Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1422
เหล่าศิษย์นิกายจี่หยานต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตื่นตระหนกออกมาหลังจากที่มองออกไปยังร่างของหลินเทียนด้วยร่างกายที่สั่นไหวไม่หยุด
เป็นเพราะบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือคนตรงหน้า
“รีบ…รายงานท่านจ้าวนิกายและท่านผู้อาวุโสสูงสุดเร็ว ! ”
ผู้ดูแลพากันส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้เองที่ศิษย์คนหนึ่งได้รีบวิ่งหนีเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นการแจ้งข่าวให้กับผู้มีอำนาจทั้งหลาย
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสมากนักก่อนที่จะก้าวเดินต่อเข้าไปภายในพร้อมๆกันคนอื่นๆเพราะว่าโดยปกติแล้วขุมสมบัติทั้งหมดของอีกฝ่ายจะต้องถูกเก็บเอาไว้ลึกที่สุดของขุมพลัง
“ที่นี่คือขุมพลังของโลกภายนอก ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงพึมพำออกมา
เป็นเพราะมันเกิดและเติบโตขึ้นภายในสวนสวรรค์ทำให้ไม่ได้ออกมาเผชิญโลกภายนอกและนี่เป็นขุมพลังแรกที่มันได้เห็นกับตาตัวเอง
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกสงสัยอย่างมากทำให้เขาได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พวกเขาพากันก้าวเดินเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
วิ้สส ~!!
วิ้ส ~!
วิ้สส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างกว่าสิบสองร่างพุ่งออกมาจากภายในส่วนลึกด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากถึงขั้นที่ว่ามีสามในกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาล หนึ่งคนเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายและที่เหลืออยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้น
แน่นอนว่าทั้งสามคนนั้นคือผู้อาวุโสสูงสุด จ้าวนิกายและผู้อาวุโสทั้งหลาย
“กล้าบุกมาที่นี่งั้นรึ ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขากัดฟันพูดออกมาขณะที่จ้องมองไปทางหลินเทียนและคนอื่นๆด้วยสายตาที่โกรธจัด
เป็นเพราะว่าตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ตกตายลงไปแล้ว !
หลินเทียนหันมองกลับไปทางผู้พูดก่อนที่จะกวาดสายตามองคนอื่นๆเล็กน้อย
“บรรพบุรุษของพวกเจ้าคิดจะชิงสมบัติของข้าดังนั้นเมื่อผลกรรมได้ถูกปลูกลงแล้วข้าจึงมาที่นี่เพื่อเก็บผลของมัน ”
เขาหันมองออกไปก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ส่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงและสมบัติทั้งหมดของขุมพลังมาแล้วข้าจะหันหลังจากไปไม่งั้นข้าจะทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่กลับดังกึกก้องไปทั่วสถานที่แห่งนี้
นี่ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบอกต่างพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
เหล่าผู้มีอำนาจทั้งสิบสองคนเองก็ได้แต่โกรธจัดถึงขั้นที่แววตาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
“กล้าสังหารบรรพบุรุษของพวกเราแล้วยังคิดจะชิงเอาสมบัติอีกงั้นรึ ?! ”
“คิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน ?! ”
“ต่อให้ข้างกายเจ้ามีกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้วมันยังไง หากเป็นที่อื่นยังพอว่าแต่ที่นี่มันถิ่นของพวกข้า ! ภายใต้เขตแดนนิรันดร์แท้จริงมันก็เป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
“จัดการ ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงคำรามอย่างดัง
นี่ทำให้พวกเขาทั้งสิบสองคนต่างผสานมือเข้าหากันเป็นรูปแบบบางอย่างส่งผลให้สถานที่แห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งปรากฏอักขระอาคมขึ้นมารายล้อมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
ตู้มม ~! พลังทำลายของมันแทบจะบดขยี้พื้นที่แห่งนี้จนราบ
นี่คือพลังทำลายของข่ายอาคมสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
“นี่…”
เหลาเหลาได้แต่สั่นสะท้านไปพลางคว้าแขนเสื้อของหลินเทียนเอาไว้ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่บนฟากฟ้าด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกอย่างมาก
“ไอ้ระยำเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริง หากว่าเป็นที่อื่นพวกข้าคงจะทำอะไรเจ้าไม่ได้แต่ในเมื่อกล้าบุกมาที่นี่ก็อย่าหวังเลยว่าจะออกไปได้! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่สามได้ส่งเสียงออกมาขณะที่จ้องมองออกไปทางอสรพิษม่วงแล้วพูดต่อพลางหันไปหาหลินเทียนว่า
“เจ้า ! แม้ว่าท่านบรรพบุรุษจะตายลงด้วยเงื้อมมือของไอ้ระยำนั่นแต่ต้นเหตุมันก็เป็นเพราะเจ้า ข้าจะให้เจ้าได้ทรมานจนตายทั้งเป็น ! ”
เขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่โกรธแค้นเพราะไม่คิดเลยว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะตายเพียงเพราะต้องการจะชิงเอาเจดีย์ราชันอมตะของหลินเทียน
“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าหน้าไม่อายกล้าคิดฆ่าคนอื่นเพื่อแย่งชิงสมบัติยังไม่พออีกนะ ”
แม้ว่าจะหวาดหวั่นไปกับแรงกดดันของข่ายอาคมสังหารนี้แต่นางก็อดส่งเสียงออกมาไม่ได้
นี่ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดถึงกับตกต่ำลงอย่างมากโดยทันที
“สังเวยเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมา ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
ตู้มมม ~!
