Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1425
ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดภายในนิกายจี่หยานแห่งนี้ได้ตกตายลงอย่างสมบูรณ์ทำให้สถานที่แห่งนี้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
“ท่านจ้าวนิกาย ท่านผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุด…….”
เหล่าศิษย์และผู้ดูแลที่อยู่รอบๆต่างพากันสั่นสะท้านไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าขุมพลังของพวกเขานั้นเป็นถึงยักษ์ใหญ่ที่คงอยู่มาเนิ่นนานมีรากฐานที่มั่นคงทว่าวันเดียวกลับถูกทำลายไม่มีเหลือ…..ข่ายอาคมพิทักษ์ถูกทำลาย อาวุธประจำนิกายถูกชิงไปส่วนผู้เชี่ยวชาญเองก็ถูกสังหารลงจนหมดไม่เว้นแม้กระทั่งบรรพบุรุษของพวกเขา
“นี่มัน…เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ท่านจ้าวนิกายและผู้อาวุโสได้ตายไปแล้ว แล้วพวกเราล่ะ ?! เราจะ…….”
กลุ่มคนเหล่านี้ได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
หลินเทียนที่ยืนอยู่ห่างออกไปได้เก็บเอากลิ่นอายที่ทรงพลังกลับไปพร้อมทั้งเหาะไปหาเหลาเหลาและอสรพิษม่วง
“เจ้านี่จะแข็งแกร่งเกินไปไหม ?! แข็งแกร่งจนท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว ! ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เป็นเพราะว่าการที่ผู้เชี่ยวชาญกว่าสิบสองคนถูกสังหารลงง่ายๆแบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
“หากว่าไม่แข็งแกร่งแล้วคงจะเสียชื่อที่โดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าเอาๆ ? ”
หลินเทียนตอบกลับ
เป็นเพราะตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภาจนถึงตอนนี้เขาต้องแบกรับทัณฑ์สวรรค์มามากมายซึ่งแม้ว่าทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้าจะเต็มไปด้วยอันตรายแต่ผลลัพธ์ที่ได้มาล้วนแล้วแต่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันมากแถมเขาเองก็ยังเป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งที่สุด
“ถึงอย่างไรเจ้าก็สุดยอดมากๆ ! ”
อสรพิษม่วงได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งถามต่อว่า
“อาณาเขตสายฟ้าที่เพื่อนตัวน้อยสังเวยออกมาเมื่อครู่มันเป็นเขตแดน ? ”
“ใช่ ”
หลินเทียนพยักหน้าตอบเพราะสมแล้วจริงๆที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงที่สามารถตระหนักได้ว่ามันคือเขตแดนสายฟ้าของเขา
“เป็นเช่นนั้นจริงๆด้วย ”
อสรพิษม่วงพยักหน้าของมันพร้อมกับพูดต่อว่า
“เป็นทักษะที่แข็งแกร่งมากๆ ”
“แต่มันก็เผาผลาญพลังเทวะใช้เล่นเลยล่ะ ”
หลินเทียนตอบกลับ
“ทักษะที่แข็งแกร่งต้องเผาผลาญพลังเทวะมากอยู่แล้ว ”
อสรพิษม่วงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะเขาเองก็เข้าใจจุดนี้ดี
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปทางศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ
“แล้วจะเอาไงกับคนเหล่านี้ ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
“นิกายจี่หยานได้ถูกทำลายลงไปแล้วดังนั้นพวกเขาอยากจะไปไหนก็ปล่อยไปแล้วกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปรอบๆก่อนที่จะสั่งการให้ศิษย์ทั้งหลายสลายตัวออกไปอย่างรวดเร็วและหากว่ายังมีคนกล้าอยู่ต่อเขาก็จะไม่ปราณีแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเหล่าศิษย์เองก็เลือกที่จะเดินจากไปและไม่มีทางอยู่ที่นี่เพื่อชักนำหายนะไปสู่ตัวเองอย่างแน่นอน
