Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1423
เตาพลังวิญญาณจี่หยานในตอนนี้รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายแสงและกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงออกมาอย่างเข้มข้น
“แข็งแกร่งมากๆ ! ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังที่อัดแน่นอยู่ภายใน
เขาสัมผัสได้เลยว่าด้วยระดับพลังของเขาแล้วหากว่าใช้อาวุธนี้มันเพียงพอที่จะต่อกรกับเขตแดนอนันตกาลตอนต้นได้สบายๆ
“นี่มัน…..”
“เตาพลังวิญญาณของนิกายเรา…….”
“เป็นอย่างงี้ไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆต่างพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
ก่อนหน้านี้ก็ข่ายอาคมพิทักษ์แล้วตอนนี้ขนาดอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดเองก็ยังถูกชิงเอาไป
แถมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
“ระยำเอ้ย ! เอาคืนมานะ ! ”
เหล่าผู้มีอำนาจต่างพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าสร้างคลื่นสายฟ้าสีเงินออกมา
พุฟฟ ~!
ร่างกายของอีกฝ่ายได้กระแทกเข้ากับการโจมตีนี้ได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆเหลือไว้เพียงแค่ดวงวิญญาณที่แตกร้าวถึงขั้นที่ใกล้แตกดับเท่านั้น
“น่ากลัวจริงๆ ! ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปได้แต่คอหด
การที่หลินเทียนที่เพิ่งตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับผู้อาวุโสเขตแดนเดียวกันตอนกลางได้นี่มันถือว่าแข็งแกร่งมากๆ
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นเพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็ยังได้แต่สั่นไปวกับความแข็งแกร่งนี้
“สุดยอด ! ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมา
หลินเทียนเผยรอยยิ้มของเขาพร้อมกับส่งเตาพลังวิญญาณจี่หยานให้กับอีกฝ่ายพลางพูดว่า
“ท่านผู้อาวุโสตีตราประทับลงก่อนแล้วกัน หลังจากนี้เราจะได้จัดการกับอีกสองขุมพลังที่เหลือได้ง่ายๆ ”
“ได้สิ ”
อสรพิษม่วงตอบรับด้วยเสียงหัวเราะก่อนที่จะรับเอาเตาพลังวิญญาณที่หลินเทียนยื่นมาพลางตีตราประทับลงไปแล้วพูดว่า
“ขุมสมบัติและอาวุธนิรันดร์แท้จริงที่เหลือของขุมพลังนี้และอีกสองขุมพลังก็ถือเป็นของเจ้าแล้วกัน แค่เตาพลังวิญญาณนี่ก็เพียงพอสำหรับข้าแล้ว ”
“ตกลง ”
หลินเทียนได้ตอบรับด้วยรอยยิ้มเพราะด้วยระดับพลังของอสรพิษม่วงแล้วนอกจากอาวุธนิรันดร์แท้จริงแล้วก็ไม่มีสิ่งใดมีค่าในสายตามันดังนั้นในเมื่อได้รับอาวุธมาแล้วอื่นๆก็ไม่จำเป็นสำหรับมัน
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสาม จ้าวนิกายและผู้อาวุโสอีกทั้งแปดคน
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าให้ส่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงและขุมสมบัติทั้งหมดมาแล้วข้าจะยกโทษให้ไม่งั้นข้าจะทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง น่าเสียดายที่เจ้าเลือกเช่นนั้น ”
เขาพูดออกมา
หลังจากนั้นก็ก้าวออกไปพร้อมๆกับเสียงสายฟ้าคำรามอย่างดังที่ทำให้ม่านฟ้าเปลี่ยนสีไป
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ปกคลุมอยู่เหนือม่านฟ้า
พริบตานี้เองที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็ได้แต่พากันสั่นไปด้วยความกลัว
แม้กระทั่งตัวตนระดับผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายเองก็ยังอดรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้
“เจ้า…คิดจะทำอะไรกันแน่ ?! จะฆ่าและทำลายขุมพลังของพวกเรา ? อย่าให้มันมากไปหน่อยเลย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ส่งเสียงออกมาเพราะอีกไม่ใกล้เขาก็จะเอื้อมถึงระดับพลังที่ไม่สามารถแตกดับได้แต่ตอนนี้เสียงของเขากลับสั่นเครือด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก
“มากไป ? ”
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมทั้งถามออกมาว่า
“หากว่าลองเปลี่ยนกันดู หากว่าเจ้าเป็นฝ่ายที่สามารถสังหารข้าได้ข้าก็คงจะกลายเป็นศพไปนานแล้วแต่ข้าอุส่าให้โอกาสพวกเจ้าได้เลือกตั้งแต่แรกทว่าเป็นฝ่ายพวกเจ้าที่ไม่คว้ามันเอาไว้เอง ในเมื่อไม่สนใจมันงั้นก็รับผลกรรมไปแล้วกัน ”
“เจ้า….”
อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดลงยิ่งกว่าเก่าโดยที่ไม่สามารถหาคำมาเถียงกลับได้
อีกสิบเอ็ดคนที่เหลือเองก็พากันกำหมัดเอาไว้แน่น
หลินเทียนก้าวออกไปขณะที่คลื่นสายฟ้ามากมายผ่าลงมาเบื้องล่าง
“เจ้า….อวดดีเกินไปแล้ว ! ”
“ฆ่ามัน ! ”
ผู้มีอำนาจทั้งสิบสองคนต่างมีสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมากเพราะรู้ดีว่าถึงอย่างไรหลินเทียนก็คิดจะทำลายที่นี่แน่ๆดังนั้นถึงได้สังเวยทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพื่อโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียน
การโจมตีของผู้เชี่ยวชาญสิบสองคนพร้อมๆกันนี้ทำให้มิติโดยรอบถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
อสรพิษม่วงส่งเสียงแสยะออกมาพร้อมทั้งโบกมือส่งคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นออกไปส่งผลให้ร่างกายของชายชราทั้งหลายสั่นสะท้านไม่หยุดด้วยพลังทำลายที่ปั่นป่วน
“ผู้อาวุโสไม่ต้องถึงมีท่านหรอก ข้าคนเดียวก็พอแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็อยากจะประเมินความสามารถของตัวเองหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะมาได้
อสรพิษม่วงได้แต่ผงะไปก่อนที่จะพยักหน้าของเขาเพราะพอจะเดาความคิดของหลินเทียนได้จึงเก็บเอากลิ่นอายกลับไปแล้วได้แต่จ้องมองหลินเทียนเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
“เพิ่งตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะเท่านั้นแต่กลับรับมือกับผู้เชี่ยวชาญสิบสองคนพร้อมกันแถมสามในนั้นยังเป็นกึ่งอนันตกาลนี่มันจะไม่เป็นอะไรแน่ ? ”
เหลาเหลากระซิบออกมา
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาเสมือนว่าเป็นเทพอัสนีที่จุติลงมายังโลกใบนี้เลยก็ว่าได้
เขาโบกมือของเขาออกไปพร้อมทั้งส่งคลื่นสายฟ้าเข้าใส่ทั้งสิบสองคนอีกครั้ง
เหล่าผู้มีอำนาจต่างพากันหันมองไปทางอสรพิษม่วงที่อยู่ห่างออกไปและเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะช่วยเหลือดังนั้นถึงได้แต่แสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมา
“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ! ”
หนึ่งในผู้อาวุโสส่งเสียงออกมาซึ่งเขาคือคนที่ได้รับการโจมตีจากสายฟ้าของหลินเทียนจนได้รับบาดเจ็บหนักไปเมื่อครู่
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาก็ได้สังเวยเอาสัจธรรมและทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาซัดเข้าใส่ทางศีรษะของหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆเองก็ต่างพากันกระโจนเข้าขย้ำร่างของหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ดุร้ายถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะฆ่าหลินเทียนให้ได้เนื่องจากรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว
นี่ทำให้พวกเขาตั้งใจจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อลากเอาหลินเทียนไปกับพวกเขาด้วย
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของทั้งสิบสองคนพลางโถมเข้าใส่ร่างของหลินเทียนพร้อมๆกัน
มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
หลินเทียนได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชาแต่ก็ไม่ได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย
ตู้มม ~!
เขาหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอีกครั้งพร้อมทั้งสร้างคลื่นสายฟ้าขึ้นมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลังจากนั้นร่างของเขาก็ได้เลือนหายไปพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของผู้อาวุโสคนหนึ่ง
“เจ้า…….”
สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะเขาคือคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักไปก่อนหน้านี้ซึ่งไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่ซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของเขา
“อ๊ากก ~~! ”
เขาส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
“ผู้อาวุโสเจ็ด ! ”
จ้าวนิกายได้แต่ผงะไปเพราะพวกเขาล้วนแล้วแต่จับจ้องอยู่กับร่างของหลินเทียนซึ่งแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถหายไปจากสายตาของพวกเขาแล้วสังหารหนึ่งในผู้อาวุโสของนิกาย !
ภาพที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้พวกเขาได้แต่สั่นไป
“ระยำเอ้ย! ”
“ฆ่ามันให้ได้ ! ”
ทั้งสิบเอ็ดคนได้ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งสังเวยการโจมตีทั้งหมดอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไปและปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง
อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปเพราะเขาไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวได้เลยด้วยซ้ำ
“เจ้า…”
ตู้มมม ~!
หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปสร้างกระบี่สายฟ้าทะลวงผ่านทะเลความรู้ของอีกฝ่ายไป
พุฟฟ ~! ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายได้แหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ระยำเอ้ย ! เกิดอะไรขึ้น ?! เจ้าเคลื่อนไหวได้อย่างไรกัน ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดอดส่งเสียงคำรามออกมาไม่ได้
เป็นเพราะว่าเมื่อครู่พวกเขาได้จดจ่ออยู่กับร่างของหลินเทียนดังนั้นแม้ว่าหลินเทียนจะมีความเร็วที่สูงขนาดไหนแต่ก็จะยังอยู่ในระยะสัมผัสของพวกเขาทว่าความเป็นจริงมันกลับต่างกันอย่างมาก
หลินเทียนได้หันมองออกไปยังสิบร่างที่ยังเหลืออยู่ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหนึ่งในพวกเขา
“เจ้า…”
“พุฟฟ ~! ”
คลื่นสายฟ้าได้บดขยี้ร่างกายของอีกฝ่ายสลายหายไป
ดวงวิญญาณได้แต่พุ่งหนีไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นก่อนที่จะถูกคลื่นสายฟ้าบดขยี้จนแหลกสลาย