Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1414
ไม่รู้เลยว่ามันผ่านไปนานขนาดไหนตั้งแต่ที่เกิดมาจนถึงตอนตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงนี้ แม้ว่าจะรู้ว่าโลกภายนอกมันกว้างใหญ่อย่างมากและแม้จะรู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งแต่ก็ยังไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ นี่มันเป็นการทรมานที่ร้ายแรงอย่างมาก
ตอนนี้หลินเทียนที่ได้รับมรดกนั้นไปแล้วทำให้มันเชื่อว่าหลินเทียนจะต้องสามารถช่วยมันหนีออกไปจากคุกนรกแห่งนี้ทำให้ดวงตาของมันจุดประกายความหวังขึ้น
“ได้โปรดเถอะเจ้ามนุษย์ ”
มันส่งเสียงออกมาขณะที่พลังอสูรที่แผดออกมาสงบลงส่งผลให้มิติโดยรอบกลับเป็นปกติอีกครั้ง
หลินเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่รุนแรงของอีกฝ่ายได้อย่างดีเสมือนว่าเขาเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่มันสามารถคว้าเอาไว้ได้
เขาได้เงียบไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ให้ข้าสำรวจดูก่อน ”
เขายืนอยู่กับที่พร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาเบญจอัสนีสะท้านฟ้าพร้อมทั้งกวาดจิตสัมผัสออกไปรอบๆก่อนที่จะโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปครู่หนึ่งพร้อมๆกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาเพราะเขาเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันที่ปกคลุมไปทั่วสถานที่แห่งนี้แถมยังมีพลังในการสะกดไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดๆหนีออกไปและเขาเองก็สัมผัสได้ว่าด้วยทักษะที่เขาถือครองมันสามารถช่วยอีกฝ่ายออกไปได้จริงๆ
“เป็นไง ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมา
“เป็นอย่างที่มันพูดจริงๆ พลังสายฟ้านี่สะกดทุกชีวิตอยู่อยู่ภายในดินแดนแห่งนี้ไม่ให้สามารถหนีออกไปได้และทักษะที่ข้าได้รับมาสามารถช่วยพวกเขาได้ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เหลาเหลาที่ได้ยินเช่นนี้ได้แต่ผงะไป นี่มันจะดี ?
อสรพิษที่เห็นเช่นนั้นเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะตอนที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันจากหลินเทียนก็ทำให้มันเชื่อว่าหลินเทียนจะต้องสามารถช่วยมันได้แน่ๆทว่าหลังจากที่ได้ยินคำยืนยันของหลินเทียนแล้วมันก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกพลางส่งเสียงอ้อนวอนออกมาว่า
“ได้โปรดเถอะเจ้ามนุษย์ ช่วยข้าด้วย ! ”
มันเกิดและเติบโตขึ้นที่นี่จนถึงกึ่งเขตแดนนิรันดร์แท้จริงในตอนนี้ดังนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะออกไปจากที่นี่แล้วมันก็ต้องพยายามคว้าเอาไว้
หลินเทียนได้เงียบไปก่อนที่จะพูดว่า
“ไม่มีปัญหา ข้าจะช่วยทว่าเจ้าเองก็ต้องช่วยข้าทำเรื่องสองเรื่องเป็นการแลกเปลี่ยน ”
เขาพูดอย่างต่อเนื่องว่า
“เรื่องสองเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเจ้าเลย ก็แค่ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งกับข้าและอีกเรื่องก็คือการช่วยข้าหาตำแหน่งของดาวดวงหนึ่งในห้วงจักรวาลนี้ ”
เป็นเพราะว่าในหุบเขากลืนนิรันดร์นั้นมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ซึ่งต่อให้เป็นเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังถือว่าอันตรายที่จะรุกล้ำเข้าไปดังนั้นด้วยระดับพลังของเขาจึงจำเป็นต้องอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายเสียก่อนถึงจะเข้าไปได้ทว่าการที่มีเพื่อนร่วมเดินทางเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแบบนี้เขาก็เชื่อว่าด้วยความสามารถของมันจะต้องนำเขาเข้าไปเอาเศษเสี้ยวกระบี่นั่นได้แน่นอน
ส่วนเรื่องค้นหาที่อยู่ของดาวก็แน่นอนว่ามันคือที่อยู่ของดาวสวรรค์สิบชั้นเพราะเขาอยากจะกลับไปที่นั่นมากๆเนื่องจากมันเป็นที่อยู่ของคนสำคัญทั้งหมดของเขา