ทั้งสิบสองคนผสานมือเข้าหากันอีกครั้งก่อนที่ลำแสงอันเข้มข้นจะพุ่งออกมาจากภายในส่วนลึก
หลังจากที่ประกายแสงได้กระจายตัวออกไปแล้วก็เผยให้เห็นเตาพลังวิญญาณที่รายล้อมไปด้วยอักขระอยู่ภายในพลางส่งกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงอันหนักหน่วงออกมาอย่างเข้มข้น
“อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายเรา เตาพลังวิญญาณจี่หยาน ! ”
เหล่าศิษย์พากันแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมาตามๆกัน
เป็นเพราะว่านี่คืออาวุธของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายซึ่งมีพลังทำลายสามารถบดขยี้ได้ทุกสรรพสิ่ง
หลินเทียนได้หันมองออกไปเล็กน้อยก่อนที่แววตาของเขาจะส่องประกายออกมา
“เป็นอาวุธนิรันดร์แท้จริงที่ไม่ธรรมดาเลย ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะเขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสัจธรรมที่เข้มข้นอย่างมากจากมัน
ตู้มม ~!
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกไปรอบทิศทาง
เหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลายผสานการโจมตีทั้งสองเข้าด้วยกันเพราะรู้ดีว่าหลินเทียนและอสรพิษม่วงนั้นร้ายกาจขนาดไหนจึงไม่ลังเลเลยที่จะใช้ไพ่ตายทั้งหมดเพื่อต่อกร
“ฆ่า ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาพร้อมทั้งโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนและคนอื่นๆอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
“ขอบคุณสำหรับของขวัญที่เจ้าเอามาให้อย่างอาวุธที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาล พวกเราจะดูแลมันอย่างดี ”
จ้าวนิกายส่งเสียงออกมาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุด
ตู้มม ~!
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาพร้อมๆกับจิตสังหารอันเข้มข้นขณะที่พวยพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียน
มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
“ท่านผู้อาวุโสขอยืมพลังของท่านหน่อย ”
หลินเทียนได้พูดออกมา
อสรพิษม่วงพยักหน้าของมันพร้อมทั้งไม่ลังเลเลยที่จะถ่ายเทพลังของมันเข้าใส่ร่างของหลินเทียน
เป็นเพราะว่าหลินเทียนได้บอกเรื่องนี้ล่วงหน้าเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องใช้มันฝ่าการโจมตีของศัตรูไป
พลังอสูรอันเข้มข้นได้โถมเข้าสู่ร่างกายของหลินเทียนก่อนที่จะไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาทำให้เขารีบหมุนวนเคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์จนทำให้คลื่นพลังวิญญาณอักหนักหน่วงพวยพุ่งออกไปรอบทิศทางพลางซัดอักขระอันทรงพลังออกไป
อักขระนี้ได้อัดกระแทกเข้ากับการโจมตีของเตาพลังวิญญาณและลำแสงสังหารอย่างจัง
ฟึ้บบ ~! ~!
เสียงแหลกสลายถูกส่งออกมาขณะที่พลังทำลายของข่ายอาคมถูกบั่นทอนลงไปอย่างใหญ่หลวง
ไม่นานเสียงแตกร้าวก็ถูกส่งตามออกมาขณะที่ข่ายอาคมสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้แหลกสลายหายไปไม่มีเหลือและทิ้งไว้เพียงแค่อาวุธเขตแดนนิรันดร์แท้จริงที่มีกลิ่นอายทำลายล้างแผ่วลงอย่างมาก
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนรอบข้างพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ข่ายอาคมพิทักษ์กลับ……แหลกสลายหายไป ?! ”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“เป็นไปไม่ได้ ! ”
เหล่าผู้คนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆเองก็ได้แต่ผงะไป
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เป็นเพราะว่าข่ายอาคมพิทักษ์ที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งได้ทิ้งเอาไว้กลับถูกทำลายลงภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
เหลาเหลาและอสรพิษม่วงเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันออกไปเช่นกัน
“นี่มัน…..”
สิ่งเหล่านี้ทำให้ดวงตาของอสรพิษม่วงหดเล็กลงโดยทันที
เป็นเพราะว่ามันก็เชื่ออยู่แล้วว่าด้วยระดับพลังที่มันส่งมอบให้จะต้องสามารถทำลายล้างข่ายอาคมเขตแดนนิรันดร์แท้จริงนี้ได้แต่เมื่อได้เห็นภาพที่หลินเทียนทำลายมันลงง่ายๆกับตาตัวเองแบบนี้แล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้
มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว !
“ท่านผู้อาวุโสชิงมันมาเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
อสรพิษม่วงได้สั่นสะท้านไปเล็กน้อยพร้อมทั้งรีบดึงสติกลับมาแล้วตอบว่า
“ได้ ! ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาก็ได้ระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมาสร้างเป็นฝ่ามืออันทรงพลังคว้าออกไปด้านหน้า
“เจ้า..”
“อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
ผู้อาวุโสทั้งหลายเองก็เรียกสติของตัวเองกลับมาเช่นกันและหลังจากที่เห็นว่าอสรพิษม่วงคิดชิงเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงของพวกเขาแล้วก็ต่างพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดกันออกมาพร้อมส่งถ่ายพลังออกไปอย่างเต็มกำลัง
“เหอะ ! ”
เสียงแสยะถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าสีเงินออกไปโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
มันเป็นทักษะไร้เทียมทานที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างถึงขั้นทำให้สีหน้าของทั้งสิบสองคนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
หลังจากนั้นเองที่มีเสียง พุฟฟ พุฟ พุฟฟ ~! ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของทั้งสิบสองคนถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
และมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่หลินเทียนได้เปิดฉากโจมตีอีกครั้งโดยการสังเวยเอาวงเวทย์หยินหยางออกมาเพื่อพยายามช่วยอสรพิษม่วงทำลายตราประทับของอาวุธนิรันดร์แท้จริงตรงหน้า