ศิษย์เหล่านี้พากันหนีตายออกมาจากขุนเขาของตัวเองเพราะกลัวว่าหลินเทียนจะผิดคำพูดและสังหารพวกเขา
“วิ่งหนีกันเร็วจริงๆเลยนะ”
เหลาเหลาพึมพำออกมา
หลินเทียนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งหันมองออกไปยังตำหนักทั้งหลายที่อยู่รอบๆ
“เอาสมบัติกันดีกว่า ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าขุมพลังใหญ่นี้ได้ถูกทำลายลงไปแล้วแถมอาวุธนิรันดร์แท้จริงเองถูกชิงไปแล้วเช่นกันดังนั้นในเมื่อที่นี่ไม่เหลือใครแล้วเขาจึงได้หันไปพูดกับคนอื่นๆให้เข้าไปภายในส่วนลึกของที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติกัน
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่ประตูตำหนักพังทลายลงและเผยให้เห็นอาวุธมากมายที่อยู่ภายในส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาจากอักขระมากมายให้ความรู้สึกที่ลึกลับและน่าสยดสยองเสมือนว่าต้องการจะฉีกร่างของพวกเขาเป็นชิ้นๆ
หลินเทียนได้กวาดสายตามองออกไปพร้อมทั้งพบกับอาวุธอนันตกาลอยู่ห้าชิ้น อาวุธวิญญาณและอื่นๆอีกหลายชิ้น
“ต้องพูดเลยว่าสมแล้วจริงที่เป็นถึงขุมพลังที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงสร้างขึ้น ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาพร้อมทั้งเก็บเอาอาวุธทั้งหมดไป
“ไปกันต่อ ”
เขาหันไปพูดกับทั้งสองคนเพื่อมุ่งหน้าไปยังตำหนักอื่นๆที่เต็มไปด้วยสมบัติอยู่ภายใน
“เปรี้ยย ~! ”
ประตูได้ถูกเปิดออกพร้อมพบกับพลังฉีที่ทะลักออกมาจากภายในซึ่งแน่นอนว่าเป็นคลังเก็บคริสตัลวิญญาณ
หลินเทียนได้กวาดสายตาออกไปรอบๆพร้อมทั้งพบว่ามันมีอยู่ประมาณแปดหมื่นล้านกิโลกรัม
“มากกว่าทั้งหมดที่เรามีรวมกันด้วยซ้ำ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะสำหรับเขาแล้วมันถือเป็นขุมสมบัติที่ล้ำค่าไม่น้อย
เขาเก็บเอามันกลับไปพร้อมทั้งมุ่งหน้าไปยังตำหนักอื่นๆพร้อมพบกับสมบัติมากมายไม่ว่าจะเป็นยาทิพย์ แร่หินและยาอายุวัฒนะมากมาย
ท้ายที่สุดเขา เหลาเหลาและอสรพิษม่วงต่างพากันก้าวเดินเข้าไปภายในหอคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยเคล็ดวิชามากมายแต่ที่สำคัญที่สุดคือเคล็ดวิชาจี่หยานที่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
“ของถูกเก็บมาหมดแล้ว เราจะไปกันเลย ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
แม้ว่าขุมพลังแห่งนี้จะยิ่งใหญ่และมั่งคั่งมากๆแต่นางก็ไม่ได้ตกตะลึงแม้แต่น้อยเพราะว่าตระกูลของนางแข็งแกร่งกว่าขุมพลังนี้เสียอีก
“มีเรื่องที่ต้องไปจัดการก่อน ”
หลินเทียนหันมองออกไปทางอสรพิษม่วงพร้อมทั้งพูดว่า
“ต้องขอยืมพลังของท่านอีกครั้ง ”
“ได้สิ ”
มันเองก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าหลินเทียนจะขอช่วยทำอะไรแต่ก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังไปให้กับหลินเทียนทำให้ร่างกายของหลินเทียนแผดกลิ่นอายเขตแดนนิรันดร์แท้จริงออกมา
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้หมุนวนทักษะฝังมังกรอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งฉีกพื้นดินออกแล้วเผยให้เห็นมังกรยักษ์มากมายที่ขดอยู่ใต้ดิน
มังกรยักษ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเส้นชีพจรเทวะทั้งหมดซึ่งมันมีรวมกันอยู่กว่าเก้าร้อยตัวแถมยังมีบึงนิรันด์ที่ทำให้พลังฉีเข้มข้นขึ้นไปอีก
“เส้นชีพจรเทวะเก้าร้อยเส้นและบึงนิรันดร์ ”
หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
มันอดทำให้เขาถอนหายใจออกมาไม่ได้เพราะสมแล้วจริงๆที่ถือเป็นดาวบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นขนาดของดาวหรือจะเป็นจำนวนของเส้นชีพจรเทวะที่มีให้เห็นทั่วไป อย่างน้อยๆจำนวนเส้นชีพจรเทวะภายในดาวดวงนี้ก็น่าจะมีอยู่หลายแสนหรือเป็นล้านเส้นที่ถือว่ามากกว่าดาวสวรรค์สิบชั้นอยู่มาก
เรียกได้ว่าเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เขาดึงสติกลับมาอีกครั้งพร้อมทั้งอาศัยพลังที่ยืมมาบีบอัดเส้นชีพจรเหล่านั้นทำให้มันกลายเป็นเพียงมังกรตัวน้อยๆจำนวนนับไม่ถ้วนเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆเก็บเอาบึงนิรันดร์มาอย่างระมัดระวัง
เป็นเพราะว่าคุณค่าของมันเหนือชั้นเสียยิ่งกว่าเส้นชีพจรเหล่านี้ด้วยซ้ำและเรียกได้ว่ามันพอๆกับแก่นมังกรของเส้นชีพจรมังกรบรรพกาลเลยก็ว่าได้
“นี่กะไม่ให้เหลืออะไรเลยหรือไง ”
เหลาเหลาพึมพำออกมาพร้อมกับพูดว่า
“แต่รากฐานพวกมันก็ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”
“หากว่าไม่มีค่าข้าก็คงไม่เอา ”
หลินเทียนตอบกลับ
“แล้วไปกันได้หรือยัง ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะถึงอย่างไรของมีค่าก็ถูกเก็บกลับมาหมดแล้วก็คงถึงเวลาต้องไปเสียที
เขาหันไปพูดกับนางก่อนที่จะเหาะออกไปจากสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งตวัดมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังทำลายพื้นที่แห่งนี้ทั้งหมดแล้วมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกจนไปถึงภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง
มันเป็นตอนที่ๆเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างมากมายส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและล้ำลึกออกมา
เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วพวกเขาก็พากันก้าวเดินเข้าไปท่ามกลางสายตาที่หวาดหวั่นของเหล่าศิษย์ทำให้กลุ่มผู้มีอำนาจพากันออกมาขวางทางเอาไว้
“สังหารบรรพบุรุษของเราไปไม่พอยังกล้าบุกมาที่นี่งั้นรึ คิดว่านิกายเฉินเจียวของพวกเราเป็นอะไร ?! ต่อให้มีกึ่งนิรันดร์แท้จริงเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี ! ”
“อวดดีนะไอ้สัตว์ชั้นต่ำ ”
“เจดีย์ที่ท่านบรรพบุรุษเอามาไม่ได้แต่เจ้ากลับนำมันมามอบให้พวกเรากับมือตัวเองแบบนี้ ก็ดี ดีจริงๆ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“เปิดการทำงานของข่ายอาคมพิทักษ์และอันเชิญกระบี่นิรันดร์ออกมาฆ่านังนั่นและสัตว์อสูรตัวนั้นซะ ”
หลังจากนั้นก็หันมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
“ส่วนมันให้เก็บเอาไว้ก่อน หลังจากที่ชิงเอาเจดีย์และทักษะสายฟ้าจากมันได้แล้วค่อยฉีกมันเป็นชิ้นๆ ! ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดลงแล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายก็พากันลงมือเปิดการทำงานของข่ายอาคมและสังเวยเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมาจากภายในส่วนลึกของนิกายซึ่งรายล้อมไปด้วยอักขระลึกลับมากมายส่องประกายแสงและความเย็นยะเยือกออกมาเสมือนว่าสามารถฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่ง
ตู้มม ~!
กระบี่นิรันดร์นี้เป็นอาวุธนิรันดร์แท้จริงซึ่งเมื่อผสานเข้ากับข่ายอาคมพิทักษ์แล้วจะยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก