Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1427
ตระกูลฟานเองก็ถือเป็นหนึ่งในขุมพลังใหญ่ที่อยู่มาเนิ่นนานและตั้งอยู่บนขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหากมองดูดีๆแล้วจะพบว่ามันเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างและตำหนักมากมายและเมื่อมองเข้าไปภายในส่วนลึกจะพบได้กับกลุ่มหมอกอันน่าพิศวง
หลินเทียน เหลาเหลาและอสรพิษม่วงต่างพากันเดินทางมาถึงที่นี่พร้อมทั้งก้าวเข้าไปภายในอย่างไม่รอช้า ส่งผลให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายได้แต่มองมาทางพวกเขาด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่น
มันอดทำให้ใครหลายคนก้าวถอยกลับหลังไปไม่ได้
“นี่เจ้า….ต้องการอะไรกันแน่ !? ”
หนึ่งในผู้คนได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
และในเวลาเดียวกันนี้เองที่มีเสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมๆกับปรากฏร่างสามร่างขึ้นมาตรงหน้าของพวกเขา
ร่างสามร่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นชายชราเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางซึ่งหลังจากที่เห็นร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆแล้วสายตาพวกเขาต่างส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมาโดยทันที
หลินเทียนและอสรพิษม่วงได้ลงมือสังหารผู้เชี่ยวชาญของเขาไปมากมายไม่เว้นแม้กระทั่งบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดทำให้พวกเขารู้สึกโกรธแค้นถึงขีดสุด
หลินเทียนหันมองออกไปทางกลุ่มคนเหล่านี้พลางพูดว่า
“ข้าคงไม่จำเป็นต้องบอกว่ามาที่นี่เพื่ออะไร ส่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงและสมบัติทั้งหมดมาเพื่อเป็นการไถ่โทษแล้วข้าจะหันหลังจากไปไม่งั้นเจอดีแน่ ! ”
เขาส่งเสียงอันราบเรียบออกมาส่งผลให้แววตาของผู้อาวุโสทั้งหลายยิ่งส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
“กล้าสังหารคนของพวกเราไปมากมายแล้วยังกล้าเหยียบที่นี่เพื่อปล้นเอาสมบัติของเขาอีกงั้นรึ ?! รนหาที่ตาย ! คิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน ?! ”
ผู้อาวุโสใหญ่ของพวกเขาส่งเสียงกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธถึงขีดสุด
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่อีกสองคนเองก็แสดงสีหน้าแบบเดียวกันออกมา
“ให้โอกาสแล้วแท้ๆแต่ไม่คว้ามันไว้เอง ”
หลินเทียนตอบกลับไป
น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบไม่ได้มีความรู้สึกใดๆแม้แต่น้อย
อีกฝ่ายเองก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“เปิดการทำงานของข่ายอาคมพิทักษ์ ! สังเวยเอาเตาพลังวิญญาณของตระกูลเราออกมาฆ่ามันให้…………”
“หยุด ! ”
น้ำเสียงที่ผสมผสานไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวายนี้ถูกส่งออกมาจากทางด้านหลังพร้อมทั้งขัดจังหวะคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ไปทันที
ร่างๆหนึ่งได้พุ่งเข้ามาด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลัง
“นี่…ผู้อาวุโสที่ห้า ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ไม่ได้สนใจอะไรด้วยซ้ำ
พริบตาผู้อาวุโสที่ห้าก็กลับไปรวมกลุ่มกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ
“น้องห้ากลับมาพอดี ! ”
ผู้อาวุโสใหญ่ได้หันมองออกไปเพราะว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายออกไปผจญภัยเมื่อหลายปีก่อนโดยที่ไม่มีข่าวคราวถูกส่งกลับมาแม้แต่น้อยแต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกลับมาในตอนนี้แถมยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
“ข้าและคนอื่นๆกำลังจะสังเวยข่ายอาคมพิทักษ์และอัญเชิญอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมาฆ่าพวกมันให้หมด ต้องระวังไว้ด้วยเพราะว่าหนึ่งในพวกมันเป็นถึงเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงส่วนเรื่องราวต่างๆข้าค่อยอธิบายให้เจ้าฟังหลังจากนี้แล้วกัน ”
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ร่างของผู้อาวุโสที่ห้าก่อนที่จะหันมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุด
เป็นเพราะการที่มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะเพิ่มมาแบบนี้ก็จะทำให้ข่ายอาคมและการโจมตีของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
“ไม่ ! ผู้อาวุโสใหญ่ฟังที่ข้าจะพูดก่อน ”
ผู้อาวุโสห้าหันมองออกไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่หวาดหวั่นก่อนที่จะรีบพูดออกมาว่า
“ไม่ว่าเขาต้องการอะไรก็โปรดตอบรับ อย่าลงมือโดยเด็ดขาด ! ”
“ว่าไงนะ ?! ”
ผู้อาวุโสใหญ่ได้แต่จ้องมองไปทางผู้อาวุโสที่ห้าด้วยสีหน้าที่โกรธจัดพลางพูดว่า
“น้องห้า สมองเจ้ามีปัญหาหรือไงกัน รู้ไหมว่าเพิ่งพูดอะไรออกมา ? ไม่มีสมองแล้วหรือไง ?! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ท่านบรรพบุรุษ ท่านผู้นำตระกูล ท่านผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสอีกหลายคนถูกมันสังหารไปจนหมด ! มันยังอุส่าบุกมาที่นี่เพื่อชิงเอาสมบัติของพวกเราแบบนี้เจ้าอยากจะให้พวกเรายอมมอบให้มันแต่โดยดี ?! ”
ผู้อาวุโสอีกสองคนที่อยู่ข้างๆต่างพากันจ้องมองไปทางผู้อาวุโสที่ห้าเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้พูดออกมาแบบนี้
ผู้อาวุโสที่ห้าเองก็ได้แต่รีบพูดออกมาว่า
“ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ! ผู้อาวุโสใหญ่เชื่อข้าเถอะไม่งั้นมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ! ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าใกล้ร่างของผู้อาวุโสใหญ่พร้อมทั้งกระซิบอะไรบางอย่างให้กับอีกฝ่าย
“ว่าไงนะ ?! ”
พริบตานี้เองที่ร่างกายของผู้อาวุโสใหญ่ได้แต่สั่นสะท้านไปขณะที่ใบหน้าที่เคยโกรธจัดแปรเปลี่ยนกลายเป็นความหวาดหวั่น
หลินเทียนและคนอื่นๆเองก็ยังคงจ้องมองออกไปทางอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ราบเรียบเช่นเคย
“ตกลงกันได้แล้วหรือยัง ? จะให้ไม่ให้ ? ”
เขาส่งเสียงอันราบเรียบออกมา
ร่างกายของผู้อาวุโสใหญ่ได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมๆกับพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า
“เรา…..ยอมรับข้อเสนอนี้ ! ”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที
หนึ่งในผู้อาวุโสได้ส่งเสียงออกมาอย่างดังว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่นี่มัน….”
“หุบปาก ! ”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
หลังจากนั้นเขาก็ได้สั่งการให้คนเหล่านี้กลับไปเตรียมเอาสมบัติทั้งหมดของตระกูลฟานรวมถึงอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมามอบให้กับหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ฝืนๆ
“ทั้งหมดที่เจ้าต้องการอยู่นี่หมดแล้ว ”
เขากัดฟันพูดออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งพบว่าเตาพลังวิญญาณเปลวเพลิงธรรมมะนี้มันเป็นอาวุธนิรันดร์แท้จริงของจริงแถมยังมีอาวุธระดับอื่นๆอีกมากมายพร้อมพบกับคริสตัลวิญญาณกว่าเจ็ดหมื่นล้านกิโลกรัม
เขาโบกมือทำลายตราประทับของตระกูลฟานออกไปพร้อมทั้งตีตราลงที่อาวุธนิรันดร์แท้จริงนี้พร้อมทั้งเก็บเอาสมบัติทั้งหมดไปก่อนที่จะหันไปพูดกับคนอื่นๆแล้วหันหลังเดินจากไป
เหล่าศิษย์ทั้งหลายได้แต่จ้องมองไปยังร่างของเขาที่กำลังเดินจากไปก่อนที่จะถอนหายใจออกมาหลังจากที่เห็นร่างของเขาเลือนรางหายไป
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ? ทำไมอยู่ดีๆถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหัน ? เรามีทั้งอาวุธนิรันดร์แท้จริงและข่ายอาคมพิทักษ์มันเพียงพอจะสังหารพวกมันได้สบายๆ ! ”
ผู้อาวุโสที่สองได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหันมองไปทางผู้อาวุโสห้าแล้วถามต่อว่า
“เป็นเพราะน้องห้า ? เจ้าไปเล่าอะไรให้ผู้อาวุโสใหญ่ฟังกันแน่ !? ”
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆและศิษย์ทั้งหลายต่างหันมองมาทางเดียวกัน
เป็นเพราะว่าวินาทีที่ผู้อาวุโสห้าเข้าใกล้ผู้อาวุโสใหญ่แล้วอีกฝ่ายก็เปลี่ยนใจโดยทันที
ผู้อาวุโสห้าได้หันมองออกไปยังทิศทางที่หลินเทียนจากไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นพลางส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า
“ระหว่างทางที่ข้ากลับมาก็พบว่านิกายจี่หยานและนิกายเฉินเจียวได้….ถูกทำลายลงด้วยเงื้อมมือของชายคนนั้นจนสิ้นซากหมดแล้ว ”
“ว่าไงนะ ?! ”
คำพูดนี้ส่งผลให้ผู้อาวุโสทั้งหลายได้แต่ผงะไป
เหล่าศิษย์เองก็ถึงกับแข็งค้างไปไม่ต่างกัน
“นิกายจี่หยานและนิกายเฉินเจียว…”
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“นี่…..”
ผู้คนทั้งหลายต่างพากันโง่งมไปตามๆกัน
เป็นเพราะว่าขุมพลังทั้งสองนั้นแข็งแกร่งเทียบเคียงกับพวกเขาและถือว่าเป็นผู้ปกครองดาวดวงนี้ทว่ากลับถูกทำลายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียน ?!
“นี่…เจ้าแน่ใจ ?! ”
ผู้อาวุโสที่สองได้ส่งเสียงออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“คิดว่าข้าจะล้อเล่นกับเรื่องพวกนี้ ?! ”
ผู้อาวุโสที่ห้าได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดออกมาว่าเขาได้บังเอิญไปพบเข้ากับศิษย์กลุ่มหนึ่งที่กำลังหนีตายด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นดังนั้นถึงได้เอ่ยปากถามและรู้มาว่านิกายเฉินเจียวได้ถูกหลินเทียนทำลายลงแล้วไม่นานก็พบว่านิกายจี่หยานก็เป็นแบบเดียวกันทำให้เขาได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งรีบตรงไปยังที่ตั้งของนิกายทั้งสองก่อนที่จะพบกับซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่
ระหว่างทางเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวความแค้นของขุมพลังทั้งสองพร้อมทั้งตระหนักได้ว่าหลินเทียนเองก็มีความแค้นกับตระกูลฟานของเขาเช่นกันดังนั้นถึงได้รีบมุ่งหน้าตรงมายังตระกูลฟานก่อนที่ทั้งตระกูลจะต้องเผชิญหน้ากับหายนะ
“หากว่าเมื่อครู่เปิดฉากโจมตีเข้าใส่เขาแล้ว………เราก็จะมีสภาพไม่ต่างจากขุมพลังทั้งสอง ”
เขาได้ส่งเสียงสั่นๆออกมา
……..
ในตอนนี้หลินเทียนได้เดินทางออกห่างจากอาณาเขตตระกูลฟานมาไกลมากแล้ว
“แล้วนี่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหันแบบนั้นกัน ? ผู้อาวุโสที่ห้านั่นบอกอะไรเขากัน ? ”
เหลาเหลาแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมา
หลินเทียนหันมองไปทางนางพร้อมกับพูดว่า
“แม่นางตัวน้อยไม่ฉลาดเลยนะ ”
หลังจากนั้นเขาได้พูดต่อว่า
“ที่ผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนใจก็เป็นเพราะคำพูดของผู้อาวุโสที่ห้าและจากสายตาที่อีกฝ่ายมองมาทางเราแล้วมันแฝงไปด้วยความกลัว มีอะไรจะทำให้พวกมันกลัวได้อีก ? แน่นอนว่าเป็นเพราะข่าวที่เราได้ทำลายล้างขุมพลังทั้งสองได้แพร่ออกไปแล้ว “
เหลาเหลาได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งพูดว่า
“เจ้าจะบอกว่าเป็นเพราะผู้อาวุโสที่ห้าได้เล่าเรื่องนั้นออกไปทำให้ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกกลัวว่ากลัวจะลงเอยแบบเดียวกันกับขุมพลังทั้งสองดังนั้นถึงได้เปลี่ยนใจและยอมสยบแต่โดยดี ? ”
นางทำความเข้าใจสิ่งต่างๆพร้อมกับพูดว่า
“คิดเป็นอื่นไปไม่ได้จริงๆ ”