเนิดแห่งทัณฑ์สวรรค์เลยก็ว่าได้
“นี่คือ….ทักษะสายฟ้า ?! มันเป็นอักขระที่ผู้คิดค้นทักษะนี้สลักเอาไว้ ? ”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาทันที
มันเป็นพลังที่เขาไม่สามารถใช้ฝึกฝนได้ทว่าพลังสายฟ้าที่อัดแน่นอยู่นั้นเข้มข้นจนน่าสะพรึงกลัว
มันเป็นตอนนี้เองที่มีมือสั่นๆของเหลาเหลามาคว้าเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดแถมกลิ่นอายยังปั่นป่วนเสมือนว่ากำลังจะแหลกสลายไปได้ทุกเมื่อ
“เจ้าเป็นอะไรไป ?! ”
หลินเทียนถามออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
เขารีบสังเวยทักษะสุริยันปรินิพพานออกมาโอบร่างของนางเอาไว้แต่เขากลับพบว่าอาการบาดเจ็บของนางนั้นรุนแรงถึงขั้นที่ดวงวิญญาณแตกร้าวไปทั่ว
นี่ทำให้เขาได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งใช้พลังทั้งหมดภายในร่างอัดใส่ร่างของนางอย่างเต็มที่จนหลังจากนั้นไม่นานอาการบาดเจ็บก็เริ่มดีขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
เขาถามออกมาด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
เป็นเพราะอยู่ดีๆนางก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักนี่มันทำให้เขาได้แต่ผงะไป
เหลาเหลาที่มีใบหน้าซีดเผือดได้แต่อดสั่นไปไม่ได้พร้อมทั้งจับแขนเสื้อเขาเอาไว้พลางชี้ออกไปยังอักขระตรงหน้าแล้วพูดออกมาว่า
“ข้า…เพียงแค่.จ้องมองมัน…..”
นางซุกศีรษะลงที่ร่างของหลินเทียนพลางชี้ออกไปโดยที่ไม่กล้าหันมองไปยังผนังตรงหน้า
หลินเทียนได้แต่ผงะไปเพราะว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงของนางเกิดจากการมองผนังหินเท่านั้น ?!
นี่ทำให้เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งโดยทันที
“คงเป็นเพราะมันกักเก็บพลังที่แข็งแกร่งเกินไปทำให้ด้วยระดับพลังของเจ้ามันไม่เพียงพอจะทำความเข้าใจมัน ”
เป็นเพราะว่าอักขระนี้อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นถึงขั้นที่คนที่อ่อนแอเกินไปจะได้รับบาดเจ็บเพียงแค่จ้องมองมัน
เหลาเหลาส่ายศีรษะของนางพร้อมกับพูดว่า
“มันไม่เกี่ยวกับระดับพลังของข้า….”
นางพูดออกมาพลางพูดต่อว่า
“ดูเหมือนว่ามันจะต่อต้านดวงวิญญาณและแก่นชีวิตของข้า”
“ว่าไงนะ ?”
คิ้วของหลินเทียนถึงกับขมวดเข้าหากัน
ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงร้องโหยหวนถูกส่งออกมาจากวิหกเพลิงที่อยู่ห่างออกไปก่อนที่มันจะกระอักเลือดออกมาด้วยกลิ่นอายที่ปั่นป่วนถึงขีดสุดท่ามกลางเสียงโห่ร้องอันตื่นตระหนกของเหล่าลูกนก