Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1417
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นได้ปิดกั้นพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้แล้ว
นี่ทำให้ร่างของชายชราทั้งสองถูกกระแทกเด้งกลับมาด้านหลังด้วยสภาพที่น่าสังเวชโดยทันที
“เจ้า…….”
พวกเขาได้แต่พยุงตัวเองกลับขึ้นมาพลางหันมองกลับไปทางอสรพิษม่วงด้วยหน้าผากที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“เจ้าเป็นใครกัน ?! ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงสั่นๆออกมา
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานที่อยู่ข้างๆเองก็สั่นสะท้านไปไม่ต่างกันเพราะว่าอีกฝ่ายมันแข็งแกร่งถึงขั้นที่ทำให้พวกเขาได้แต่หวาดหวั่น
“ตอนนี้รู้จักกลัวกันแล้ว ? ไม่มีความแค้นอะไรต่อกันแต่กลับกล้าหน้าไม่อายแบกหน้ามาแย่งชิงสมบัติของคนอื่นมันไปไหนหมดแล้ว ? ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรแต่หันมองไปทางพวกเขาเล็กน้อย
อสรพิษม่วงเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกันก่อนที่จะคว้ามือเข้าใส่ร่างของทั้งสองคน
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นได้บดบังม่านฟ้าเอาไว้โดยทันที
นี่ทำให้ชายชราทั้งสองได้แต่ผวาไปพร้อมทั้งรีบสังเวยทักษะเทวะทั้งหมดออกมาป้องกันเอาไว้
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังเทวะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเองที่ประกายแสงได้สลายหายไปขณะที่ร่างของชายชราทั้งสองถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
“เขตแดนอนันตกาลสองคนกลับ……”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ไกลออกไปเองก็ได้แต่จ้องมองไปทางอสรพิษม่วงด้วยสายตาที่สั่นสะท้าน
ฝ่ามือเดียวกลับตบอัดร่างของสองเขตแดนอนันตกาลลอยเคว้งไปแบบนี้นี่มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!
นี่ทำให้สายตาของพวกเขาหันกลับไปหยุดอยู่ที่ร่างของหลินเทียนอีกครั้ง
“เขามีเบื้องหลังอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้มีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอยู่ข้างกายแบบนี้กัน ?! ”
ร่างกายของใครหลายคนสั่นไหวไม่หยุด
ชายชราทั้งสองที่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกลับมาเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่หวั่นเกรง
พวกเขาต่างก้าวถอยกลับไปพร้อมทั้งพุ่งหนีไปอีกครั้งโดยที่ไม่กล้าต่อต้านเพราะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าการกระทำเช่นนั้นมันไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้
อสรพิษม่วงแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมๆกับปลดปล่อยคลื่นพลังอสูรออกไปกระแทกเข้าใส่ร่างของพวกเขาอีกครั้ง
ตู้มม ~!
ตู้ม !
อีกฝ่ายได้แต่กระอักเลือดออกมาไม่หยุดขณะที่ตกลงมากระแทกกับพื้น
ไม่นานพวกเขาก็ได้แต่จ้องมองกลับไปทางอสรพิษม่วงด้วยสีหน้าที่หวั่นเกรงถึงขีดสุด
“สหาย โปรดเมตตาด้วย ! ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวได้ส่งเสียงออกมาระหว่างที่ป้องมือด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานเองก็หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดว่า
“สะ…..สหายตัวน้อย พวกเรามันหน้ามืดตามัวไปกับสมบัติเหล่านั้น ต้องขออภัยที่ล่วงเกินเจ้าจริงๆ ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย ! เราจะชดใช้ให้อย่างสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน ! ”
ณ ตอนนี้พวกเขารู้อยู่เต็มอกว่าอสรพิษม่วงนั้นลงมือแทนหลินเทียนดังนั้นหากว่าหลินเทียนยินดีที่จะไกล่เกลี่ยแล้วอสรพิษม่วงก็จะไม่แตะต้องพวกเขา
“คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วกล้าแย่งชิงเอาสมบัติของคนอื่นๆยังไม่พอ ตอนนี้ยังหน้าไม่อายขอความเมตตาอีกงั้นรึ หากว่าข้าเป็นเจ้าก็คงจะคว้านท้องตัวเองตายไปแล้ว ”
เหลาเหลาเย้ยหยันออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
นี่ทำให้สีหน้าของชายชราทั้งสองซีดลงยิ่งกว่าเก่าแต่ก็ไม่กล้าเถียงอะไรเนื่องจากเหลาเหลานั้นเป็นเพื่อนของหลินเทียนแต่ชีวิตของพวกเขาอยู่ในมือของหลินเทียน
“ได้โปรดเมตตาเราด้วย ! ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางที่นอบน้อมอย่างมาก
หลินเทียนหันมองไปทางพวกเขาเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็รู้สึกรังเกียจสองคนนี้แบบเดียวกับเหลาเหลาที่ชั่วช้าเสียยิ่งกว่าตระกูลฟานแล้วคิดว่าจะให้อสรพิษม่วงเมตตาพวกมัน ?
อสรพิษม่วงหันมองมาทางหลินเทียนเล็กน้อยพร้อมทั้งเข้าใจถึงความหมายของสายตานี้ดีจึงได้ซัดฝ่ามือออกไป
“ตู้มมม ~! ”
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นที่ผสมผสานกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ได้โอบร่างของชายชราทั้งสองเอาไว้โดยทันที
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความกลัวพร้อมทั้งสังเวยทักษะออกมาป้องกันอย่างสุดความสามารถ
ทว่ามันก็เป็นเพียงการดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น
ฟึ้บบ ~! ทักษะป้องกันของพวกเขาแหลกสลายหายไปขณะที่ฝ่ามือยักษ์ได้บดขยี้ร่างกายของพวกเขาไปจนเหลือไว้เพียงแค่ดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปอย่างยากลำบากทว่ามันก็เป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ลำแสงพลังอสูรอันเข้มข้นได้ฉีกดวงวิญญาณของพวกเขาไป
นับจากนี้บรรพบุรุษทั้งสามของขุมพลังใหญ่ล้วนตกตายลงภายใต้เงื้อมมือของอสรพิษม่วงด้วยกันทั้งหมด
“ตะ…….ตายหมด ”
ผู้คนได้แต่สั่นสะท้านไป
มันผ่านไปนานขนาดไหนกันทว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลสามคนกลับถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย นี่มันทำให้พวกเขาได้แต่รู้สึกสยดสยอง
“ทำตัวเองแท้ๆ ”
เหลาเหลาแสยะออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปยังกองเลือดเหล่านั้นพร้อมทั้งหันมองกลับไปทางอสรพิษม่วงแล้วพูดว่า
“ต้องรบกวนท่านจริงๆ ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ”
มันโบกมือตอบ
เป็นเพราะสำหรับมันแล้วการจะสังหารเขตแดนอนันตกาลนั้นไม่ได้ใช้แรงเลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนยิ้มจางๆอออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ ”
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายอยากจะออกไปจากที่นี่มากๆ
“อื้ม ! ดีมากๆ ! ไปกันเลย ! ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมาโดยที่ไม่สามารถบดบังความตื่นเต้นในสายตาได้แม้แต่น้อย
พวกเขาพากันก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงสุดขอบของอาณาเขตสวนสวรรค์แห่งนี้
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วร่างกายของอสรพิษม่วงได้แต่สั่นสะท้านไปเสมือนว่าถูกไฟฟ้าช็อตเข้าใส่
หลินเทียนที่ตระหนักได้ถึงจุดนี้เองก็พอเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นการสะกดที่มองไม่เห็นของคลื่นพลังสายฟ้าที่ขวางกั้นไม่ให้อสรพิษม่วงออกไปจากที่นี่
“ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งส่งคลื่นสายฟ้าออกไปโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะแทรกซึมเข้าไปในดวงวิญญาณของมัน
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปก่อนที่ดวงตาของมันจะส่องประกายความตื่นเต้นออกมา
เป็นเพราะมันสัมผัสได้แล้วว่าแรงกดดันที่ได้รับกำลังแผ่วลงอย่างมาก
“ไปกันเถอะท่านผู้อาวุโส ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เขาโอบดวงวิญญาณของอสรพิษม่วงเอาไว้ด้วยคลื่นสายฟ้าขณะที่ใช้พลังเทวะห่อหุ้มร่างของเหลาเหลาเพื่อเหาะออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว