Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1402
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่พากันผงะไปเพราะไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดของสองขุมพลังจะปรากฏตัวออกมาพร้อมๆกันแถมยังมีแม้กระทั่งผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆดังนั้นถึงได้ต่างคิดว่าหลินเทียนต้องตายลงอย่างแน่นอน
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อยเช่นกันเพราะเขารู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาดี ไม่มาเพราะสมบัติที่เขาถือครองก็มาเพื่อชำระความแค้นซึ่งไม่ว่าจะเป็นอันไหนก็ล้วนเป็นหายนะสำหรับเขา
เขาไม่ลังเลเลยที่จะคว้ามือของเหลาเหลาพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นแล้วเขายังพอรับมือได้ด้วยการทำลายตัวเองของอาวุธวิญญาณทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนเหล่านี้แล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่หันหลังหนีไปเท่านั้น
“นี่……”
“เร็ว….มาก ! เร็วจริงๆ ! ”
“แค่ความเร็วของเขาก็เทียบได้พอๆกับเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายแล้วนะ ! นี่เขายังเป็นคนอยู่อีก?! ”
หลายๆคนได้แต่ประหลาดใจไปกับความเร็วของหลินเทียน
“คิดจะหนี ? อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆเองก็ต่างพุ่งไล่ตามหลังหลินเทียนไปพร้อมๆกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินพุ่งผ่านออกไปด้วยทักษะที่ทิ้งภาพดอกบัวเอาไว้ไล่ตามหลินเทียนไปด้วยความเร็วที่ทิ้งท้ายคนอื่นๆไปไกล
พริบตาพวกเขาต่างก็พากันพุ่งหายไปไกล
“ตู้มม ~! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้สังเวยทักษะสังหารอันทรงพลังออกมาบดขยี้ห้วงมิติที่อยู่ตรงหน้าจนแหลกสลายหายไปโดยทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆเองก็เปิดฉากโจมตีสังหารเช่นเดียวกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินได้ระเบิดกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมาจากร่างของนางออกไปรอบทิศทาง
พลังทำลายอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปโดยรอบพร้อมทั้งบดทำลายพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่รอบข้าง
หลินเทียนที่กำลังจูงเหลาเหลาไปเองก็สัมผัสได้ถึงพลังทำลายที่หนักหน่วงนี้เป็นอย่างดีเพราะมันทำให้เขาถึงกับรู้ขนหัวลุกเพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการโมตีของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายถึงสามคน
เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยศิลาหินระหว่างที่พุ่งหนีไปโดยที่ไม่ได้เบี่ยงหลบการโจมตีเหล่านั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
เป็นเพราะว่าคนที่กำลังไล่ตามเขามันแข็งแกร่งคนเกินไปดังนั้นด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แม้จะมีอาวุธอนันตกาลอยู่ในมือก็ยังไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้
“หลินเทียน เจ้าทิ้งข้าไว้แล้วหนีไปซะ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะแม้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหลินเทียนจะสูงมากระหว่างที่จูงนางหนีไปทว่ามันก็ไม่สามารถเทียบกับความเร็วสูงสุดของเขาได้ดังนั้นหากว่าทิ้งนางไปแล้วก็น่าจะเพิ่มความเร็วให้กับเขาได้อีก
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะของเขาเพราะแม้ว่าจะสามารถเพิ่มความเร็วให้กับเขาได้แต่จะให้เขาทิ้งนางไปได้อย่างไรกันเพราะนั่นไม่ต่างจากการฆ่านางทั้งเป็น
“หากว่ายังปล่อยไว้แบบนี้พวกเราจะตายทั้งคู่ ทิ้งข้าไปเพราะอย่างน้อยเจ้าก็สามารถเอาชีวิตรอดได้ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาเพราะไม่มีทางเลยที่เขาจะทำเช่นนั้น
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ขนาดน้องชายของผู้นำตระกูลเราเจ้าก็ยังกล้าแตะต้อง รนหาที่ตายนักนะ ! ”
ผู้อาวุโสตระกูลฟานส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
ผู้นำตระกูลฟานเองก็ยังคงไล่ตามหลังของหลินเทียนมาด้วยดวงตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น
“ตาย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงส่งเสียงกู่ร้องออกมา
นางด้านผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินเองก็ไล่ตามมาเช่นกันแต่ทว่าแววตาของนางกลับไม่มีจิตสังหารแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อยเพราะนางกำลังรอโอกาสที่จะแย่งชิงเอาสมบัติในมือของหลินเทียน
หลินเทียนปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยศิลาหินไปพร้อมๆกับเหลาเหลาซึ่งระหว่างนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่ระหว่างทางเองก็ได้แต่อดแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจและตกตะลึงออกมาไม่ได้
“นั่นมัน….ชายที่ลงมือสังหารผู้อาวุโสทั้งสองคนของนิกายไท่หลิงและฟานเจิ้งเย่น้องชายผู้นำตระกูลฟานหนิ เขา…กำลังถูกไล่ล่า ! ”
“นั่นมันผู้นำตระกูลฟานและผู้อาวุโสทั้งสี่คน ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงและผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉิน ! ”
“แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ก็…..”
หลายๆคนได้แต่สั่นไป
หลินเทียนยังคงพุ่งผ่านออกไปด้วยร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บมากยิ่งขึ้นแถมระยะห่างระหว่างพวกเขาเองก็ยิ่งลดน้อยลงๆแต่แววตาของเขาก็ยังคงส่องประกายความแน่วแน่ออกมาขณะที่พุ่งออกไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“กล้านักนะที่สังหารหลานชายของข้า ต่อให้หนีไปสุดขอบโลกก็อย่าหวังเลยว่าจะรอด”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้ส่งเสียงออกมาพลางโบกมือส่งการโจมตีออกไป
เหล่าผู้เชี่ยวชาญตระกูลฟานเองก็ลงมือเปิดฉากโจมตีอย่างเต็มกำลังเช่นเดียวกัน
นี่ทำให้ปากของหลินเทียนถึงกับมีเลือดไหลซิบออกมาไม่หยุดเพราะแม้จะมีอาวุธอนันตกาลแต่มันก็ยังไม่เพียงพอจะปกป้องร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตามความเร็วของเขาก็ยังคงไม่ลดน้อยลง
“ตายแน่ ”
“สภาพแบบนั้นไม่มีทางรอดได้แน่ๆ ”
“ยังไงก็คงต้องตาย ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่เห็นเช่นนั้นต่างพากันส่ายศีรษะของพวกเขา
“ไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วสมบัตินั่นจะตกเป็นของใคร ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมา
หลินเทียนยังคงพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากๆจนมองเห็นอุโมงค์แห่งหนึ่งที่ดูมืดสนิทจนไม่สามารถมองเห็นภายในได้
เขาได้มาถึงที่นี่พร้อมทั้งพุ่งเข้าไปภายในโดยทันที
“หลินเทียน ที่นี่มัน ?! ”
เหลาเหลาถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
เป็นเพราะปลายอุโมงค์แห่งนี้มันเป็นที่อยู่ของอสูรเขตแดนอนันตกาลและแม้หลินเทียนจะรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วแต่ก็ยังมุ่งหน้าไปทางนั้น
“เจ้าคิด….”
นางได้แต่หันมองกลับไปทางกลุ่มคนที่กำลังไล่ตามมาพร้อมทั้งตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
“อย่าเพิ่งพูด ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ความเร็วของเขาถือว่าสูงอย่างมากก็จริงแต่พลังเทวะก็มีขีดจำกัดดังนั้นหากว่าเอาแต่หนีก็จะต้องถูกอีกฝ่ายตามทันอย่างรวดเร็วและหากว่าต่อสู้ซึ่งๆหน้าก็ไม่มีทางต่อต้านอีกฝ่ายได้ดังนั้นจึงมีเพียงการปลุกสัตว์อสูรที่อยู่ภายในและอาศัยพลังของมันเพื่อเปิดโอกาสให้เขาหนีไป
แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้จะยิ่งอันตรายขึ้นไปอีกเพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเขาดังนั้นหากว่ามันโกรธจัดก็อาจจะติดร่างแหไปด้วย
แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่เขาจะรอดเท่านั้น
เขาพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่สูงที่สุดพร้อมทะลวงผ่านอุโมงค์ขนาดใหญ่เข้าไปท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่สามารถใช้จิตสัมผัสตรวจสอบได้
“ทางนั้น……อสูรมันอยู่ทางนั้น ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงกระซิบออกมา
เป็นเพราะว่านางเคยบังเอิญได้เห็นมันจึงพอจดจำตำแหน่งได้
หลินเทียนเองก็พอเดาได้ดังนั้นถึงได้หยุดเท้าลงแล้วหันมองกลับไปทางกลุ่มคนที่กำลังพุ่งตามเขามาด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารก่อนที่พวกเขาจะพากันส่งการโจมตีอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน
แววตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาพร้อมทั้งเบี่ยงหลบออกไปอย่างรวดเร็วทำให้คลื่นพลังการโจมตีเหล่านี้พุ่งผ่านออกไประเบิดด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง
“ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน ! ”
ผู้นำตระกูลฟานส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางก้าวเดินออกไป
คนอื่นๆเองก็ก้าวเข้าหาทางหลินเทียนพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
“ตายซะไอ้ชาติชั่ว ! ”
ผู้อาวุโสตระกูลฟานพากันเปิดฉากโจมตีออกไปด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่มีกลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมาจากด้านหลังของหลินเทียนขณะที่อสูรร้ายได้ลืมตาตื่นขึ้นมาและเผยให้เห็นร่างที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาอันน่าสะพรึงกลัวของอสรพิษร้าย
“โร๊วว ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลิ่นอายของอสูรอนันตกาลแผดกระจายออกไปรอบทิศทาง
เป็นเพราะว่าหลินเทียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันมีอสูรอยู่ที่นี่ถึงได้จงใจล่ออีกฝ่ายเข้ามาพร้อมทั้งอาศัยการโจมตีของศัตรูช่วยปลุกอสูรตัวนี้และหลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความโกรธแล้วเขาก็รีบสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาสร้างม่านพลังปกป้องร่างกายของตัวเองและเหลาเหลาเอาไว้
อย่างไรก็ตามคนอื่นๆในตอนนี้นั้นไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันแม้แต่น้อยทำให้พวกเขาได้แต่อ้าปากค้างด้วยดวงตาที่เบิกกว้างถึงขีดสุด
หลังจากนั้นเองที่เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวได้ถูกส่งออกมาพร้อมกระแทกเข้าใส่ร่างของทุกคนอย่างจัง
อ๊ากก ~!
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาขณะที่พวกเขาทั้งหมดต่างถูกกระแทกปลิวออกไปด้วยร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดแถมยังปริแตกไปทั้งตัว
หลินเทียนเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยแต่เป็นเพราะการเตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อนแล้วทำให้มันช่วงสลายพลังทำลายของคลื่นเสียงนี้ไปส่งผลให้อาการบาดเจ็บของเขายังดีกว่าคนอื่นๆมาก
“หนีเร็ว ! ”
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งอดทนกับความเจ็บปวดแล้วหันหลังพุ่งหนีออกไปโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองอสูรที่อยู่เบื้องหลังเพื่อหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้