Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1428
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเทียนแล้วมันทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้เปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน
“ตาแก่นั่นฉลาดไม่เบาหนิ ”
นางพูดออกมา
“ต่อให้เป็นคนธรรมดาแต่หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ต้องตัดสินใจแบบเดียวกันนั่นแหละ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาและคนอื่นๆพากันเดินทางออกไปเป็นระยะทางที่ไกลเอามากๆ
“ท่านผู้อาวุโส เราไปยังหุบเขากลืนนิรันดร์กันเพราะที่นั่นมีสิ่งที่สำคัญต่อรุ่นเยาว์มากๆและต้องให้ท่านช่วยเข้าไปเอามัน ”
เขาได้หันไปพูดกับอสรพิษม่วง
เป็นเพราะว่าภายในสถานที่แห่งนั้นมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่แต่ก็แฝงไปด้วยอันตรายมากมายที่ต่อให้เขตแดนอนันตกาลเข้าไปก็ยังมีโอกาสรอดกลับมาไม่มากดังนั้นแม้ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วก็ยังไม่ปลอดภัยแต่หากว่ามีอสรพิษม่วงติดตามเข้าไปด้วยแล้วจะต้องไม่เป็นปัญหาอะไรอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขาเองก็ได้ชำระความแค้นทั้งหมดไปหมดแล้วก็ควรจะกลับไปเก็บเศษเสี้ยววิญญาณเหล่านั้น
“ไม่มีปัญหา ”
อสรพิษม่วงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
เป็นเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่หลินเทียนได้ขอเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้
“ขอบคุณท่านมาก ”
หลินเทียนตอบกลับ
เขาเดินนำทางคนอื่นๆไปยังเส้นทางแห่งหนึ่งพร้อมทั้งข้าวมิติไปหลายครั้งจนไปถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง
จะบอกว่ามันเป็นหุบเขาก็ไม่น่าจะถูกเพราะมันมีพื้นที่กว้างใหญ่อย่างมากแถมยังอยู่บนเทือกเขาหลายพันลูกจึงไม่เหมาะที่จะใช้คำนี้เอามากๆ
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับกลุ่มหมอกที่ล่องลอยอยู่ตามอากาศเสมือนว่าเป็นดินแดนแห่งความตายก็ไม่ปาน
ความรู้สึกเดียวหลังจากที่มองไปทางมันนั้นล้วนทำให้ผู้คนผงะไป
“นี่คือสถานที่ๆเจ้าว่า ?! น่ากลัวจริงๆ ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะระดับพลังของนางไม่ได้สูงมากก็จริงแต่จิตสัมผัสของนางก็ไม่ธรรมดาและตระหนักได้ดีว่าสถานที่แห่งนี้มันแตกต่างออกไปแถมยังอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายที่หม่นหมอง
“หากว่าไม่อันตรายข้าก็คงจะเข้าไปนานแล้ว คิดว่าจะรออยู่จนถึงตอนนี้หรือไง ”
หลินเทียนหันมองออกไปทางอสรพิษม่วงพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ท่านผู้อาวุโสรู้สึกยังไงบ้าง ? ”
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“แต่ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรมาก ”
หลินเทียนยิ้มตอบกลับไปว่า
“งั้นก็ต้องขอรบกวนท่านด้วย ”
เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนต้องห้ามจึงไม่พบมนุษย์คนอื่นแม้แต่น้อย หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พากันเดินเข้าไปจากมุมๆหนึ่งของสถานที่แห่งนี้
ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปก็สามารถสัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นตัวลงอย่างฉับพลันเสมือนว่าเป็นดินแดนทมิฬก็ไม่ปาน
“เย็นจริงๆ ”
เหลาเหลาอดสั่นไปไม่ได้
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยแววตาที่ส่องประกายออกมาพลางก้าวเดินต่อเข้าไปด้านใน
ภายในสถานที่แห่งนี้มีสายลมอ่อนๆพัดผ่านเป็นระยะๆส่งผลให้อากาศเย็นตัวลงยิ่งกว่าเก่า
พื้นดินค่อนข้างเปียกชื้นแถมหลายๆที่ยังเป็นสีแดงอมน้ำตาลเสมือนว่าเคยชโลมไปด้วยเลือดอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขาพากันเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยที่มีอสรพิษม่วงเป็นคนเดินนำทางเข้าไป
“โร๊ว ~! ”
เสียงกู่ร้องถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏร่างของอสูรร้ายแววตาสีเขียวขจีส่งกลิ่นอายของจักรพรรดิว่างเปล่าออกมา
อสรพิษม่วงโบกมือของมันออกไปตบร่างของอีกฝ่ายปลิวออกไปไกล
เป็นเพราะสำหรับเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้วเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาพากันก้าวเดินเข้าไปภายในซึ่งระหว่างทางก็ต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูรมากมายแต่ก็ถูกอสรพิษม่วงเก็บกวาดไปจนหมด
ไม่นานอากาศก็ยิ่งเย็นตัวลงอย่างมากพร้อมทั้งพบกับสันเขาที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำทมิฬเข้มข้นกว่าสถานที่อื่นๆและร่างเจ็ดร่างยืนอยู่ตรงหน้า
“ยังอยู่ที่เดิมอีก ”
ดวงตาของหลินเทียนหดเล็กลงโดยทันที
เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะเห็นได้ว่าร่างทั้งเจ็ดร่างนี้ล้วนแล้วแต่สวมชุดที่เก่าแก่โบราณแถมยังไม่มีสัญญาณชีวิตเลยแม้แต่น้อยทำให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีชีวิตอีกแล้วทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงและพลังสัจธรรมอันเข้มข้นที่ส่งออกมามันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“นี่มัน…….?! ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“คงไม่ใช่ซอมบี้เขตแดนนิรันดร์แท้จริง ?! ”
เป็นเพราะนางเองก็ไม่สามารถสัมผัสถึงสัญญาณชีวิตจากอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อยทว่ากลิ่นอายที่ส่งออกมานั้นทรงพลังยิ่งกว่ามาก ถึงขั้นที่กึ่งนิรันดร์แท้จริงไม่สามารถเทียบได้เลยด้วยซ้ำ
ขนาดอสรพิษม่วงเองก็ยังได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“บอกได้เลยว่าก่อนตายพวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเป็นอย่างน้อย “
มันเป็นตอนนี้เองที่ร่างทั้งเจ็ดต่างหันมองมาในทิศทางเดียวกัน
เหลาเหลาเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปพลางส่งเสียงออกมาว่า
“พวกเขาเห็นเราแล้ว ! ”
ไม่รู้เลยว่าร่างทั้งเจ็ดนี้คงอยู่มานานขนาดไหนแต่สภาพร่างกายกลับยังอยู่ดีสมบูรณ์ถึงขั้นที่สายตาที่เย็นชาของพวกเขาให้ความรู้สึกเสมือนว่าเป็นผู้ส่งสารทั้งเจ็ดจากขุมนรกก็ไม่ปาน
“ท่านผู้อาวุโสจัดการพวกเขาได้ไหม ? ”
หลินเทียนถามออกมา
เป็นเพราะทั้งเจ็ดร่างนี้ล้วนแข็งแกร่งอย่างมากซึ่งครั้งก่อนเองก็เป็นเพราะร่างทั้งเจ็ดนี้ทำให้เขาต้องรีบหนีกลับออกไปและตอนนี้แม้ว่าระดับพลังของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นแล้วแต่ก็ยังรู้สึกกดดันถึงขั้นที่ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
อสรพิษม่วงได้หันมองออกไปยังร่างทั้งเจ็ดพร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่มีปัญหา ”
แม้ว่าเขตแดนนิรันดร์แท้จริงจะแข็งแกร่งและน่ากลัวทว่าอีกฝ่ายก็เป็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณเท่านั้นดังนั้นสำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วมันก็บอกให้เขาถอยห่างออกไปพร้อมทั้งระเบิดคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นออกมา
ร่างทั้งเจ็ดที่อยู่ห่างออกไปและเห็นว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ต่างพากันแผดกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกออกไปรอบทิศทาง
อสรพิษม่วงได้ส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งคำรามอย่างดังก่อนที่ร่างกายจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นอสรพิษร่างยักษ์ที่ตวัดหางอันทรงพลังเข้าใส่ร่างทั้งเจ็ดอย่างไม่ปราณี
เสียงตู้มม ~! ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างทั้งเจ็ดถูกกระแทกลอยเคว้งหายไปจากระยะสายตาของพวกเขา
“นี่…ร้ายกาจจริงๆ ! ”
เหลาเหลาถึงกับกลืนน้ำลายกลับลงไป
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะแม้จะเคยได้สัมผัสความแข็งแกร่งของอสรพิษม่วงมาก่อนแล้วแต่เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายสำแดงทักษะออกมาแบบนี้แล้วก็ยังอดทำให้เขาประหลาดใจไม่ได้
เขาหันมองออกไปยังร่างทั้งเจ็ดพร้อมทั้งพูดว่า
“น่าเสียดายจริงๆ ”
เป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงดังนั้นหากว่าไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้วเขาก็คงจะสามารถใช้ทักษะหล่อหลอมดูดกลืนพลังจากร่างเหล่านั้นได้ทว่าตอนนี้ร่างกายของอีกฝ่ายถูกความมืดกัดกินไปหมดแล้วทำให้หากเขาดูดกลืนเข้าไปก็จะมีแต่ผลเสียเท่านั้น
“ท่านผู้อาวุโส เราเข้าไปภายในส่วนลึกกันเถอะ ”
เขาหันไปพูดกับอสรพิษม่วง
“ได้สิ ”
อีกฝ่ายตอบกลับ
หลังจากที่กระแทกร่างทั้งเจ็ดปลิวออกไปไกลแล้วพวกเขาก็พากันก้าวเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพวกเขาก็พากันเดินลึกผ่านภูเขาเข้าไปหลายต่อหลายลูก
“ครื้นน ~! ”
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่กรงเล็บอันแหลมคมแหวกออกมาจากพื้นดินด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงที่เข้มข้น
ห่างออกไปไม่ไกลก็ปรากฏร่างของหมียักษ์เขตแดนนิรันดร์แท้จริงที่ส่งกลิ่นอายอันเข้มข้นออกมาเช่นกัน
“ครื้นน ~~! ”
เสียงนี้ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่อสูรทั้งหลายพากันกระโจนเข้าใส่ทางพวกเขาด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังเสียยิ่งกว่าศพทั้งเจ็ดก่อนหน้านี้
“ศพเขตแดนนิรันดร์แท้จริง ?! ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจไม่ต่างกันเพราะไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีศพนิรันดร์แท้จริงอยู่มากมายขนาดนี้
“ก่อนหน้านี้มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงตกตายลงมากมายขนาดนี้เลย ? ”
นี่ทำให้เขาได้แต่ระลึกถึงชื่อของสถานที่แห่งนี้
“ตู้มม ~! ”
สายลมอันเย็นยะเยือพัดผ่านเข้ามาขณะที่ร่างทั้งหลายพากันกระโจนเข้าใส่ด้วยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของกึ่งนิรันดร์แท้จริงแม้แต่น้อยแถมยังถูกเก็บกวาดภายในไม่ช้า
ไม่นานพวกเขาก็พากันก้าวเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
เดินเข้าไปได้ไม่นานก็จะพบกับกลุ่มหมอกสีแดงที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่พื้นดินได้สั่นไหวก่อนที่มิติโดยรอบจะบิดตัวและเผยให้เห็นอักขระมากมายที่สร้างแรงกดดันที่หนักหน่วงออกมา
หลินเทียนและคนอื่นๆได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“นี่มัน……เกิดอะไรขึ้น ?! ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
แม้กระทั่งอสรพิษม่วงเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อย
หลินเทียนเบิกเนตรแห่งสัจธรรมขึ้นมาหันมองออกไปรอบๆด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
“ซวยแล้วสิ ! ”
เขาส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา
เป็นเพราะหลังจากที่เบิกเนตรขึ้นมาแล้วเขาได้พบกับอาณาเขตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวที่ก่อตัวขึ้นจากอาณาเขตสังหารนับสิบชนิด
มันเป็นอาณาเขตสังหารที่มีพลังมากพอจะฝังร่างของนิรันดร์แท้จริงได้ทั้งเป็น
“ตู้มม ~! ”
อักขระมากมายสั่นไหวก่อนที่คลื่นลำแสงสีแดงจะกระเพื่อมออกมาและโถมเข้าใส่ทางพวกเขาด้วยพลังทำลายที่น่าหวาดหวั่น