Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1401
หลังจากการต่อสู้กับฟานเจิ้งเย่ไปแล้วข่าวเรื่องที่เขาครอบครองอาวุธอนันตกาลตอนปลายและอาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลก็ได้แพร่ออกไปทั่วทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนรู้สึกตกตะลึงและอิจฉาตาร้อน
แน่นอนว่าชายวัยกลางคนชุดดำนี้เป็นหนึ่งในคนที่อิจฉาซึ่งแม้ว่าเขาอาจจะดูเหมือนมีอายุเพียงแค่สี่ห้าสิบปีแต่จริงๆแล้วอย่างน้อยๆก็อยู่มานานกว่าหลายพันปีซึ่งการที่เขาออกค้นหาตัวหลินเทียนก็เพื่อคิดจะชิงเอาสมบัติทั้งสองนี้
“ส่งมันมาแต่โดยดีแล้วข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปแต่หากว่าขัดขืนเจ้าเองก็คงจะรู้ว่ามันจะจบอย่างไร ”
อีกฝ่ายได้ส่งเสียงออกมาอย่างราบเรียบ
“เจ้าคิดว่าจะสามารถสังหารข้าได้ ? ”
หลินเทียนหันมองออกไป
อีกฝ่ายได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสว่า
“อย่าคิดว่าใช้อาวุธพวกนั้นสังหารเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นได้แล้วมันยิ่งใหญ่นักเลย แม้ว่าเจ้าจะสามารถต่อกรกับมันได้แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านิรันดร์อมตะตอนต้นขั้นปลายแล้วเจ้ามันไม่อยู่ในสายตาของข้าด้วยซ้ำ ”
“งั้นรึ เดี๋ยวก็รู้เอง ”
หลินเทียนตอบกลับไป
แต่ความจริงแล้วเขาเองก็สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีว่าแม้เขาจะมีอาวุธอนันตกาลอยู่ในมือแต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของมันแต่ก็ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกไปได้
“อุส่าให้โอกาสแล้วแต่เจ้าไม่คว้ามันไว้เองนะ ”
อีกฝ่ายส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งส่งการโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาทำลายพื้นที่โดยรอบทั้งหมด
หลินเทียนเองก็รีบสังเวยเอาศิลาหินที่ส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้โดยทันที
ตู้มม ~!
การปะทะกันของทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันอย่างรุนแรง
พลังทำลายของมันได้บดขยี้ขุนเขาที่อยู่รอบข้างไปมากมายถึงขั้นที่ขนาดม่านฟ้าเองก็ยังฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ
“เป็นอาวุธอนันตกาลตอนปลายจริงๆ ! ”
ชายชุดดำส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อด้วยสายตาที่เปล่งประกายว่า
“เอามันมา ! ”
เขาตวัดคันธนูในมือของตัวเองออกไป
หลินเทียนที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงนี้ตระหนักได้เลยว่าหากว่าไม่ได้เป็นเพราะกายราชันและอาวุธอนันตกาลแล้วเขาก็คงจะถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆไปนานแล้ว
สีหน้าของเขายังคงราบเรียบไม่ได้เปลี่ยนแปลงก่อนที่ศิลาหินจะยิ่งส่องประกายแสงเจิดจ้าออกมามากกว่าเก่า
ตู้มม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้บดขยี้มิติโดยรอบไปพร้อมๆกับขุนเขา
พลังทำลายของมันกวาดออกไปไกลแสนไกล
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ห่างออกไปไกลหลายคนถึงกับผวาไปพร้อมทั้งหันมองไปยังทิศทางเดียวกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
“เหมือนว่ากำลังมีคนสู้กันอยู่ ? ”
“นี่มัน….เป็นพลังทำลายที่แข็งแกร่งจริงๆ ”
“ไปดูกันเถอะ ! ”
“ไปกันเร็ว ”
หลายๆคนพากันเหาะออกไป
ไม่นานพวกเขาก็ได้เข้าใกล้ระยะการต่อสู้ของหลินเทียนและชายชุดดำก่อนที่จะพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“นั่นมัน……ชายที่สังหารฟานเจิ้งเย่และผู้อาวุโสทั้งสองไปเมื่อก่อนหน้านี้หนิ ”
สายตาของพวกเขาหยุดอยู่ที่ร่างของหลินเทียนโดยทันที
“ใช่จริงๆด้วย ! เป็นเขาจริงๆ ! ”
พวกเขาได้แต่สั่นสะท้านไป
เป็นเพราะเรื่องที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่แล้วดังนั้นแม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นแต่ก็ได้เห็นภาพร่างจิตสัมผัสกันหมดทำให้สามารถจดจำใบหน้าของหลินเทียนได้
“อีกคนนั่นมันใครกัน ? ”
“เขตแดนนิรันดร์อมตะ ………”
“เขาคิดจะสู้กับชายคนนั้นจริงๆ ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของตระกูลฟานหรือนิกายไท่หลิงนะ ”
“น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนเท่านั้น…….คงมาเพื่อสมบัติของคนโหดนั่น….”
“เจดีย์ที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาล ”
ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในสมองของพวกเขาโดยทันที
ตู้มม ~!
ตู้ม !
ตู้มม ~!
ประกายแสงเจิดจรัสส่องประกายออกไปรอบทิศทาง
หลินเทียนและชายชุดดำยังคงอัดเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่งและแม้จะสัมผัสได้ถึงกลุ่มคนที่อยู่รอบๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
มีเพียงชายชุดดำเท่านั้นที่มีสายตาที่หรี่เล็กลงเพราะว่าเขาอุส่าหาตัวหลินเทียนได้อย่างยากลำบากดังนั้นถึงไม่อยากจะถูกล้อมโดยกลุ่มคนจำนวนมากเพราะมันจะยิ่งชักนำผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่ามาเพิ่มและหากว่าอีกฝ่ายอยากจะแย่งชิงกับเขาแล้วก็จะกลายเป็นปัญหาไม่น้อย
“ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ! ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตู้มมม ~!
คันธนูในมือของเขาได้สั่นไหวก่อนที่จะหลอมรวมกันเป็นลูกศรสังหารที่ทรงพลังพวยพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
พลังทำลายของมันได้บิดห้วงมิติโดยรอบออกก่อนที่จะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
ศิลาหินยังคงล่องลอยอยู่เหนือศีรษะของหลินเทียนพลางสังเวยเอาวงเวทย์หยินหยางหกชั้นออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้คว้าเอากระบี่อาวุธวิญญาณที่เต็มไปด้วยรอยปริแตกออกมา
เขารับการโจมตีของชายวัยกลางคนเอาไว้ด้วยศิลาหินและวงเวทย์หยินหยางก่อนที่จะสังเวยทักษะพิเศษออกมาทำให้กลิ่นอายของกระบี่นี้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง
กลิ่นอายทำลายล้างได้กวาดออกไปรอบทิศทางระหว่างที่ตัวกระบี่พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่าย
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
อีกฝ่ายเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพลางโห่ร้องอย่างดังว่า
“นี่เจ้า……ให้อาวุธวิญญาณทำลายตัวเอง ?! ”
กระบี่นี้เป็นสินสงครามที่ได้มาหลังจากที่สังหารผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงและแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวทว่าก็ยังถือเป็นอาวุธวิญญาณอยู่ดีดังนั้นเขาที่รู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้จึงเลือกใช้วิธีการทำลายตัวเองของอาวุธในมือ
เป็นเพราะว่าตัวเขาได้ปกป้องร่างกายเอาไว้ก่อนแล้วทำให้มีเพียงฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่ไม่สามารถตอบสนองได้ทันและได้แต่แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมา
“ระเบิด ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ตู้มม ~~~!
ตัวกระบี่ได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นพลังทำลายล้างกวาดออกไปรอบทิศทาง
อ๊ากก ~~~!
ชายวัยกลางคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชก่อนที่ร่างของเขาจะถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
มิติโดยรอบได้แหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“เจ้านี่…..ถึงขั้นยอมทำลายอาวุธวิญญาณตอนปลายเลยงั้นรึ ! ”
เหลาเหลาเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อย
ตู้มม ~!
กลิ่นอายทำลายล้างได้ปกคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้
จนถึงช่วงที่ผ่านไปได้พักหนึ่งแล้วกลิ่นอายทำลายล้างก็ได้สลายหายไปและเผยให้เห็นภาพพื้นดินที่แหลกสลายกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่รวมถึงชายวัยกลางคนที่เหลืออยู่เพียงแค่ดวงวิญญาณเท่านั้น
กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกันเพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะตัดสินใจทำลายอาวุธในมือของตัวเองทำให้ร่างของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะระเบิดออกเป็นชิ้นๆถึงขั้นที่กลิ่นอายแผ่วเบาจนแทบจะดับสลาย
“คิดว่าฆ่าข้าได้ ?”
หลินเทียนก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งถามออกมาระหว่างที่คลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ก่อตัวขึ้นในมือของเขา
อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะรีบหันหลังแล้วพุ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
เป็นเพราะโชคช่วงถึงได้ทำให้เขารอดจากการระเบิดเมื่อครู่มาได้ดังนั้นในตอนนี้มันไม่มีทางเลยที่เขาจะเอาชนะหลินเทียนได้
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่พุ่งผ่านออกไปอย่างไร้ความปราณี
อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาว่า
“ไม่นะ ได้โปรด…….”
ฟึ้บบ ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาก่อนที่ดวงวิญญาณของชายวัยกลางคนจะแตกดับลง
“ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะ…….”
ผู้คนโดยรอบพากันส่งเสียงสูดหายใจเข้าลึกออกมา
นี่ทำให้หลายๆคนอดก้าวถอยกลับไปไม่ได้
หลินเทียนเหาะออกไปหาเหลาเหลาก่อนที่จะพูดว่า
“ไปกันเถอะ ”
เขาไม่ชอบการถูกล้อมเอาไว้แบบนี้ถึงได้คิดจะไปจากที่นี่
“คิดจะไปแบบนี้ ? อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
น้ำเสียงนี้ถูกส่งออกมา
น้ำเสียงอันยั่วยวนถูกส่งออกมาจากหญิงสาวที่สวมชุดที่เปิดเผยส่วนโค้งเว้าในร่างก้าวเดินออกมา
อีกฝ่ายได้พุ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลาย !
“นี่มันผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเฮอเฉิน ตัวตนระดับนี้ยังมาเลย ?! ”
หลายๆคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะว่านิกายเฮอเฉินนั้นถือเป็นขุมพลังระดับ 2 ของดาวดวงนี้ซึ่งแน่นอนว่าผู้อาวุโสสูงสุดที่โด่งดังก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าอีกฝ่ายสร้างความรู้สึกอันตรายให้กับเขา
“ไอ้หนู ส่งมันมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ”
อีกฝ่ายที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานทว่ายังคงรูปลักษณ์ของหญิงสาวเอาไว้ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าหลงใหล
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบพากันเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าเป้าหมายของนางนั้นก็เพื่อศิลาหินและเจดีย์ของหลินเทียน
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีถึงได้ตอบกลับไปว่า
“อย่าหวังไปหน่อยเลย ”
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะส่งมอบมันให้กับอีกฝ่ายพลางคว้าร่างของเหลาเหลาเอาไว้เพื่อจะไปจากที่นี่
“งั้นก็คงต้องชิงมาเท่านั้นสินะ ”
อีกฝ่ายได้ส่งเสียงออกมาพลางหรี่ตาลงพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าหาเขา
กลิ่นอายอันทรงพลังได้กดทับเข้าใส่ร่างของเขา
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
เสียงคำรามอย่างดังที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารถูกส่งออกมา
แทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่มีร่างห้าร่างพุ่งเข้ามาทางเขาโดยที่มีชายวัยกลางคนเป็นผู้นำ
“ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิง…….ผู้นำตระกูลฟานและผู้อาวุโสทั้งสี่คน….”
สีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปอีกครั้ง