Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1421
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ไม่มีเหลือขณะที่หลินเทียนผู้ซึ่งอยู่ใจกลางนั้นยังคงยืนแสยะยิ้มอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่โชกเลือด
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้และทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้ามันเพียงพอที่จะทำให้เขาตัดผ่านทัณฑ์สวรรค์นี้ไปได้โดยที่ไม่ได้ใช้อาวุธเลยด้วยซ้ำ
“ลืมเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาหล่อหลอมด้วยเลยสิ ”
เขาเพิ่งนึกได้ถึงจุดนี้
บึ้สสส~!
ม่านฟ้าได้สั่นไหวพร้อมทั้งปรากฏกลุ่มหมอกแสงเจ็ดสีส่องประกายแสงระยิบระยับลงมากระทบร่างของเขา
ไม่นานบาดแผลทั้งหมดก็ได้สลายหายไปขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ในที่สุดก็ผ่านไปได้เสียที ”
ทัณฑ์สายฟ้าทั้งสิบแปดรอบที่ผ่านมานี้มันน่าสะพรึงกลัวอย่างมากถึงขั้นที่แม้หลินเทียนจะเชี่ยวชาญทักษะสายฟ้าก็ยังคงได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ร่างกายแหลกสลายหายไปหลายครั้งส่งผลให้นางรู้สึกกังวลอย่างมากแต่หลังจากที่ได้เห็นกลุ่มเมฆเจ็ดสีนี้แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโดยทันที
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ได้หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันของเขาเพื่อดูดกลืนพลังงานเหล่านี้เข้าไปภายในร่างอย่างรวดเร็ว
พริบตาร่างกายของเขาก็กลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลิ่นอายของเขาได้พุ่งสูงถึงขีดสุดเสมือนว่าเป็นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ
“เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้น ”
เขาพึมพำกับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเพราะสามารถสัมผัสได้เลยว่าร่างกาย ดวงวิญญาณและทะเลความรู้ของเขาพัฒนาขึ้นมาก
ที่พิเศษที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเขาที่ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแถมยังอัดแน่นไปด้วยพลังงานที่ลึกลับเสมือนว่าต่อให้หมดชั่วอายุขัยของเขาไปแล้วร่างกายก็จะไม่มีวันแห้งเหี่ยว
“นี่คือเขตแดนนิรันดร์อมตะ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
เป็นเพราะว่าเขตแดนนี้คือเขตแดนที่ร่างกายได้ตัดผ่านไปยังระดับที่ไม่มีวันแตกดับได้แล้วซึ่งความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้มันก็เป็นอย่างที่ว่าเอาไว้จริงๆ
เขากำหมัดเล็กน้อยพลางเหวี่ยงออกไปส่งผลให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาพร้อมๆกับห้วงมิติที่บิดตัวอย่างรุนแรง
มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก
“สุดยอด ! ”
อสรพิษม่วงที่อยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะสัมผัสได้เลยว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนอนันตกาลตอนต้นเลยด้วยซ้ำ
“นี่มัน……..”