“แค่นี้ ? ”
ด้วยระดับพลังของมันแล้วคำขอของหลินเทียนไม่ได้ถือว่ายากเย็นอะไรเลยจริงๆ
“ใช่แล้ว สองเรื่องนี้เท่านั้น ”
หลินเทียนตอบกลับไป
จริงๆแล้วตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายเข้าไปภายในหุบเขากลืนนิรันดร์เป็นเพื่อนเขาเพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากและกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดไม่ซื่อและลงมือกับเขาเพื่อชิงมัน
อย่างไรก็ตามความคิดนี้ก็ถูกทิ้งไปอย่างรวดเร็วเพราะอีกฝ่ายเองก็รู้ดีว่าเขาควบคุมทักษะที่สามารถช่วยมันออกไปได้ดังนั้นมันจะต้องซื่อสัตย์กับเขาเนื่องจากด้วยระดับพลังของมันในตอนนี้แล้วสามารถบังคับเขาได้ตั้งแต่แรกทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ทำมันแต่ยอมลดตัวลงมาขอร้องแบบนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่ามันไม่ได้เป็นอสูรที่มีนิสัยชั่วร้ายอะไร
“ได้ ไม่มีปัญหา ! ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของข้าว่าตราบเท่าที่ข้าออกไปจากที่นี่ได้ก็จะช่วยทำความความประสงค์ของเจ้า ! ”
อีกฝ่ายส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะหากเทียบกับเรื่องคำขอของหลินเทียนแล้วมันเป็นเรื่องที่ถือว่าง่ายมากๆ
“อื้ม เอาตามนั้นแล้วกัน ! ”
หลินเทียนพูดออกมา
เพราะเอาจริงๆแล้วการช่วยอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากสำหรับเขาเช่นกัน
อีกฝ่ายได้แต่แสดงท่าทางที่ตื่นเต้นออกมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสงบสติลงได้พร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นร่างของชายวัยกลางคน
“ข้าพบว่าใต้พื้นดินนี้มีหยกนิรันดร์สุดขั้วที่มีประโยชน์ต่อการตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงของข้าอยู่ ข้าอยากจะเก็บมันก่อนแล้วค่อยไปได้ไหม ? ”
ระดับพลังของมันแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถปกครองดาวดวงนี้ได้ก็จริงทว่าท่าทางที่มันปฏิบัติต่อหลินเทียนกลับเต็มไปด้วยความนอบน้อมอย่างมาก
“หยกนิรันดร์สุดขั้ว ?! ”
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะเขาเองก็รู้จักมันเป็นอย่างดีว่ามันเป็นหยกที่สร้างขึ้นจากการรวมตัวกันของพลังสัจธรรมที่ถือเป็นสมบัติชั้นเลิศสำหรับผู้ที่จะตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
นี่ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายที่ควรจะอยู่ภายใต้ถ้ำกับถ่อมาที่นี่ก็เพราะว่ามันสัมผัสได้ถึงสมบัตินี้
หลังจากนั้นเขาก็ได้ระลึกถึงบางสิ่งพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“อ่อใช่ ต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่ข้าล่อลวงศัตรูเข้าไปหาเจ้าเมื่อครั้งก่อนด้วย เจ้าน่าจะได้รับผลกระทบไม่น้อย ”
เป็นเพราะการกระทำของเขาเป็นการรบกวนการบ่มเพาะของอีกฝ่ายซึ่งมันถือว่าเขาเป็นฝ่ายผิดอย่างแท้จริง
อีกฝ่ายได้โบกมือของมันพร้อมทั้งพูดว่า
“ช่างมันเถอะ แม้ว่ามันจะมีผลกระทบไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ข้าเองก็เก็บตัวบ่มเพาะเพื่อตัดผ่านมานานแต่ก็ไม่สำเร็จเสียทีดังนั้นต่อให้ไม่เกิดเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนขึ้นข้าก็ไม่มีทางตัดผ่านได้เหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็เปิดฉากโจมตีเข้าใส่เจ้าและคุณหนูคนนี้ดังนั้นก็ถือว่าหายกันนะ ”
มันกลัวมากกว่าการโจมตีเมื่อครู่ของมันจะทำให้หลินเทียนโกรธซึ่งหากว่าเมื่อครู่หลินเทียนได้ตกตายลงแล้วมันก็คงจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิตเนื่องจากเขาเป็นเพียงความหวังเดียวที่จะให้มันออกไปจากที่นี่ได้
“อื้ม ”
หลินเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า
“งั้นผู้อาวุโสก็ไปจัดการเรื่องของท่านก่อนแล้วเราค่อยไปกัน รุ่นเยาว์เองก็มาที่นี่เพื่อเอาสมบัติบางสิ่งเช่นกัน ”
แค่มองก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีอายุอยู่เป็นแสนๆปีแล้วดังนั้นการที่เรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสก็ไม่ผิดอะไร
แถมเขาเองก็ยังใช้ตรามังกรตรวจสอบแล้วว่าภายในสถานที่แห่งนี้มีสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะอยู่อย่างแน่นอน
“สมบัติล้ำค่า ? ”
อีกฝ่ายได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิดก่อนที่จะพูดต่อว่า
“หรือว่ากลิ่นอายโอสถที่มันทะลักออกมาก่อนหน้านี้ ? ”
หลินเทียนถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมถามกลับว่า
“ผู้อาวุโสรู้ด้วย ? ”
เหลาเหลาเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันเพราะเกรงว่าสิ่งที่พวกเขาค้นหาจะเป็นสิ่งเดียวกันกับของอีกฝ่าย
อีกฝ่ายได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“อื้ม ระหว่างที่ข้าพบหยกนิรันด์สุดขั้วเองก็พบว่าข้างๆของมันมีสมุนไพรหลากสีโตอยู่ข้างๆแถมยังส่งกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นออกมาแต่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับข้าเลยไม่ได้สนใจแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของที่เพื่อนตัวน้อยค้นหาอยู่สินะ ”
นี่ทำให้พลังอสูรของมันพวยพุ่งออกมาห่อหุ้มร่างของหลินเทียนและเหลาเหลาเอาไว้ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นภายในหุบเขาอันมืดมิด
เมื่อมองเข้าไปแล้วจะพบว่ามันเต็มไปด้วยโครงกระดูกมากมายอากาศอันเย็นยะเยือกแถมพื้นดินยังเป็นสีดำสนิท
“ตรงนั้นแหละ ”
อีกฝ่ายส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งชี้ออกไปยังมุมๆหนึ่ง
หลินเทียนหันมองตามออกไปพร้อมทั้งพบกับสมุนไพรต้นเล็กๆที่ส่องประกายแสงห้าสีออกมาให้ความรู้สึกเสมือนว่าเป็นนกฟินิกซ์ที่กำลังจะโบยบิน
“ฟินิกซ์หลากสี ! ”
ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาเพราะเขาเองก็เคยอ่านบันทึกเกี่ยวกับมันมาก่อนว่าสามารถช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะตัดผ่านได้ทันที
“งดงามจริงๆ ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
ประสบการณ์ของนางไม่ได้มากมายเท่าหลินเทียนจึงไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่รู้ว่ามันงดงามอย่างมาก
อสรพิษม่วงได้หันมองมาทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า
“เพื่อนตัวน้อยเอามันไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์กับข้าอยู่แล้วส่วนข้าจะเก็บเอาหยกนิรันดร์สุดขั้วก่อน มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณสามวัน ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งไม่ลังเลเลยที่จะก้าวออกไปเพราะมันไม่มีประโยชน์ต่ออสรพิษม่วงจริงๆ
เขาก้าวออกไปตรงหน้าสมุนไพรก่อนที่จะใช้ทักษะพิเศษเก็บมันขึ้นมาแล้วค่อยๆเก็บกลับไปในแหวนมิติอย่างระมัดระวัง
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมพูดออกมา
อีกฝ่ายได้โบกมือให้กับเขาพร้อมพูดว่า
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพื่อนตัวน้อยสุภาพจริงๆเลยนะ ”
หลังจากที่พูดจบแล้วมันก็ได้พูดต่อว่า
“เพื่อนตัวน้อยถอยออกไปก่อน ข้าจะ……”
“บึ้สส ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่สถานที่แห่งนี้ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ประกายแสงสีเงินพวยพุ่งออกมาจากด้านใต้พร้อมทั้งพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ
“แย่แล้วสิ ! มันเปิดภูมิปัญญาแล้วและคิดจะหนีไปจากที่นี่ !”
สีหน้าของอสรพิษม่วงเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง