Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1416
ร่างกายของบรรพบุรุษตระกูลฟานในตอนนี้รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองเจิดจรัสเสมือนดั่งว่าเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่กำลังกระโจนเข้ามาจากพื้นที่ห่างไกล
พริบตาร่างของอีกฝ่ายก็อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาขณะที่สายตาจับจ้องมาที่ร่างของหลินเทียนอย่างไม่วางตา
ความเย็นยะเยือกในอากาศแผดออกไปรอบทิศทาง
ผู้คนทั้งหลายที่อยู่โดยรอบถึงกับอดผงะไปไม่ได้เพราะว่าบรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นเป็นถึงตัวตนระดับอนันตกาลที่แข็งแกร่งซึ่งสำหรับคนทั่วไปแล้วมันไม่ได้ต่างไปจากเทพเจ้าเลยด้วยซ้ำ
บรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นใช้ชีวิตอยู่มาเนิ่นนานจึงทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายความล้ำลึกออกมาแถมกลิ่นอายที่ส่งออกมายังทรงพลังถึงขั้นที่ไม่ต่างไปจากหุบเหวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัว
“ไอ้ระยำ ! ”
อีกฝ่ายได้แต่จับจ้องมาที่ร่างของหลินเทียนขณะที่จิตสังหารอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมาไม่หยุด
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายพลางสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงเสมือนว่าเขาเป็นเพียงเรือเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางพายุใหญ่ซึ่งพร้อมจะล่มลงได้ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบอยู่เช่นเคย
“ตาเฒ่า มาด้วยท่าทางข่มขู่แบบนี้จะตายเอาได้นะ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงกระซิบออกมา
นางสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่อีกฝ่ายส่งออกมาได้อย่างดีแต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าที่หวาดหวั่นอยู่เลยแม้แต่น้อย
เมื่อฟังจากคำพูดของนางแล้วผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็ได้แต่ผงะไป
“นี่นาง…พูดว่าอะไรนะ ? ”
“บรรพบุรุษตระกูลฟาน….จะตาย ?”
“นี่มัน….พูดล้อเล่น ? ”
บรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่แข็งแกร่งถึงขั้นที่อยู่เหนือผู้คนทั้งหมู่ดาวซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามผู้ปกครองแห่งดาวดวงนี้ทว่าตอนนี้หญิงสาวเขตแดนจักรพรรดินภากลับบอกว่าการไล่ล่าหลินเทียนแบบนี้จะต้องตกตายลงอย่างแน่นอน
นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่แสดงสีหน้าที่หมดคำพูดออกมาพลางหันมองออกไปทางเหลาเหลาด้วยความคิดที่ว่านางน่าจะหวาดกลัวจนเพ้อไป
บรรพบุรุษตระกูลฟานเองก็ยังคงแผดกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของนางแม้แต่น้อย
จิตสังหารที่เขาแผดออกมายิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก
หลินเทียนที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อย
มันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้ถอนสายตาจากอีกฝ่ายพร้อมทั้งหันมองออกไปยังสองทิศทางที่อยู่ห่างออกไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาทำให้ท้องฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏร่างของชายชราสองคนที่แผดกลิ่นอายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรพบุรุษตระกูลฟานออกมา
“บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวและบรรพบุรุษนิกายจี่หยาน ”
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกเขาไม่คิดเลยว่านอกจากบรรพบุรุษตระกูลฟานแล้วยังมีกลุ่มคนเหล่านี้
สายตาของชายชราทั้งสองคนที่เพิ่งมาถึงได้แต่จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลินเทียนด้วยแววตาที่ส่องประกายเสมือนว่ากำลังมองไปยังขุมสมบัติเคลื่อนที่
พวกเขาล้วนเป็นตัวตนระดับเดียวกันกับตระกูลฟานที่มักจะไม่ออกจากนิกายตัวเองทว่าหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวของหลินเทียนแล้วก็พากันแห่ออกมาเนื่องจากสิ่งที่หลินเทียนถือครองอยู่มันไม่ธรรมดาไม่ว่าจะเป็นอาวุธคริสตัลโกลาหลบรรพกาลหรือจะเป็นทักษะสายฟ้าในตำนาน
ขนาดบรรพบุรุษตระกูลฟานที่โกรธจัดเรื่องที่ต้องสูญเสียผู้นำตระกูลและคนอื่นๆไปเองก็ยังคิดอยู่ภายในใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพราะว่ามันไม่สามารถประเมินค่าได้ถึงขั้นที่คิดว่าถ้าได้มาแล้วต่อให้ผู้เสียผู้นำตระกูลและคนอื่นๆไปก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่ดี
“บึ้สส !! ”
ประกายแสงเจิดจรัสส่องประกายออกมาขณะที่กลิ่นอายอนันตกาลอันทรงพลังได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้
หลินเทียนหันมองออกไปทางฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อยขณะที่พลังเทวะอันเข้มข้นปิดกั้นทางหนีของพวกเขาทั้งหมดเอาไว้
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวและนิกายจี่หยานหันมองไปทางกันและกันก่อนที่จะหันมองไปทางบรรพบุรุษตระกูลฟานด้วยสายตาที่ล้ำลึก
“ชีวิตของมันข้าขอยกให้ตระกูลฟานส่วนสมบัตินั่นค่อยมาคิดกันอีกที ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมา
“ได้ ”
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานได้พยักหน้าของเขา
น้ำเสียงอันราบเรียบนี้ถูกส่งออกมาเสมือนว่าไม่ได้เห็นหลินเทียนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“พวกเจ้า ! ”
เหลาเหลาที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับโกรธจัดพร้อมทั้งส่งเสียงก่นด่าออกมาว่า
“ถึงอย่างไรก็เป็นถึงบรรพบุรุษของสองขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวแต่กลับกล้าทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้หน้าไม่อายบ้างหรือไงกัน ? ไม่กลัวว่าจะเป็นขี้ปากของผู้คน ? ”
ถึงอย่างไรบรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นก็มีความแค้นกับพวกเขาทว่าสองคนนี้ล้วนแล้วไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อยแต่กลับตกลงเรื่องการฆ่าหลินเทียนแบบนี้มันทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากถึงขั้นอยากจะกัดพวกเขาให้ตายทั้งเป็น
ชายชราทั้งสองที่ได้ยินเช่นนั้นไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยเพราะว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นถึงตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วใครจะกล้าติติงพวกเขา ?
และการที่ได้รับสมบัติเหล่านั้นมาก็จะทำให้ขุมพลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เอาไง ? ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมาเนื่องจากบรรพบุรุษนิกายจี่หยานได้ตอบตกลงแล้ว
บรรพบุรุษตระกูลฟานได้พยักหน้าตอบกลับไปว่า
“ได้ ”
หลินเทียนนั้นเป็นผู้ที่สังหารผู้นำตระกูลและคนของเขาดังนั้นการที่ได้สิทธิ์นี้ก็ถือว่าเป็นการระบายความแค้นที่ดีส่วนเรื่องการแจกแจงสมบัติก็ค่อยตกลงกันทีหลังเพื่อกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งกันเองแล้วนำไปสู่สงครามระหว่างขุมพลัง
“งั้นก็เอากันเลย ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมา
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานและตระกูลฟานต่างพยักหน้าพลางก้าวเดินเข้าไปหาทางหลินเทียน
“นี่มัน……..”