มันได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา
เป็นเพราะว่าโดยปกติแล้วจะมีเพียงเขตแดนวิญญาณนิรันดร์เท่านั้นที่ชักนำทัณฑ์สวรรค์มาได้ทว่าหลินเทียนที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับนำพามันมายังไม่พอ ทั้งๆที่มันควรจะมีแค่เก้าระลอกกลับมีมากถึงสิบแปดระลอกแล้วหลังจากที่ก้าวข้ามมาได้แล้วความแข็งแกร่งทางร่างกายกลับเทียบเท่าเขตแดนอนันตกาลตอนต้นนี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ได้เหวี่ยงหมัดออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินออกไปหาเหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไป
“ยินดีด้วยที่ก้าวข้ามมาได้ ! ”
เหลาเหาได้ส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับพูดว่า
“เจ้านี่มันเป็นสัตว์ประหลาดอย่างที่ข้าคิดเอาไว้จริงๆเลยนะ ขนาดตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะยังนำพาทัณฑ์สวรรค์มาได้แบบนี้แถมยังน่าสะพรึงกลัวถึงขนาดนี้นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ข้าล่ะคิดว่าสวรรค์คงไม่สบอารมณ์กับเจ้ามากหรอกนะ ”
หลินเทียน
“………”
“ข้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกันและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับข้า ทุกครั้งที่ข้าก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ก็จะมีคนพูดประโยคนี้เสมอ ”
เขาตอบกลับไป
คำพูดนี้ทำให้อสรพิษม่วงและเหลาเหลาได้แต่แข็งค้างไป
“นี่เจ้าก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์มาแล้วกี่ครั้งกัน ? นี่มัน……หมายความว่าไง ? ”
นางผงะไปพร้อมทั้งถามต่อว่า
“ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะรับทัณฑ์สวรรค์ในตอนที่ตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ ? ”
นางและอสรพิษม่วงนั้นไม่ใช่คนโง่ถึงได้เข้าใจความหมายของคำพูดหลินเทียนได้เป็นอย่างดี
“มันไม่ได้แย่ขนาดที่เจ้าว่าหรอก ”
หลินเทียนตอบกลับไปอย่างสบายอารมณ์ว่า
“ข้าไม่ได้ถูกทัณฑ์สวรรค์ลงทัณฑ์ในตอนที่ตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์แต่เริ่มตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภาแล้ว ”
มันไม่ใช่ความลับอะไรดังนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้
“ว่าไงนะ ?! ”
เหลาเหลาและอสรพิษม่วงถึงกับตาค้างไปทันที
เป็นเพราะจากคำพูดของหลินเทียนนี่มันแสดงให้เห็นว่าเขาน่าจะรับทัณฑ์สวรรค์มาตั้งแต่เขตแดนวิญญาณนิรันดร์แล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ในเขตแดนจักรพรรดินภา
“นี่เจ้ายังเป็นคนอยู่อีก ? ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียน
“…….”
“เพื่อนตัวน้อย เจ้านี่มัน…”
ขนาดตัวตนระดับกึ่งนิรันดร์แท้จริงเองก็ยังได้แต่ฝืนยิ้มออกมา
ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าเหลาเหลาจะสงบสติลงได้
“สมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประหลาด ”
เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมา
นี่ทำให้หลินเทียนยกมือเขกศีรษะของนางทำให้นางได้แต่ส่งเสียงร้องออกมา
หลังจากนั้นเขาได้หันมองไปทางอสรพิษม่วงก่อนที่จะพูดว่า
“ท่านผู้อาวุโส เราไปเยี่ยมขุมพลังทั้งหลายกันดีกว่า ”
เป็นเพราะตอนนี้เขาก็ได้ตัดผ่านมาแล้วดังนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องจัดการเรื่องของสามขุมพลังใหญ่ของดาวนี้เพื่อชิงเอาสมบัติทั้งหลายของพวกมัน
อสรพิษม่วงได้หัวเราะออกมาอย่างดังพลางพูดว่า
“ได้ ไปกันเลย ! ”
ณ ตอนนี้พวกเขาถึงได้พากันเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ไปถึงขุนเขาศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด
เมื่อมองออกไปแล้วจะเห็นได้ว่ามันเป็นเทือกเขาอันกว่างใหญ่ที่ทอดยาวออกไปไกลแถมยังมีสิ่งก่อสร้างอย่างตำหนักและเจดีย์มากมายที่สร้างขึ้นจากอัญมณีและทองคำล้ำค่าขณะที่นกกระเรียงบินอยู่กลางฟากฟ้า
“นิกายจี่หยาน ”
หลินเทียนหรี่ตาของเขาลงเล็กน้อย
เป็นเพราะว่านิกายนี้ นิกายเฉินเจียวและตระกูลฟานนั้นถือเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้ดังนั้นที่ตั้งของพวกมันถึงไม่ได้เป็นความลับอะไร
“ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาเป็นตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงทำให้มีข่ายอาคมสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริงคอยพิทักษ์ขุมพลัง เราเข้าไปแบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่ ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมาเบาๆ
เป็นเพราะว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคืออสรพิษม่วงเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงซึ่งตามสถานการณ์ปกติแล้วสามารถเดินเบ่งไปทั่วดาวดวงนี้ได้แล้วทว่าอีกฝ่ายนั้นมีข่ายอาคมพิทักษ์และอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตเอามากๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเองก็เชี่ยวชาญด้านข่ายอาคมดังนั้นหากว่าได้รับพลังของท่านผู้อาวุโสคอยสนับสนุนแล้วข่ายอาคมพวกนั้นมันไม่เท่าไหร่หรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะหากว่าได้รับการถ่ายทอดพลังของกึ่งนิรันดร์อมตะแล้วมันก็เพียงพอที่จะทำลายข่ายอาคมนี้ลงได้ง่ายๆ
“ข้าเชื่อในความสามารถของเพื่อนตัวน้อยดังนั้นเราเข้าไปกันเลยเถอะ ! ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ไปกัน ”
หลินเทียนเองก็แสยะยิ้มออกมา
ณ ตอนนี้พวกเขาต่างพากันเหาะออกไปทางนิกายจี่หยานอย่างไม่แยแสสิ่งใดแม้แต่น้อย
“ใครกัน ?! ”
เหล่าศิษย์เฝ้าประตูด้านหน้านิกายที่ถือหอกแหลมและเห็นว่ากลุ่มของหลินเทียนกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ต่างชี้ปลายหอกเหล่านั้นเข้าใส่ทางพวกเขา
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของหนึ่งในพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของหลินเทียน
“เป็น…เจ้า…..”
เขาได้ส่งเสียงสั่นๆออกมา
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ศิษย์เฝ้าประตูคนอื่นๆก็ได้แต่สั่นไป
เป็นเพราะว่าไม่นานมานี้ข่าวลือเรื่องที่บรรพบุรุษเขตแดนอนันตกาลของสามขุมพลังใหญ่ได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียนนั้นแพร่สะพัดไปทั่วทำให้ศิษย์เหล่านี้ล้วนคุ้นเคยกับใบหน้าของเขา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรขณะที่ก้าวเดินเข้าไปโดยที่มีอสรพิษม่วงและเหลาเหลาเดินตามหลัง
“เจ้า…….”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงสั่นๆออกมาพลางก้าวถอยหลังกลับไป
โดยปกติแล้วคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะเป็นพวกที่หยิ่งผยองทว่าตอนนี้กลับแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาไม่หยุดเพราะรู้ดีว่าหลินเทียนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือใคร
เป็นเพราะบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของคนเหล่านี้แล้วจะไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวได้ไงกัน ?
พริบตาพวกเขาก็ได้แต่มองไปยังร่างของหลินเทียนที่กำลังเดินผ่านเข้าไปภายใน
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างมากๆแถมพลังฉีเองก็ยังเข้มข้นถึงขีดสุด
“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงขุมพลังที่ผู้ก่อตั้งเป็นถึงเขตแดนนิรันดร์แท้จริง”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมา
เป็นเพราะก้าวแรกที่ได้แตะพื้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ว่ามันเป็นขุมพลังที่ก้าวข้ามขุมพลังอื่นๆไปไกลมาก
เหล่าศิษย์เองก็มีอยู่มากมายซึ่งหลายๆคนเองก็ตระหนักได้ถึงการรุกล้ำเข้ามาของหลินเทียนก่อนที่สีหน้าของพวกเขาจะเปลี่ยนไปหลังจากที่เห็นใบหน้าชัดๆของหลินเทียน
“เจ้า…..”
กลุ่มศิษย์ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะว่าคนที่สังหารบรรพบุรุษของพวกเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ !