Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1412
“จะไปแล้ว ? ”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเทียนและฟังจากคำพูดของเขาแล้วเหลาเหลาก็ถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเพราะตระหนักได้ถึงบางสิ่งพร้อมพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะค้นพบทักษะนั่นแล้วจริงๆสินะ สุดยอดไปเลย ! ”
“งั้นๆแหละ ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ไปกันเถอะ ”
เป็นเพราะว่าทักษะที่จะช่วยเขาก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ก็ได้รับมาแล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้ว
นี่ทำให้เขาเดินนำเหลาเหลาออกไปยังสถานที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
“ชายคนนั้น……”
“ไม่ผิดแน่ จากสถานการณ์นี้แล้วเขาต้องได้รับทักษะนั่นไปแล้วแน่ๆ ! ”
“หากว่ารวมเจดีย์ที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลและอาวุธอนันตกาลตอนปลายแล้วเขานี่มัน…….ไม่ต่างไปจากขุมสมบัติเคลื่อนที่เลยนะ ! ”
กลุ่มคนได้แต่จ้องมองไปยังแผ่นหลังของหลินเทียนที่กำลังเดินจากไปโดยที่อดหัวใจเต้นไม่ได้
“พูดก็พูดนี่ตระกูลฟานย่อยยับด้วยเงื้อมมือของเขาเลยก็ว่าได้ ”
“ใช่ ! ฟานเจิ้งเย่เขตแดนนิรันดร์อมตะ ผู้อาวุโสเขตแดนเดียวกันอีกสี่คน ผู้นำตระกูลเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายและผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนกึ่งอนันตกาลอีกสามคน ตั้งแต่ก่อตั้งตระกูลฟานมาคงไม่เคยสูญเสียขนาดนี้ด้วยซ้ำ ”
“ข้าเดาได้เลยว่าบรรพบุรุษของพวกเขาคงจะอยากฆ่าตัวตายหลังจากที่ได้ยินข่าวเหล่านี้แน่ๆ ! ”
“ไร้สาระ เกิดเรื่องขนาดนี้ขึ้นแล้วคิดว่าเขาจะยังอยู่เฉยได้อีกงั้นรึ ?! บอกได้เลยว่าต้องรีบโผล่ออกมาอย่างแน่นอน ! ”
“นั่นน่ะเป็นถึงตัวตนระดับอนันตกาลเลยนะ ต่อให้ชายคนนั้นจะแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ขนาดไหนก็ยังเป็นเพียงแค่เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าเท่านั้น มันต่างชั้นกันอยู่มาก ”
“มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะการที่เขาสามารถสังหารผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆได้นั้นมันก็มีลับลมคมในบางอย่างส่วนการที่สามารถสังหารผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามได้ก็เพราะอาศัยพลังของพื้นที่แห่งนี้ หากวัดตามความแข็งแกร่งปกติแล้วเขาไม่สามารถต่อกรกับผู้นำตระกูลฟานได้ด้วยซ้ำดังนั้นไม่ต้องพูดถึงบรรพบุรุษเขตแดนอนันตกาลเลยก็ว่าได้ ”
“มันก็ยังไม่แน่หรอกนะ มั่นใจได้อย่างไรว่าเขาไม่มีวิธีการรับมือกับเขตแดนอนันตกาลกัน ? ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงที่ลึกลับและให้ความรู้สึกที่อันตรายอย่างมาก ไม่สามารถตัดสินเขาด้วยตรรกะธรรมดาๆได้หรอกนะ ”
“ก็จริงอย่างที่ว่านะ ”
“อย่างเดียวที่ข้ารู้คือเขาเป็นเหมือนกับขุมสมบัติเคลื่อนที่เลยล่ะ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญบางคนส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมากพร้อมทั้งอยากจะกลืนกินร่างหลินเทียนเข้าไปทั้งตัวเนื่องจากสมบัติที่เขาถือครองนั้นเพียงพอที่จะรับประกันเส้นทางบ่มเพาะในอนาคตให้กับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ผู้อาวุโสของสองขุมพลังใหญ่เองก็ได้แต่จ้องมองออกไปยังเส้นทางที่หลินเทียนจากไป
“ต้องรีบรายงามเรื่องนี้ให้ท่านบรรพบุรุษทราบ ”
ผู้อาวุโสนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมา
ผู้อาวุโสนิกายจี่หยานเองก็หันไปพูดกับผู้อาวุโสอีกคนว่า
“กลับกัน ! ”
เขาพูดออกมาสั้นๆแต่อีกฝ่ายเองก็รู้ถึงความหมายของคำพูดนี้เป็นดีว่า……มันคือการกลับไปเพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดของหลินเทียนให้กับเบื้องบน
เป็นเพราะว่าหลินเทียนนั้นถือว่าไม่ธรรมดาเลยเพราะถือครองอาวุธที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลแถมยังได้รับทักษะไร้เทียมทานจากที่นี่ไป
พวกเขาจำเป็นต้องรายงานเรื่องเหล่านี้ไปให้กับเบื้องบนทั้งหมดเพื่อให้อีกฝ่ายตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรต่อ
……..
หลินเทียนเดินนำเหลาเหลาออกไปด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากก่อนที่จะไปถึงขุนเขาบรรพกาลแห่งหนึ่ง
โร๊วว ~~!
เสียงสัตว์อสูรคำรามถูกส่งออกมาเป็นพักๆ
พวกเขาพากันเดินเท้าผ่านสถานที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว
“จะไปจากที่แบบนี้ได้หรือยัง ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมาเพราะนางไม่อยากจะอยู่ภายในสวนสวรรค์นี้อีกต่อไปแล้วเนื่องจากได้รับอันตรายมามากมาย
“รีบร้อนไปทำไมกัน เดินสำรวจที่นี่ก่อนเพราะบางทีอาจจะได้เก็บเกี่ยวเพิ่มมากขึ้นก็ได้ ”
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
เป็นเพราะว่าพวกเขาก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรต้องไปจัดการแถมที่นี่ยังเป็นสถานที่ปิดผนึกมาตั้งแต่อดีตดังนั้นแล้วก็คงจะให้กำเนิดสมบัติอยู่มากมายซึ่งเขาเองก็อยากจะสำรวจให้ทั่วเสียก่อน
เหลาเหลาได้เผยรอยยิ้มออกมาเพราะแม้ว่าไม่อยากจะอยู่ที่นี่เอามากๆแต่ในเมื่อหลินเทียนพูดแบบนี้แล้วนางก็ไม่ขัดข้องอะไรแถมสิ่งที่หลินเทียนพูดเองก็ยังเป็นความจริงอีกด้วย
“ตู้มม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นจากทางทิศเหนือของสถานที่แห่งนี้พร้อมๆกับกลิ่นอายโอสถอันเข้มข้นที่พวยพุ่งออกมา
“นี่มัน..”
สีหน้าของเหลาเหลาได้เปลี่ยนไปทันทีพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“เป็นกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นมากๆแถมยังมีพลังฉีที่หนาแน่นแบบนี้ หรือว่ามันเพิ่งจะถือกำเนิดกัน ? ”
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นเพราะแม้แต่หลินเทียนเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความหนาแน่นระดับนี้
“เพิ่งพูดถึงโอกาสไม่ทันไร โอกาสก็มาถึงแล้ว ”
ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงโดยทันที
“ไปกันเถอะ ! ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้ด้วยประกายแสงสีทองก่อนที่จะเหาะไปอย่างรวดเร็ว
เขามั่นใจอย่างมากว่าสถานที่แห่งนั้นจะต้องมีสมบัติถูกซ่อนเอาไว้และหากว่าได้มันมาก็จะทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้อย่างแน่นอน
ความเร็วของเขาสูงเป็นอย่างมากพร้อมทั้งไปถึงสถานที่แห่งนั้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับกลุ่มหมอกที่ใจกลางของมันมีหลุมขนาดใหญ่และกลิ่นอายโอสถที่ไหลทะลักออกมาจากใต้พื้นดินแห่งนั้น
“นี่……ไม่คิดเลยว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ! ”
“เป็นกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นมากๆ ด้านใต้นี้จะต้องมีสมบัติอยู่แน่ๆ ! ”
“รีบไปกันเร็ว ! ”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่แห่กันมาถึงต่างพากันส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมทั้งพุ่งลงไปอย่างไม่รอช้า
พริบตาผู้เชี่ยวชาญกว่าร้อยก็พากันกระโดดลงไป
แถมยังมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันแห่มาที่นี่หลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโอสถอันเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง
“เราเองก็ไปกันเถอะ ”
หลินเทียนหันไปพูดกับเหลาเหลาก่อนที่จะกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อลงมาถึงโลกใต้ดินแล้วเขาก็พบว่ามันมีความกว้างที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากแถมยังเต็มไปด้วยภูเขาและพืชพันธุ์มากมายไม่ได้ต่างไปจากโลกใบเล็กเลยก็ว่าได้
“แปลกมากๆ ก่อนหน้านี้ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นมากๆแต่ทำไมพอลงมาแล้วมันถึงได้เบาบางแบบนี้ ?”
เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมา
ที่นี่น่าจะมีสมุนไพรชั้นเลิศอยู่จริงๆแต่เป็นเพราะว่ามันกักเก็บพลังงานเอาไว้มากเกินไปถึงได้ระเบิดออกมาและเป็นเพราะว่าพื้นดินได้ระเบิดออกทำให้กลิ่นอายเหล่านั้นพวยพุ่งขึ้นไปจนหมดจึงไม่แปลกที่เมื่อลงมาแล้วมันจะเบาบางกว่ามาก
หลินเทียนพูดออกมา
เขาหันมองออกไปด้วยดวงตาที่รายล้อมไปด้วยตรามังกรเพื่อสำรวจสถานที่แห่งนี้พลางก้าวเดินออกไป
……….
ตระกูลฟาน…….
“ว่าไงนะ ?! ”
เสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นถูกส่งออกมาจากภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
ผู้นำตระกูลฟาน ผู้อาวุโสสี่คน และฟานเจิ้งเย่ถูกสังหารไปยังไม่พอ ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนกึ่งอนันตกาลทั้งสามคนยังตกตายลงนี่ทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆได้แต่สั่นสะท้านไปส่วนบรรพบุรุษตระกูลฟานถึงกับส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
“ไอ้ชาติชั่ว !!! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของบรรพบุรุษตระกูลฟานพุ่งไปยังสวนสวรรค์ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
……………..
ภายในโลกใต้ดิน………
หลินเทียนยังคงเดินสำรวจพื้นที่ภายในไปพร้อมๆกับเหลาเหลาโดยที่ก้าวผ่านขุนเขาไปมากมาย
“เจ้าแน่ใจหรือว่ามันจะมีสมบัติอยู่จริงๆ ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
“มี ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
เป็นเพราะความเชี่ยวชาญด้านทักษะฝังมังกรทำให้เขารู้ดีว่าสมบัติถูกซ่อนเอาไว้ตรงจุดไหน
แม้ว่าเทือกเขาแห่งนี้จะไม่ได้สูงมากแต่กลับมีอยู่มากมายซึ่งสีของมันมีทั้งออกดำ ออกน้ำตาลเข้มแถมยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอก
เขาและเหลาเหลาเดินเข้ามาถึงที่นี่ก่อนที่จะพบกับซากโครงกระดูกของสัตว์อสูรมากมาย
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอสูรที่คุ้นเคยซึ่งผสมผสานไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงจึงทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
“นี่น่า….จะเป็นกลิ่นอายของอสูรที่อยู่ภายในถ้ำก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่ามันกำลังตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงหรือไงกัน ทำไมถึงได้มีกลิ่นอายของมันอยู่ที่นี่ ? หรือเพราะเหนื่อยเกินไปจึงมาผ่อนคลายที่นี่ ? ”