Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1393
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
เป็นเพราะว่าวิหกเพลิงตัวนี้อยู่ในสภาพเดียวกันกับเหลาเหลาไม่มีผิด
เขาได้นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
“กรี้ ~~~! ”
ลูกนกน้อยที่เห็นว่าเขากำลังเดินเข้าไปใกล้ต่างพากันส่งเสียงร้องออกมาอย่างหวาดหวั่น
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่วิหกเพลิงเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าที่กำลังกระอักเลือดและดิ้นรนอยู่กันพื้นเองก็ได้แสดงท่าทางเป็นปฏิปักษ์ออกมาเสมือนว่าพร้อมที่จะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนแท้พลังอสูรภายในร่างจะปั่นป่วนก็ตามที
“ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าแต่ถ้าจะให้พูดแล้วมันเป็นการช่วยเจ้าเสียมากกว่า ข้าเพียงแค่สนใจอาการของเจ้าเท่านั้นถึงได้อยากจะตรวจสอบดู ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะสภาพของมันไม่ต่างจากเหลาเหลาดังนั้นถึงได้ทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างมาก
อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาที่พร่ามัวนั้นได้ลดความเป็นปฏิปักษ์ไม่ได้เป็นเพราะว่ามันเชื่อคำพูดคนอื่นง่ายๆแต่เป็นเพราะจากการต่อสู่ของหลินเทียนก่อนหน้านี้นั้นมันตระหนักดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของเขาดังนั้นตอนที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้แล้วหลินเทียนไม่จำเป็นต้องโกหกมันแม้แต่น้อย
หลินเทียนที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ออกมาแล้วได้ก้าวเข้าไปก่อนที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาสุริยันปรินิพพานทำให้เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกโชนขึ้นก่อนที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วพลางส่งจิตสัมผัสเข้าไปภายในทะเลความรู้ของมันแล้วพบว่าดวงวิญญาณของมันเองก็แตกร้าวไม่ต่างจากของเหลาเหลาเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่เจ้าเองก็จ้องมองอักขระที่ผนังนั่นก่อนที่จะได้รับการต่อต้าน ? ”
เขาถามออกมาขณะที่ทักษะหมุนวนต่อไปเพื่อช่วยฟื้นฟูพลังของอีกฝ่าย
อีกฝ่ายเองก็ได้แต่ผงะไปกับความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาเพราะมันรู้ดีว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างหนักทว่าหลินเทียนกลับสามารถรักษามันได้อย่างรวดเร็วนี่มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งอย่างมากดังนั้นด้วยบุญคุณครั้งนี้จึงทำให้มันไม่สามารถเลี่ยงคำตอบได้แล้วส่งจิตสัมผัสกลับไปว่า
“ใช่ ”
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แค่ขมวดคิ้วเข้าหากันพลางรักษามันต่อไปแล้วหันมองกลับไปทางผนังเล็กน้อย
เป็นเพราะว่าเหลาเหลาที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาได้รับบาดเจ็บก็จริงทว่าอีกฝ่ายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าทว่าดวงวิญญาณของมันก็ยังถูกต่อต้านนี่ทำให้เขาสงสัยอย่างมาก
“ข้าบอกแล้วไงล่ะว่ามันเป็นสวนสวรรค์บ้าบออะไรกัน นี่มันรังปีศาจชัดๆ ! แค่มองผนังยังเกือบตาย ! ”
เหลาเหลาที่เห็นว่าเขาไม่ได้ต่อสู้กับวิหกเพลิงได้รีบก้าวเข้ามาทางเขา
หลินเทียนได้แต่ขมวดคิ้วขณะที่อาการบาดเจ็บของวิหกเพลิงฟื้นตัวได้เก้าในสิบส่วนหยุดมือลงแล้วหันมองไปทางผนังหินพลางพูดว่า
“แล้วทำไมข้าถึงไม่เป็นอะไร ? ”
“เป็นเพราะว่าเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดไงล่ะ ”
เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมา
หลินเทียนยกมือของเขาขึ้นมาเขกศีรษะของนางพลางพูดว่า
“สัตว์ประหลาดอะไร ? ใช่เรื่องที่ควรพูดไหม ? ”
“อายุไม่ถึงร้อยปีแต่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายซึ่งสามารถสังหารเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้เพียงแค่โบกมือนี่ไม่ให้เรียกว่าสัตว์ประหลาดแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ”
เหลาเหลาส่งเสียงโห่ร้องออกมา
หลินเทียนได้เขกศีรษะของนางอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า
“ใช้คำว่ามีพรสวรรค์ไร้ที่ติอะไรแบบนี้ก็ได้ไหม อาจารย์ของข้าเองก็ได้ฉายานี้เหมือนกัน ”
วิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆและได้ยินเรื่องราวเหล่านี้เองก็อดสั่นสะท้านพลางหันมองไปทางหลินเทียนไม่ได้เพราะว่ามนุษย์ตรงหน้าของมันเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านั้นบ่มเพาะมาไม่ถึงร้อยปี ?!
ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสังหารเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้ง่ายๆ ?
“อื้ม ? มีผนังแปลกๆอยู่ด้วยล่ะ ”
“หือ ดูไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”
“ใช่ๆ มันเป็นอักขระโบราณที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญได้ทิ้งเอาไว้ ? ”
“มีความเป็นไปได้ ”
“รีบไปดูกันเร็ว ”
ผู้เชี่ยวชาญที่รุกล้ำเข้ามาภายในสวนสวรรค์นี้มีอยู่มากมายดังนั้นหลังจากที่เห็นผนังอักขระนี้แล้วก็ต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปก่อนที่กองกำลังผู้เชี่ยวชาญจะแห่กันมาเป็นฝูง
“ไม่นะ อย่ามอง ! มันอันตราย ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงเตือนออกไป
หลายคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างพากันหันมองไปทางนางก่อนที่จะพากันมีดวงตาเป็นประกายเพราะความงดงามของนาง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มองเห็นวิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆแล้วก็ได้แต่ผงะไปเพราะว่าพลังอสูรที่มันส่งออกมานั้นยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“นี่มัน……..”
พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะว่าวิหกเพลิงนั้นเป็นอสูรโบราณเก่าแก่ดังนั้นถึงได้ยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวของเหลาเหลาโดยที่ไม่มีใครสนใจในตัวของหลินเทียนเลยแม้แต่น้อย
วิหกเพลิงได้หันมองออกไปทางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกแต่ก็สงบนิ่งเพราะหากว่าเป็นช่วงก่อนหน้านี้มันก็คงออกไปขับไล่กลุ่มคนเหล่านี้ไปแล้วแต่เป็นเพราะได้รับการช่วยเหลือของหลินเทียนถึงได้ทำให้ความเป็นปฏิปักษ์ที่มีต่อมนุษย์ลดน้อยลง
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่เห็นว่าวิหกเพลิงไม่คิดจะทำอะไรพวกเขาต่างพากันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่นอบน้อมว่า
“พวกข้าต้องการแค่จะมาสำรวจผนังหินนี่เท่านั้นแล้วจะรีบกลับออกไปโดยทันที ”
“ใช่ๆ หลังจากที่ทำความเข้าใจได้แล้วจะไปทันที ”
ผู้เชี่ยวชาญอีกคนส่งเสียงสะท้อนออกมาแบบเดียวกัน
กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกรงกลัววิหกเพลิงเนื่องจากพลังอสูรที่มันแผดออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลังจากที่พูดจบแล้วพวกเขาก็พากันก้าวเข้าไปหาทางผนังหินโดยทันที
“นี่ ! บอกว่าอย่ามองไงล่ะ มันอันตรายจริงๆนะ ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
แต่สิ่งเหล่านี้จะไปเป็นประโยชน์ได้อย่างไรกันเพราะว่าพวกเขาต่างพากันหันมองออกไปทางผนังหินอย่างตั้งใจ
พริบตานี้เองที่ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายล้วนแล้วแต่สั่นไหวอย่างรุนแรง
อ๊ากก ~~!
หลายๆคนร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
หลายๆคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชขณะที่กลิ่นอายของพวกเขาอยู่ในสภาวะปั่นป่วน
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่อ่อนแอส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนที่ดวงวิญญาณจะแตกสลายหายไป
“อย่ามองมัน มันอันตรายจริงๆ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงโห่ร้องออกมา
เป็นเพราะว่าดวงวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนได้แหลกสลายหายไปทำให้ร่างของพวกเขาล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
คนกว่าครึ่งหนึ่งได้ตกตายลงขณะที่อีกครึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นที่ดวงวิญญาณแตกร้าวทำให้กลิ่นอายแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
หลินเทียนที่ยืนอยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ผงะไปออกมา
เป็นเพราะว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีสภาพแบบเดียวกันกับเหลาเหลาและวิหกเพลิงจึงทำให้เขายิ่งรู้สึกสงสัยอย่างมากว่ามันมีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถทำความเข้าใจมันได้ ?
“รีบถอยห่างออกไปเร็ว ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงออกมาพลางถอยห่างออกจากผนังอันชั่วร้ายนี้
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น กลุ่มกองกำลังผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งก้าวออกมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวั่นเกรงออกมา
ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาโดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่อยู่กึ่งกลางที่ให้ความรู้สึกเหมือนมิอาจเข้าใจได้
“นั่นมัน…คนของตระกูลฟาน ! ไม่คิดเลยว่าจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่ด้วย ! ”
“ตรงกลางนั่นมันฟานเจิ้งเย่ ! เขาเป็นน้องชายแท้ๆของผู้นำตระกูลฟาน ! ”
“ได้ยินว่าเขาอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะแล้วด้วย ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาขณะที่หันมองออกไปทางชายวัยกลางคนที่อยู่กึ่งกลางด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นพลางก้าวถอยกลับไปเพราะว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไรแถมยังเป็นพวกบ้ากามที่โหดเหี้ยมและไม่รู้เลยว่าทำลายสตรีไปมากมายขนาดไหนทว่าเป็นเพราะคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งทำให้ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา
ฟานเจิ้งเย่ที่อยู่กึ่งกลางได้เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? ”
ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงออกมา
“ที่ผนังหินนั่นมันมีอักขระลึกลับรายล้อมอยู่มากมายแต่ไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้และผู้ที่จ้องมองมันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสขอรับ ”
ผู้ติดตามของเขาได้ส่งเสียงออกมา
“แน่ใจ ? ”
“ขอรับ ”
อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับเพราะแม้จะมาถึงได้ไม่นานแต่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี
“น่าสนใจ ”
ฟานเจิ้งเย่ได้หรี่ตาลงพร้อมทั้งหันมองออกไปทางผนังหินก่อนที่จะอดหันมองไปทางหลินเทียนแล้วหยุดสายตาอยู่ที่ร่างของเหลาเหลาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ได้
เป็นเพราะตั้งแต่บ่มเพาะมาหลายปีนี้เขาแย่งชิงสตรีมามากมายแต่ก็เพิ่งเคยเห็นคนที่งดงามถึงเพียงนี้
“เอาตัวมา ”
เขาส่งเสียงออกมา
อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าก่อนที่จะก้าวเดินออกไปทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
ชายคนนี้เป็นชายชุดดำที่มีสีหน้าราบเรียบอยู่ในเขตแดนปรินิพพานทว่ากลับไม่ได้สนใจหลินเทียนหรือวิหกเพลิงแม้แต่น้อยพลางคว้ามือเข้าใส่เหลาเหลาด้วยท่าทางที่ชำนาญอย่างมาก
“คิดจะทำอะไรน่ะ ?! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมาเพราะการกระทำของอีกฝ่ายมันทำให้นางอดมีน้ำโหไม่ได้
หลินเทียนที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่ยกเท้าขึ้นมาถีบอัดร่างของอีกฝ่ายปลิวออกไปไม่ได้
“อ๊ากก ~~ ”
อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างของเขาจะลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด