Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1408
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าขนาดผู้อาวุโสเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นของสองนิกายใหญ่นั้นไม่แม้แต่จะสามารถเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นได้ทว่าหลินเทียนกลับเข้าใกล้ได้อย่างง่ายดายแถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บมดๆนี่ทำให้พวกเขาได้แต่โง่งมไปทันที
“นี่เจ้านี่มัน..เป็นใครกันแน่ ?”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับอ้าปากค้างพร้อมทั้งพึมพำออกมา
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าอันเข้มข้นที่สามารถสังหารได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลหรือแม้กระทั่งเขตแดนนิรันดร์แท้จริงลงได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเขากลับไม่ได้รับแรงกดดันใดๆเลยแม้แต่น้อย
เขายังคงยืนอยู่กับที่อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมองออกไปทางเหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปไกลเล็กน้อยแล้วก้าวเดินเข้าไปภายในใจกลางของสถานที่แห่งนี้
“นี่เขา…กำลังเข้าไปภายในแล้ว ! ”
“ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยแม้แต่น้อย นี่มัน….”
“หรือว่าตราบเท่าที่สามารถเข้าไปได้แล้วจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ ? ”
“นี่….ดูไม่น่าจะใช่ ”
“ข้าเองก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ ”
“แล้วทำไมเขาถึงได้…..”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่รอบนอกได้แต่พากันส่งเสียงออกมา
แม้กระทั่งผู้อาวุโสของทั้งสองนิกายใหญ่เองก็ยังได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“เจ้าหนูนี่มัน……แปลกมากๆ ! ”
ผู้อาวุโสนิกายเฉินเจียวได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนก้าวเดินเข้าไปภายในก่อนที่จะพบว่าแม้คลื่นสายฟ้าพวกนี้จะทรงพลังอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ทำลายพื้นที่ภายในเลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปพลางกวาดสายตาไปรอบๆโดยที่มีเสียงคลื่นสายฟ้าถูกส่งออกมาเป็นพักๆ
“เงิน คราม ม่วง แดง ดำ ”
เขาหันมองออกไปยังคลื่นสายฟ้าหลากสีที่อัดแน่นไปด้วยคลื่นพลังอันหนักหน่วงซึ่งสายฟ้าสีเงินนั้นมีพลังทำลายด้อยที่สุดและสีดำเป็นสายฟ้าที่ทรงพลังที่สุด
ทว่าแม้จะเป็นคลื่นสายฟ้าที่เบาบางที่สุดสีเงินก็เพียงพอที่จะสังหารเขตแดนอนันตกาลลงได้ง่ายๆ
“บอกได้เลยว่าอย่างน้อยๆผู้ที่คิดค้นทักษะนี้จะต้องมีระดับพลังอยู่ในเขตแดนิรันดร์แท้จริงอย่างแน่นอน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วเขาก็ได้หันมองออกไปรอบๆก่อนที่จะหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้าวเดินต่อไป
ยิ่งเขาก้าวเดินเข้าไปเท่าไหร่คลื่นสายฟ้าทั้งหลายก็พากันแหวกทางออกให้เขาเสมือนว่ามีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
นี่ทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาแต่ก็ยังก้าวเดินต่อเข้าไป
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงพื้นที่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้อย่างแท้จริง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับแท่นหินอยู่ตรงกลางขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับที่นั่งขัดสมาธิแถมยังรายล้อมไปด้วยเศษฝุ่นที่ไม่รู้เลยว่าคงอยู่มาเนิ่นนานขนาดไหน
สายตาของเขาได้หยุดอยู่ที่มันก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาจะสั่นไหวอย่างรุนแรง
เป็นเพราะว่าที่แท่นหินนั้นแฝงไปด้วยเจตจำนงแห่งสายฟ้า !
“แท่นหินนั่นจะต้องเป็นสถานที่ๆผู้เชี่ยวชาญคนนั้นคิดค้นทักษะนี้ขึ้นอย่างแน่นอน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
พริบตานี้เองที่เขาได้สัมผัสถึงกลิ่นอายสายฟ้าอันหนักหน่วงเสมือนว่าเคยมีเทพสายฟ้านั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้านี้
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงกับที่
“ถึงอย่างไรก็ต้องเรียนรู้มันให้ได้ ! ”
หลังจากที่ขัดสมาธิลงแล้วจิตสัมผัสอันทรงพลังของเขาก็ได้กวาดออกไปรอบทิศทางพร้อมทั้งเริ่มการสำรวจมรดกที่ถูกทิ้งเอาไว้
คลื่นสายฟ้าทั้งหลายส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาก่อนที่จะพากันโถมเข้าใส่ร่างของเขาอย่างมีความสุข
ไม่นานหลังจากนั้นพวกมันก็พากันโคจรอยู่รอบตัวของเขาอย่างช้าๆ
แน่นอนว่าเขาเองก็สัมผัสได้ถึงจุดนี้ถึงได้ลืมตากลับขึ้นมา
“นี่……”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
จิตสัมผัสของเขาหยุดนิ่งทว่าคลื่นสายฟ้าเหล่านี้ก็ยังรายล้อมร่างของเขาเอาไว้
เขานั่งขัดสมาธิลงพร้อมทั้งจ้องมองออกไปพลางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันหนักหน่วงที่แฝงอยู่ภายใน
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงสาดส่องออกมาจากร่างของเขาเสมือนว่าเป็นเสียงสะท้อนของคลื่นสายฟ้า
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ดวงวิญญาณของเขาได้ส่องประกายออกมาพร้อมก่อกำเนิดคลื่นประกายสายฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของทัณฑ์สวรรค์ออกมา
ตู้มม ~!
ตู้มม ~!
ตู้ม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งผลให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเองที่พวกมันต่างพากันไหลซึมเข้าสู่ร่างของหลินเทียน
นี่ทำให้หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกเพราะต่อให้เปลี่ยนเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนิรันดร์แท้จริงคนอื่นก็คงจะตกตายลงไม่เหลือซากไปแล้วแถมก่อนหน้านี้เขาก็เกือบที่จะลุกหนีไปแล้วด้วยซ้ำ
เขาปรับสภาพอารมณ์อย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างกายจะรายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าอย่างเข้มข้น
คลื่นสายฟ้าห้าสีส่องประกายแสงแห่งสัจธรรมออกมาพลางพุ่งทะลวงผ่านทะเลความรู้ของเขาไป
ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นไหวขณะที่คลื่นสายฟ้าทั้งหลายทะลวงผ่านทะเลความรู้ออกไปยังดวงวิญญาณของเขาและเริ่มโคจรอยู่รอบๆมันเสมือนว่าเป็นผู้พิทักษ์มังกรสายฟ้า
ยิ่งเวลาผ่านไปคลื่นสายฟ้าที่ทะลวงเข้าสู่ร่างของเขาก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกและส่งผลให้ทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น
ตู้มม !
ตู้ม !
ตู้มมม ! !
ตู้ม !
ตู้ม !
เสียงฟ้าร้องคำรามดังสนั่นอย่างต่อเนื่องห้าครั้งถูกส่งออกมาก่อนที่คลื่นสายฟ้าห้าสีจะพากันแปรเปลี่ยนกลายเป็นอักขระโบราณที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายสายฟ้าอันเข้มข้น
ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นสะท้านไปเพราะว่าเขาเคยเห็นอักขระเหล่านี้ที่ผนังหินมาก่อนแล้ว
ตู้มม ~!
อักขระสายฟ้าทั้งหลายส่องประกายแสงออกมาก่อนที่จะส่งเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่งทะเลความรู้ของเขา
หลินเทียนในตอนนี้กำลังแบกรับความเจ็บปวดจากการฟาดฟันของคลื่นสายฟ้าทั้งห้าสีก่อนที่จะปรากฏข้อมูลอันเลือนรางขึ้นภายในทะเลความรู้ของเขา
“ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้า ”
“ตู้มม ~! ”
อักขระทั้งห้ายิ่งส่องประกายออกมาอย่างเข้มข้น
หลังจากนั้นเองที่มันได้ทะลวงผ่านเข้าไปยังดวงวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว
มันทำให้ดวงวิญญาณของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับความเจ็บปวดที่แผดขยายไปทั่วร่างของเขาทำให้เขาอดส่งเสียงโอดครวญออกมาไม่ได้
ระหว่างนี้เองที่ภาพความทรงจำอันเลือนรางได้ปรากฏขึ้นภายในทะเลคามรู้ของเขา มันเป็นภาพร่างของคนๆหนึ่งที่อาบไปด้วยเลือดขณะที่ผ่านพ้นทัณฑ์สวรรค์ไปก่อนที่จะอาบแสงเจ็ดสีและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลาได้ผ่านไปพร้อมๆกับภาพที่แปรเปลี่ยน เขาได้เห็นภาพร่างๆนั้นก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์รอบที่สอง รอบที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด และเก้า…….
“นี่มัน ?! ”
ภาพเหล่านี้ทำให้ร่างกายของเขาถึงกับสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง
เป็นเพราะมีคนที่ต้องแบกรับทัณฑ์สวรรค์ทั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภาเหมือนเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เห็นภาพของร่างๆนั้นก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ไปทั้งหมดถึงสิบแปดครั้ง
“18 ครั้ง…….”
หัวใจของเขาสั่นไหว
การที่สามารถก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์กว่าสิบแปดครั้งได้นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิแห่งทวยเทพ ?!
ภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นช่วงที่ร่างๆนั้นฉีกคลื่นสายฟ้าออกเป็นเสี่ยงๆก่อนที่จะอาบประกายแสงเจ็ดสีพร้อมทั้งออกเดินทางข้ามผ่านภูเขาและแม่น้ำไปมากมายก่อนที่จะเปิดโลกใบเล็กแล้วนั่งทำสมาธิอยู่ภายใน
ไม่รู้เลยว่าใช้เวลานานขนาดไหนก่อนที่ร่างๆนั้นจะลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้งด้วยแววตาที่ผสมผสานคลื่นสายฟ้า
หลินเทียนที่กำลังจ้องมองดวงตาอันล้ำลึกนั้นได้แต่รู้สึกสั่นสะท้านไป
พริบตานี้เองที่ภาพเหล่านี้ก็ได้เปลี่ยนไปและเผยให้เห็นถึงช่วงที่ร่างๆนั้นพุ่งทะลวงผ่านห้วงจักรวาลและม่านมิติทั้งหลายไปเพื่อเผชิญหน้ากับเนตรอมตะอันราบเรียบและโหดเหี้ยมขนาดใหญ่คู่หนึ่ง