Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1399
เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ดวงวิญญาณของฟานเจิ้งเย่แหลกสลายหายไป
“นี่มัน…..แข็งแกร่งมากๆ ! ”
“นี่มันคืออาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาล ?! นี่มัน……..”
“น่ากลัวจริงๆ ! ”
หลายๆคนได้แต่พากันสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะไม่คิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะจะถูกบดขยี้จนตายทั้งเป็น
นี่มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้แต่สั่นสะท้านไปพลางคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง……..ฟานเจิ้งเย่ได้ถูกสังหาร !
“ฟานเจิ้งเย่นั้นเป็นถึงน้องชายแท้ๆของ…ผู้นำตระกูลฟาแต่เขากลับลงมือฆ่าแบบนั้นเลย ?! ”
หลายๆคนได้แต่พากันสั่นสะท้านไป
เป็นเพราะว่าตระกูลฟานนั้นถือเป็นตระกูลใหญ่ที่แข็งแกร่งอย่างมากและเรียกได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดของชนชั้นเพราะพวกเขามีแม้กระทั่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงประจำตระกูลทำให้ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับพวกเขาทว่าตอนนี้สายเลือดคนสำคัญของพวกเขากลับถูกหลินเทียนสังหารลงอย่างเลือดเย็น
นี่มันเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากๆ !
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทางตระกูลฟานจะต้องโกรธจนตัวสั่นอย่างแน่นอน
และความโกรธของพวกเขาจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นความน่าสะพรึงกลัว !
“นี่มัน…”
นี่ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่สั่นสะท้านไป
แม้กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่นิกายไท่หลิงเองก็ยังได้แต่ผงะไปจนถึงตอนที่ตระหนักได้ว่าฟานเจิ้งเย่ได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียนไปแล้ว
“เจ้า……อวดดีเกินไปแล้ว ! กล้าสังหารน้องชายของผู้นำตระกูลฟานแบบนี้เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับหายนะ ! ”
เขาส่งเสียงสั่นๆออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปทางฝ่ายตรงข้ามพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ห่วงตัวเองเถอะ ”
เขาหันมองออกไปก่อนที่ศิลาหินและเจดีย์ราชันอมตะจะพุ่งกลับเข้ามาหาเขาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหลินเทียนแล้วอีกฝ่ายก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปทันที
ในตอนที่หลินเทียนเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วก็ทำเพียงแค่กดทับเจดีย์ราชันอมตะเข้าใส่โดยทันที
อีกฝ่ายได้แต่รู้สึกขวัญผวาไปพร้อมทั้งรีบสังเวยอาวุธออกไปรับเอาไว้เพราะไม่สามารถเบี่ยงหลบออกไปได้
กระบี่อาวุธวิญญาณที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา
หลังจากนั้นเองที่การโจมตีของทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันอย่างจัง
“เปรี้ย ~! ”
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาพร้อมๆกับปรากฏรอยร้าวขึ้นที่ใบกระบี่ก่อนที่มันจะถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
หลังจากนั้นเองที่เจดีย์ราชันอมตะได้กดทับลงไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจังทำให้เหลือไว้เพียงแค่ดวงวิญญาณที่กำลังพุ่งหนีไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นเท่านั้น
ไม่มีทางเลยที่หลินเทียนจะปล่อยอีกฝ่ายไปดังนั้นถึงได้อัดพลังลงไปพร้อมทั้งสูบเอาดวงวิญญาณของอีกฝ่ายเข้ามาเก็บไว้ภายในเจดีย์ราชันอมตะของเขา
“ปล่อยข้า ! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดัง
“ฝันไปเถอะ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งทำให้เจดีย์ราชันอมตะส่องประกายแสงสีม่วงเข้มออกมาบดขยี้ดวงวิญญาณที่อยู่ภายใน
พริบตานี้เองที่สถานที่แห่งนี้ได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
“ทุกคน……”
หลายๆคนได้แต่ส่งเสียงสั่นๆออกมา
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะสามคนกลับถูกหลินเทียนสังหารลงทั้งหมดซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นถึงน้องชายของผู้นำตระกูลฟาน
แม้กระทั่งวิหกเพลิงและเหลาเหลาเองก็ผงะไปไม่ต่างกัน
เวลามันเพิ่งผ่านไปนานขนาดไหนกัน ทว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนกลับตกตายลงทั้งหมด
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปได้หันมองออกไปยังกระบี่วิญญาณพลางโบกมือคว้ามันกลับมาเพราะแม้ว่ามันจะได้รับความเสียหายจนปริแตกทว่าการซ่อมมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก
เขาลบตราประทับของอีกฝ่ายออกไปก่อนที่จะเก็บไว้ภายในร่างของตัวเอง
ระหว่างนี้ก็ได้เก็บเอาเจดีย์ราชันอมตะและศิลาหินกลับไปก่อนที่จะเหาะออกไปหาทางเหลาเหลา
“สุดยอด ! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ขอโทษที่สร้างปัญหาให้เจ้า ”
แน่นอนว่านางหมายถึงเรื่องของฟานเจิ้งเย่เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็หมายตามาที่นางแต่แรกซึ่งหลินเทียนเป็นฝ่ายที่ก้าวออกมาปกป้องนางจนสุดท้ายก็ลงมือสังหารอีกฝ่ายไปทำให้หลินเทียนล่วงเกินตระกูลฟานที่แข็งแกร่ง
หลินเทียนแสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะเขกศีรษะของนางแล้วพูดว่า
“จะเกรงใจไปทำไมกัน เราเป็นคู่หูกันไม่ใช่หรือไงและอีกอย่างต่อให้ไม่ใช่คนที่ข้ารู้จักแต่ข้าก็จะยื่นมือเข้าช่วยเหลืออยู่ดี ”
สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงเพราะคนที่ทำลายความบริสุทธิ์ของผู้อื่นนั้นมีค่าไม่ต่างจากสวะในสายตาของเขาดังนั้นตราบเท่าที่เขาพอช่วยได้ก็จะลงมือเพราะนี่คือคุณธรรมของเขา
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้ามีวิสัยทัศน์ที่ดีถึงได้บอกว่าเจ้าเป็นคนที่ดีมากๆ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนหัวเราะและไม่ได้ตอบกลับอะไรก่อนที่จะหันมองกลับไปทางผนังหินพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังสีทองออกไปลบล้างอักขระเหล่านั้น
เป็นเพราะว่ามันเป็นอักขระที่อัดแน่นไปด้วยพลังที่เข้มข้นและไม่ธรรมดาทำให้คนปกติไม่มีทางทำความเข้าใจได้และจะได้รับอันตรายเพราะหลายๆคนเองก็ตกตายลงไปแล้ว
“ทำลายมันนั่นแหละดีแล้ว ”
เหลาเหลาพึมพำออกมาเพราะนางเองก็เกือบจะตกตายลงเพราะมัน
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรและทำเพียงแค่หันมองออกไปทางวิหกเพลิงเพื่อบอกลามัน
วิหกเพลิงได้พยักหน้าให้กับเขาก่อนที่จะตอบกลับด้วยจิตสัมผัสว่า
“ลาก่อน ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือก่อนหน้านี้ ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาตอบกลับไป
หลังจากนั้นก็หันหลังแล้วก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
กลุ่มคนที่อยู่รอบๆเองก็ได้แต่จ้องมองไปยังแผ่นหลังของหลินเทียนที่กำลังเดินจากไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“เป็น.คนที่น่ากลัวจริงๆ ”
หลายๆคนพึมพำอยู่กับตัวเอง
……..
หลินเทียนเดินนำเหลาเหลาออกไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยดวงตาที่ส่องประกายแสงออกมาเล็กน้อยขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องของอักขระบนผนังหินก่อนหน้านี้
“กำลังคิดเรื่องอักขระนั่น ? เป็นไงบ้างล่ะ ? ”
นางถามออกมาหลังจากที่เห็นว่าเขากำลังคิดบางอย่าง
เป็นเพราะว่าแม้ทุกคนจะไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ทว่ามีเพียงหลินเทียนเท่านั้นที่ทำได้จึงทำให้นางรู้สึกสงสัยอย่างมาก