“เขตแดนอนันตกาลถึงสามคนกลับ……”
“ชายคนนั้นตายแน่ๆ ! ”
หลายๆคนได้แต่ผงะไป
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งอย่างมากแต่ต่อให้มีพรสวรรค์อย่างไรก็ยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเท่านั้น ด้วยระดับพลังเพียงแค่นี้มันไม่มีทางต่อต้านเขตแดนอนันตกาลได้เลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“ท่านผู้อาวุโส คงต้องขอรบกวนท่านแล้ว ”
เขาหันไปพูดกับอสรพิษม่วงที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ต้องเกรงใจ ”
อสรพิษม่วงพยักหน้าของมัน
เป็นเพราะว่าการที่จะออกไปจากที่นี่ต้องพึ่งพาหลินเทียนเท่านั้นทว่าอีกฝ่ายที่ต้องการจะฆ่าหลินเทียนแบบนี้มันทำให้มันรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่แต่แรกแล้ว
“ไอ้ชาติชั่ว ! ข้าจะให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น”
บรรพบุรุษตระกูลฟานส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
เสียงระเบิดถูกส่งตามออกมาขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายลงด้วยการโจมตีนี้
ฝ่ามือของอีกฝ่ายได้พุ่งเข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
แต่หลินเทียนก็ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
และมันเป็นตอนนี้เองที่อสรพิษม่วงที่อยู่ข้างๆเขาได้เคลื่อนไหวพร้อมทั้งซัดฝ่ามืออันทรงพลังสวนกลับออกไป
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นได้บดขยี้ฝ่ามือของอีกฝ่ายไปก่อนที่ฝ่ามือนี้จะคว้าเข้าใส่ศีรษะของบรรพบุรุษตระกูลฟานแล้วบดขยี้มันจนแหลกเป็นเสี่ยงๆเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พยายามพุ่งหนีไปอย่างยากลำบากขณะที่หันมองกลับมาทางอสรพิษม่วงด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่น
อสรพิษม่วงแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะส่งลำแสงอสูรอันเข้มข้นพุ่งผ่านออกไปอย่างไม่ปราณี
“ไม่ ~~~! ”
ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลฟานส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนที่จะแหลกสลายหายไป
ตกตายลงอย่างสมบูรณ์ !
“นี่มัน ?! ”
“บรรพบุรุษตระกูลฟาน….ตะ…ตาย !? ”
“นี่เขา…….”
กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบได้แต่จ้องมองไปทางอสรพิษม่วงด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
เหลาเหลาเองก็ถึงกับคอหดไปไม่น้อยเพราะแม้จะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะสามารถสังหารเขตแดนอนันตกาลตอนต้นลงได้ง่ายๆแบบนี้
“โหดเหี้ยมจริงๆ ! ”
นางส่งเสียงกระซิบออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษของสองขุมพลังที่เหลือเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“เขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริง เจ้า……..”
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่มีความสามารถและแม้ว่าอีกฝ่ายจะลงมือภายในชั่วพริบตาแต่ก็ยังสามารถสัมผัสถึงระดับพลังของอสรพิษม่วงได้อย่างดีว่าอีกเพียงครึ่งก้าวอสรพิษม่วงก็จะตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้แล้ว
พวกเขาได้แต่จ้องมองออกไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดพร้อมทั้งหันมองออกไปทางหลินเทียนอีกครั้ง
ที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อชิงเอาเจดีย์ราชันอมตะและทักษะในตำนานโดยที่คิดว่าด้วยระดับพลังของตัวเองก็เพียงพอแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงคอยหนุนหลัง
พวกเขาไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน !
“วิ้สส ~! ”
“วิ้ส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นตัวตนที่อยู่เหนือช่วงชีวิตทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งกว่าแล้วก็ยังสามารถถูกทำลายดวงวิญญาณได้และจะตกตายลงไม่ต่างจากบรรพบุรุษตระกูลฟาน
“ไม่ใช่ว่าจะมาชิงสมบัติหรือไงกัน เมื่อครู่ยังอวดดีอยู่เลยแล้วตอนนี้เป็นอะไรแล้วล่ะ ? ”
เหลาเหลาส่งเสียงเยาะเย้ยออกมา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรและยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ
อสรพิษม่วงเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนักและทำเพียงแค่แผดคลื่นพลังอสูรอันหนักหน่วงออกไปปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้