Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1394
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของชายชุดดำลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดทั้งตัว
“เจ้ากล้างั้นรึ ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
เขาที่เป็นถึงคนของตระกูลฟานและติดตามน้องชายผู้นำตระกูลฟานมานานนั้นเคยทำเรื่องแบบนี้มามากมายนักแถมยังไม่มีใครกล้าหือแม้แต่น้อยเพราะแม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขาทว่าก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะว่านั่นหมายถึงการตั้งตนเป็นศัตรูกับฟานเจิ้งเย่และตระกูลฟาน !
ทว่าตระกูลฟานนั้นเป็นถึงตระกูลเก่าแก่ที่แข็งแกร่งถึงขั้นมีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงซึ่งได้ยินมาว่าได้ก้าวข้ามไปยังดินแดนแห่งนิรันดร์แล้วโดยทิ้งอาวุธนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ปกป้องตระกูลจึงไม่ใครมีใครกล้าต่อต้านพวกเขาแม้แต่น้อย !
ดังนั้นแล้วแม้ว่าจะเห็นว่าหลินเทียนและสัตว์อสูรที่อยู่ข้างๆจะแข็งแกร่งมากแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรและก้าวออกไปเพื่อพยายามจับตัวเหลาเหลาโดยทันทีแต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะเปิดฉากโจมตีใส่เขาอย่างรุนแรง
“เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกไปทางหลินเทียนอย่างดัง
หลินเทียนได้ตวัดนิ้วของเขาส่งประกายแสงสีทองเข้าใส่ทางฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รอช้า
คลื่นกระบี่อันทรงพลังทะลวงร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งลากร่างของมันพุ่งออกไปเสียบอยู่กับภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไกล
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนได้ถูกส่งออกมาอย่างดัง
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่โดยรอบได้แต่พากันสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง
“นี่เขากล้าลงมือกับคนตระกูลฟานถึงสองครั้ง ?! แถมยังเป็นผู้ติดตามของฟานเจิ้งเย่นี่มัน…”
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่ผงะไปเพราะว่าฟานเจิ้งเย่นั้นมีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมอย่างมากแถมยังมีระดับพลังที่แข็งแกร่งทำให้การล่วงเกินผู้ติดตามของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องที่ดีเอามากๆ
ฟานเจิ้งเย่ที่อยู่ห่างออกไปได้หันมองไปทางหลินเทียนพลางหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมทั้งหันไปพูดกับผู้ติดตามที่เหลือว่า
“พวกเจ้าไปเด็ดหัวมันแล้วชิงตัวแม่นางนั่นมา ”
การที่มีคนกล้าต่อต้านเขาแบบนี้มันถือว่าเป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ
ทั้งสามคนที่อยู่ข้างๆต่างพยักหน้าพร้อมทั้งก้าวออกไปทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
พวกเขาล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลซึ่งส่งกลิ่นอายที่ทรงพลังกว่าคนก่อนหน้านี้มาก
สีหน้าของพวกเขาดูราบเรียบขณะที่จิตสังหารพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
วิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆได้แต่หันมองออกไปทางทั้งสามคนด้วยสีหน้าที่เย็นชาอย่างมากก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปลดปล่อยแรงกดดันออกไปรอบทิศทาง
เป็นเพราะว่าหลินเทียนช่วยรักษามันเมื่อครู่ดังนั้นการที่อีกฝ่ายคิดจะทำอันตรายต่อหลินเทียนถึงได้ทำให้จิตสังหารของมันพวยพุ่งออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันนี้แล้วทำให้ร่างกายของทั้งสามคนถึงกับอดสั่นสะท้านไปไม่ได้
ทว่ามันเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก่อนที่สีหน้าของพวกเขาจะยิ่งไม่แยแส
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าดังนั้นข้าขอแนะนำว่าอย่าเขามายุ่งดีกว่า ”
หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งก็จริงทว่าตระกูลฟานของข้าไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะล่วงเกินได้ ”
หลังจากที่พูดจบแล้วทั้งสามคนก็ได้ก้าวเข้าหาทางหลินเทียนโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“อวดดีเกินไปแล้ว ! ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับกัดฟันไว้แน่น
หลินเทียนได้หันมองออกไปทางทั้งสามคนด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก
“อย่าหาว่าข้าไม่เตือนแล้วกัน เก็บเอาจิตสังหารของเจ้ากลับไปไม่งั้นตาย ! ”
เขาพูดออกมา
สีหน้าของทั้งสามคนที่กำลังเดินเข้ามาก็ยังคงไม่แยแสแม้แต่น้อย
“อย่าคิดว่าจัดการเขตแดนปรินิพพานได้แล้วมันยิ่งใหญ่นักเลย ! พวกเราไม่ใช่ระดับเดียวกันมันแถมเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? อยู่ต่อหน้าตระกูลฟานของพวกข้าแล้วยังกล้าต่อต้าน ? รู้ไหมว่ามันต้องถูกประหารเก้าชั่วโครต ?! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันทุ้มต่ำออกมา
พวกเขายังคงก้าวเดินเข้าหาทางหลินเทียนโดยที่ไม่ได้ปิดบังจิตสังหารแม้แต่น้อย
หลินเทียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพลางโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไป
มันเป็นพลังทำลายที่ทำให้สีหน้าของทั้งสามคนพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า…..”
“พุฟฟ ! ”
“พุฟ ! ”
“พุฟฟ ”
กองเลือดระเบิดออกมาอย่างรุนแรงขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลทั้งสามคนสลายหายไปอย่างสมบูรณ์
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ตะ…….ตาย ?! ”
“จักรพรรดิโกลาหลสามคนกลับ……….”
“แต่นั่นน่ะคนตระกูลฟานเลยนะแถมยังเป็นผู้ติดตามของฟานเจิ้งเย่ นี่เขา…….”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนต่างผงะไปกับความแข็งแกร่งและความกล้าของหลินเทียน
ฟานเจิ้งเย่ที่อยู่ห่างออกไปได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกขึ้นอย่างมากพร้อมทั้งปลดปล่อยแรงกดดันออกมา
มันเป็นแรงกดดันที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบสั่นสะท้าน
“นี่มัน……..แรงกดดันของนิรันดร์อมตะ ! ”
“นี่……”
“นี่เขาคิดจะลงมือด้วยตัวเอง ?!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังนี้แล้วทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
ขนาดวิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆเองก็ยังสั่นสะท้านไปเช่นเดียวกัน
เพราะถึงอย่างไรแรงกดดันของนิรันดร์อมตะก็เป็นอะไรที่ทรงพลังอย่างมาก
ฟานเจิ้งเย่ได้มองออกไปทางหลินเทียนขณะที่แรงกดดันของห้วงจักรวาลกดทับเข้าใส่ทางเขาพลางก้าวเดินออกไปแล้วพูดว่า
“กล้าขัดขวางความสุขของข้าแถมยังสังหารคนของข้าเจ้านี่มีความกล้าไม่เบาหนิ คนแบบเจ้า…..”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาซึ่งการที่ร่างของหลินเทียนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขาได้ขัดจังหวะคำพูดของเขาไปอย่างฉับพลัน
สีหน้าของฟานเจิ้งเย่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะเขาไม่เห็นการเคลื่อนไหวของหลินเทียนเลยแม้แต่น้อย
“เจ้า….”
“เพรี้ยย ~! ”
เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ฝ่ามือของหลินเทียนได้กระแทกหน้าของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
ร่างของฟานเจิ้งเยได้ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าก่อนที่จะเด้งกระดอนออกไปโค่นต้นไม้ที่อยู่ห่างไกลออกไป
“นี่มัน ?! ”
“ตบหน้าฟานเจิ้งเย่ ?! ”
“นั่นน่ะผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะเลยนะ นี่เขา………”
สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญโดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
วิหกเพลิงและเหลาเหลาเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับถูกตบแบบนี้ ?! แถมยังไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย
ตู้มม ~!
เสียงระเบิดอย่างดังถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของฟานเจิ้งเย่พุ่งกลับขึ้นมาพร้อมๆกับแรงกดดันอันหนักหน่วง
สายตาของเขาในตอนนี้เย็นชาถึงขีดสุด
เขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะน้องชายแท้ๆของผู้นำตระกูลฟานกลับถูกคนอื่นตบหน้าอย่างจัง !
“รนหาที่ตายนักนะ ! ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาขณะที่จิตสังหารอันเข้มข้นปะทุอย่างรุนแรง
นี่ทำให้ม่านฟ้าฉีกขาดออกจากกันโดยทันที
มันเป็นแรงกดดันที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกันพร้อมทั้งรีบถอยห่างออกจากรัศมีนี้
แม้กระทั่งวิหกเพลิงเองก็ยังได้แต่ผงะไปเพราะว่ามันเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังจริงๆ
มีเพียงหลินเทียนคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก
“หุบปากหน่าไอ้ขยะ หลายปีมานี้คงทำลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาวไปมากมายสินะ ? อย่าให้กลิ่นปากเน่าๆของเจ้าเป็นพิษต่อโลกนี้อีกเลย ”
หลินเทียนพูดออกมาพลางพูดต่อว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นอย่าคิดว่าตระกูลฟานของเจ้ายิ่งใหญ่นักเลย ตระกูลของเจ้ามันก็เป็นเพียงตระกูลขยะของพวกกระจอกเท่านั่นแหละ ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่กลับผสมผสานไปด้วยความเย้ยหยันอย่างมาก
“นี่…..”
“เขา…”
“กล้าพูดว่าตระกูลฟาน……”
สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ฟานเจิ้งเย่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับถูกเรียกว่าขยะแถมตระกูลฟานอันแข็งแกร่งที่มีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเป็นถึงนิรันดร์แท้จริงกลับถูกเรียกว่าตระกูลกระจอกนี่ทำให้พวกเขารู้สึกจนหัวลุกไปตามๆกัน
มีเพียงเหลาเหลาเท่านั้นที่ส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้าพวกขยะ ! ”
แม้ว่านางจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของขุมพลังในโลกใบนี้ดีก็ตามทว่าก็ไม่ได้สนใจอะไรแถมหลินเทียนเองก็เป็นคนทำเพื่อนางดังนั้นถึงได้ส่งเสียงสะท้อนแบบเดียวกันเพื่อสนับสนุนคำพูดของเขา
คำพูดนี้ทำให้ผู้คนทั้งหลายพากันกลืนน้ำลายกลับลงไปทันที
“คนบ้าพวกนี้มัน…….”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่คิดว่าความกล้าของทั้งสองคนนี้มันยิ่งใหญ่เกินไปแล้วถึงขั้นที่ด่าทอตระกูลฟานอันแข็งแกร่ง
เส้นเลือดที่หน้าผากของฟานเจิ้งเย่ถึงกับปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะหลินเทียนกลับกล้าด่าทอตระกูลของเขาต่อหน้าเขา !
“ข้าจะให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น ! ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
ตู้มมม ~!
แรงกดดันอันหนักหน่วงระเบิดออกมาจากร่างของเขาพร้อมทั้งแผดออกไปรอบทิศทาง
หลังจากนั้นเองที่เขาได้สังเวยเอาทักษะอันทรงพลังออกมาคว้าเข้าใส่ทางหลินเทียนขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงพุ่งเข้าใส่ทางเหลาเหลาพร้อมๆกัน
นี่ทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งระเบิดคลื่นพลังสีทองและแรงกดดันของจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่ายตรงข้ามออกมาพลางบดขยี้การโจมตีของอีกฝ่ายไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้เหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังออกไปสวนกลับเข้าใส่ทางฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รอช้า