Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1396
ร่างสองร่างพุ่งเข้ามาจากพื้นที่ๆอยู่ห่างไกลออกไปก่อนที่จะซัดฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที
“นี่มัน……..นิรันดร์อมตะ ?! แถมยังมีถึงสองคน ! ”
หลายๆคนได้แต่ผงะไป
ฝ่ามือทั้งสองนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากถึงขั้นที่ว่าทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะทิ้งความสนใจจากฟานเจิ้งเย่พร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังกลับไปรับการโจมตีเอาไว้
“ตู้มม ~! ”
การโจมตีทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดอันหนักหน่วงกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง
“นิกายไท่หลิง ดูเหมือนว่ายังตายกันไม่พอสินะ ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางหันมองออกไปทางผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคน
เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันของกึ่งนิรันดร์อมตะที่เขาเคยสังหารไปก่อนหน้านี้
แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้คือคนของนิกายไท่หลิงซึ่งเป็นผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองที่อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นที่กำลังแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะสามารถรับการโจมตีเมื่อครู่ของพวกเขาได้
ต้องรู้ก่อนนะว่าพวกเขาล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะทว่าหลินเทียนกลับรับการโจมตีทั้งสองคนพร้อมๆกันได้
หลังจากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกก่อนที่ดวงตาจะส่องประกายจิตสังหารอันเข้มข้นออกมา
“ข้าจะให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น ! ”
จิตสังหารอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งกดทับเข้าใส่หลินเทียน
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่เผชิญหน้ากับทั้งสองคนด้วยหมัดจักรพรรดิโกลาหลโดยที่ไม่ได้หลบไปไหน
พลังเทวะของอีกฝ่ายปะทุออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะยิ่งแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงกว่าเก่าออกมาเพราะว่าการโจมตีผสานของทั้งสองคนนั้นใช้อย่างเต็มกำลังเพราะต้องการจะจับตัวหลินเทียนกลับไปให้เร็วที่สุดแต่หลินเทียนก็ยังสามารถต่อต้านได้
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่โง่งมออกมา
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้กัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะสังเวยทักษะอันทรงพลังยิ่งกว่าเก่าออกมา
นี่ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไป
“ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองของนิกายไท่หลิงเขา……..ลงมือกับชายคนนั้น ?! นี่มัน….”
หลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะพวกเขาล้วนรู้จักชายชราทั้งสองคนเป็นอย่างดี
มีเพียงเหลาเหลาเท่านั้นที่รู้เรื่องที่หลินเทียนได้ลงมือสังหารหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงรวมถึงผู้เชี่ยวชาญกึ่งนิรันดร์อมตะอีกกว่าโหลดังนั้นอีกฝ่ายถึงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะมาจับตัวเขากลับไปและมันอดทำให้นางเป็นกังวลไม่ได้เพราะถึงอย่างไรแม้หลินเทียนจะแข็งแกร่งก็จริงทว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองคนหลังจากที่สู้กับฟานเจิ้งเย่แล้วมันเท่ากับว่าเขากำลังเผชิญหน้านิรันดร์อมตะพร้อมกันถึงสามคน
จักรพรรดิว่างเปล่ากลับต้องเผชิญหน้ากับนิรันดร์อมตะถึงสามคนแบบนี้ ต่อให้มีพรสวรรค์ขนาดไหนก็เป็นไปได้ยากที่จะรอดกลับไปได้
“ตู้มม ~! ”
พลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาเป็นระลอกๆขณะที่สายตาของฟานเจิ้งเย่ที่อยู่ห่างออกไปยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนโดยที่ไม่สนใจชายชราอีกสองคน
“หลีกไป ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับส่งถ่ายพลังลงไปภายในเตาพลังวิญญาณเพื่อกดทับมันเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
ฟึ้บบ ~!
มิติโดยรอบสลายหายไปขณะที่คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงโถมเข้าใส่หลินเทียน
“สหายตระกูลฟาน ! ”
“เรามารวมพลังกันจัดการไอ้ระยำนี่เถอะ ! ”
ชายชราทั้งสองคนนั้นรู้จักฟานเจิ้งเย่ดีดังนั้นถึงได้ส่งเสียงออกมาอย่างสุภาพเพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงคนของตระกูลฟานที่แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าขุมพลังของพวกเขา
ฟานเจิ้งเย่ไม่ได้ตอบกลับอะไรและทำเพียงแค่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายอย่างมาก
ชายชราทั้งสองไม่ได้ว่าอะไรกับความหยิ่งผยองของฟานเจิ้งเย่เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัตินั้นดังนั้นถึงไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งรวมพลังทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อจัดการกับหลินเทียน
คลื่นพลังอันหนักหน่วงไม่ต่างจากการกดทับของห้วงจักรวาลได้อัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
มันเป็นการโจมตีสังหารที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“การโจมตีผสานของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะสามคนเพื่อจัดการเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าคนเดียวนี่มัน………”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ตู้มม ! ”
“ตู้ม ! ”
“ตู้มม ! ”
การโจมตีที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นได้บดขยี้ห้วงมิติจนแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
ร่างกายของหลินเทียนยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองอร่ามแต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูพร้อมกันแบบนี้ก็ตึงมือเขาเช่นกันดังนั้นถึงได้ถูกกระแทกถอยกลับไปแต่สีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงก่อนที่จะสังเวยเอาการสรรสร้างต่างๆและคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ออกมา
การโจมตีอันทรงพลังของเขาพวยพุ่งออกไปสุดขอบฟ้า
“ด้วยเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากลับสามารถรับการโจมตีผสานของสามนิรันดร์อมตะได้นี่มัน……”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา
ระหว่างนี้แม้หลินเทียนจะถูกกระแทกถอยกลับไปทีละก้าวๆแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! นี่มัน….สัตว์ประหลาดชัดๆ ”
หลายๆคนพากันจับจ้องไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพึมพำออกมา
เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแต่กลับสามารถรับมือกับสามนิรันดร์อมตะได้ !
นี่มันต้องมีพรสวรรค์ขนาดไหนกัน ?!
“ตู้มม ! ”
“ตู้ม ! ”
“ตู้มม ! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาทำลายมิติโดยรอบหายไปทันที
ทั้งสามคนยังคงเปิดฉากโจมตีจากรอบทิศทางเพื่อสังหารหลินเทียนให้จงได้และแม้หลินเทียนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่ก็ไม่สามารถสยบเขาลงได้ง่ายๆทำให้สีหน้าของพวกเขายิ่งเย็นชาขึ้นกว่าเก่า
“สังเวยอาวุธวิญญาณ ! ”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงออกมา
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้สังเวยเอากระบี่โลหิตออกมาจากร่างของเขา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสที่สองเองก็ได้สังเวยเอาตราโบราณออกมาเช่นเดียวกัน
“ฆ่า ! ”
ฟานเจิ้งเย่ได้ส่งเสียงออกมาขณะที่รวบรวมพลังของเขาอัดเข้าไปภายในเตาพลังวิญญาณพร้อมทั้งส่งการโจมตีผสานทักษะเทวะและสัจธรรมเข้าใส่ทางหลินเทียน
ผู้อาวุโสนิกายไท่หลิงทั้งสองคนเองก็เปิดฉากโจมตีพร้อมๆกัน
การโจมตีสังหารของผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนแทบจะฉีกม่านฟ้าออกเป็นเสี่ยงๆ
มันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
“นี่มัน………..”
“ไม่สามารถต้านได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะเก่งกาจขนาดไหนก็ไม่มีทางรับการโจมตีนี้ได้แน่ๆ ”
“จบแล้วล่ะ ”
หลายๆคนถอนหายใจออกมา
พวกเขาล้วนแล้วแต่ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งและพรสวรรค์อันสูงส่งของหลินเทียนเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่มีทางรับมือกับการโจมตีผสานของอาวุธวิญญาณในมือนิรันดร์อมตะถึงสามคนได้อย่างแน่นอน
เหลาเหลาได้แต่แสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมาแต่ก็ทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น
“จะทำอย่างไรดี ! ”
นางส่งเสียงออกมา
วิหกเพลิงเองก็อยากจะยื่นมือเข้าช่วยหลินเทียนเช่นเดียวกันแต่ก็หมดหนทางไม่ต่างกันเพราะแม้ว่ามันจะแข็งแกร่งแต่ก็เทียบเท่ากึ่งนิรันดร์อมตะเท่านั้นดังนั้นเมื่ออยู่ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แล้วมันเป็นเพียงแค่ฝุ่นธุลีเท่านั้น
ตู้มม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
“ก็บอกแล้วว่าเจ้าไม่มีทางขัดขืนได้ ความตายของเจ้ามันถูกกำหนดมาแต่แรกอยู่แล้ว ! ”
ฟานเจิ้งเย่ได้ส่งเสียงออกมาขณะที่กดทับการโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียน
ชายชราทั้งสองเองก็ใส่พลังอย่างเต็มที่
“สหายเจิ้งเย่โปรดอย่าเพิ่งฆ่ามันก่อนเพราะไอ้เวรนี่มันกล้าลงมือสังหารหลานชายแท้ๆของผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเราดังนั้นได้โปรดอนุญาตให้พวกเรานำตัวมันกลับไปเพื่อลงทัณฑ์ด้วยเถิด ”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงออกมา
ฟานเจิ้งเย่ที่กำลังส่งการโจมตีออกไปเองก็ได้แต่หรี่ตาลงก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ได้ยินมาว่านิกายไท่หลิงเองก็มีวิธีการทรมานที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ก็ดี ข้าจะยกมันให้พวกเจ้าแต่ข้าต้องได้เห็นมันส่งเสียงร้องโหยหวนกับตาตัวเอง ! ”
“แน่นอนว่าไม่ขัดข้อง เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ต้อนรับสหาย”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงตอบกลับ
หลังจากที่พูดจบแล้วการโจมตีอันหนักหน่วงก็ได้ถูกส่งออกมา
การโจมตีผสานของทั้งสามคนปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
หลินเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ถึงกับสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต
เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของเขาก็ต่างชั้นกับทั้งสามคนนี้อย่างมากดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรับการโจมตีนี้เอาไว้แม้จะมีวงเวทย์สังสารวัฏก็ตามที
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่สีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเองที่ร่างกายของเขาได้ส่องประกายแสงสีทองออกมาก่อนที่กระบี่วิญาณจะถูกเก็บกลับเข้าไปภายในร่างของเขา
“นี่มัน……ทำไมถึงได้เก็บอาวุธวิญญาณกัน ? ”
“นี่……”
“หรือว่าเขาไม่คิดจะต่อต้านแล้ว ? ”
เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา