Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1429
คลื่นพลังสีแดงฉานนี้อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากถึงขั้นที่ทำลายทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในเส้นทางของมัน
อสรพิษม่วงส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพลางระเบิดคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นออกมาเพื่อรับมือการโจมตีนี้เอาไว้
ปรากฏภาพของอสรพิษขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกที่น่าเกรงขามออกมา
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นทว่าคลื่นพลังสีแดงฉานนี้ก็ยังน่าสะพรึงกลัวอยู่ดีและสามารถทำลายภาพร่างเหล่านี้ลงได้ภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
อสรพิษม่วงได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำโต
ทว่าคลื่นพลังสีแดงฉานก็ยังคงเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ด้วยพลังทำลายที่ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
อสรพิษม่วงกัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งสังเวยพลังทั้งหมดออกมาโดยอาศัยพลังของอาวุธนิรันดร์แท้จริงเพื่อต่อต้านการโจมตีนี้เอาไว้
พลังทำลายของทั้งสองอัดเข้าใส่กันอย่างรุนแรงพร้อมสร้างคลื่นพลังอันหนักหน่วงพัดออกไปรอบทิศทาง
“นี่มัน…..”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไปเพราะว่าอสรพิษม่วงที่มีอาวุธนิรันดร์แท้จริงกลับไม่สามารถต่อต้านได้
อสรพิษม่วงกัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะสังเวยการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าเก่าออกมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็เห็นภาพนี้ชัดเจนดีจึงทำให้เขากระวนกระวายอย่างมากแต่ก็พยายามสงบสติเอาไว้เพื่อส่งตรามังกรออกไปรอบๆสำหรับการสำรวจสถานการณ์โดยรอบ
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสิบลมหายใจและมันเป็นช่วงที่คลื่นพลังทำลายก็ยังคงซัดเข้าใส่ร่างของอสรพิษม่วงอย่างต่อเนื่อง
“ท่านผู้อาวุโสถอยกลับมาก่อน ข้าจัดการเอง ”
ณ ตอนนี้เสียงของหลินเทียนได้ถูกส่งออกมา
เป็นเพราะว่าระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังพยายามป้องกันการโจมตีนี้เองไว้เขาก็ได้ใช้เนตรสัจธรรมค้นพบเบาะแสบางอย่างดังนั้นถึงได้กระทืบเท้าขวาลงไปเบาๆพร้อมๆกับแผดตรามังกรออกไปรอบทิศทาง
คลื่นประกายแสงสีแดงฉานยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาอย่างไม่ปราณี
“ฟึ้บบ ~! ”
เสียงนี้ถูกส่งออกมาก่อนที่คลื่นสีแดงฉานจะสลายหายไปเสมือนว่าระเหยไปเฉยๆ
ภาพเหล่านี้ทำให้เหลาเหลาและอสรพิษม่วงได้แต่ผงะไปโดยเฉพาะอสรพิษม่วงที่โง่งมอยู่กับที่
เป็นเพราะว่าขนาดตัวมันที่รีดเอาพลังทั้งหมดออกมาก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้ทว่าหลินเทียนกลับสามารถหยุดยั้งมันลงได้ง่ายๆแบบนี้
“สหายตัวน้อยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆเลยนะ ”
มันถอนหายใจออกมาหลังจากที่มองมาทางเขา
“เจ้าทำได้อย่างไรกัน ? คลื่นพลังนั่นขนาดผู้อาวุโสอสรพิษม่วงเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงที่ใช้พลังของอาวุธนิรันดร์แท้จริงก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้แต่เจ้ากลับทำลายมันลงได้ง่ายๆแบบนี้นี่มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือไง ?! ”
เหลาเหลาส่งเสียงโห่ร้องออกมา
“เคยบอกไว้แล้วไม่ใช่หรือไงว่าข้าเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาณาเขตพื้นที่ ”
หลินเทียนอธิบายออกมา
เหลาเหลาได้แต่ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจว่า
“หมายความว่าไง ? ”
หลังจากนั้นนางก็ได้ถามต่อว่า
“แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง ? พวกมัน……”
นางหันมองออกไปรอบๆพร้อมทั้งพบว่าพื้นที่แห่งนี้ยังคงรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกสีแดงฉานผสมผสานไปด้วยอักขระมากมายที่ให้ความรู้สึกกดดันอย่างมาก
หลินเทียนพูดออกมาว่า
“คลื่นพลังสีแดงเมื่อครู่นี้เป็นหนึ่งในการโจมตีจากการรวมตัวกันของอาณาเขตต่างๆ ข้าอาศัยทักษะพิเศษดึงเอาพลังแบบเดียวกันออกมาใช้เพื่อต่อต้านมัน”
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปรอบๆพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ส่วนสถานการณ์ในตอนนี้ถ้าพูดง่ายๆคือเราเหยียบเข้ามาภายในอาณาเขตสังหารนี้แล้วซึ่งมันครอบคลุมพื้นที่หลายแสนกิโลเมตรและตราบเท่าที่เป็นสิ่งมีชีวิตก็จะถูกเปิดฉากโจมตีโดยทันที ”
“อาณาเขตสังหาร ? ”
เหลาเหลาได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า
“มันเป็นสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นโดยธรรมชาติ ? ”
“อื้ม ก็ใช่ ”
หลินเทียนตอบกลับ
“พลังทำลายของมันเป็นไง ? ”
“ร้ายกาจมากๆ ”
หลินเทียนตอบกลับพลางพูดต่อว่า
“สามารถสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริงลงได้สบายๆ ”
เหลาเหลาที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่จ้องมองตาค้างไป นี่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาต้องตายแน่ๆ ?
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นสีหน้าของนางก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งพร้อมทั้งถามต่อว่า
“เจ้าน่าจะสามารถจัดการมันได้ ? ”
เป็นเพราะว่าในเมื่อเห็นว่าหลินเทียนสามารถอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้แถมยังต่อต้านคลื่นพลังเมื่อครู่ได้ดังนั้นก็น่าจะมีวิธีทำลายอาณาเขตแห่งนี้เพื่อฝ่าออกไป
“สหายตัวน้อยมีวิธีการฝ่าปัญหานี้ออกไปรึไม่ ? ”
อสรพิษม่วงเองก็ได้ถามออกมาเพราะคิดว่าหลินเทียนน่าจะรู้วิธีการจัดการปัญหานี้
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า
“สามารถจัดการได้ ”
หลังจากนั้นก็ได้พูดต่อว่า
“แต่ต้องอาศัยพลังของท่าน ”
เป็นเพราะว่าเขาสามารถสัมผัสถึงสถานการณ์โดยรอบทั้งหมดได้ก็จริงแต่ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้มันไม่เพียงพอจะจัดการปัญหานี้ดังนั้นถึงได้ต้องขอยืมพลังจากกึ่งนิรันดร์แท้จริงเพื่อเพิ่มระดับพลังของตัวเองชั่วคราว
“ตู้มม ~! ”
พื้นที่โดยรอบได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่กลุ่มหมอกทั้งหลายจะพากันโถมเข้าใส่ทางพวกเขาเสมือนว่ามีสติปัญญาของตัวเอง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่อักขระมากมายได้สั่นไหวก่อนที่คลื่นพลังทำลายที่หนักหน่วงกว่าเก่าจะถูกซัดออกมา
อาณาเขตสังหารได้ทำงานอย่างแท้จริง
“ผู้อาวุโส โปรดให้ข้ายืมพลังของท่านและอาวุธนิรันดร์แท้จริงของท่านด้วย ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
อสรพิษม่วงเองก็ไม่ลังเลเลยที่จะถ่ายเทพลังของเขาออกไปพร้อมๆกับส่งอาวุธนิรัดนร์แท้จริงในมือให้เพราะรู้ดีว่าหลินเทียนนั้นเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาณาเขตพื้นที่แบบนี้
ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นไหวเล็กน้อยขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงโถมเข้าใส่ร่างของเขาทำให้เขารีบหมุนวนทักษะฝังมังกรเพื่อส่งตรามังกรมากมายออกไปรอบทิศทาง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้สังเวยเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงทั้งหมดออกมาไม่ว่าจะเป็นกระบี่นิรันดร์หรือแม้กระทั่งเตาพลังวิญญาณเปลวเพลิงธรรมะเพื่อปกป้องร่างกายของทุกคนเอาไว้
เสียงแกร๊ง ! ถูกส่งออกมาขณะที่อาวุธทั้งสามชิ้นปกป้องร่างของพวกเขาเอาไว้อย่างมั่นคง
“หนีไปเร็ว! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับรีบค้นหาจุดอ่อนของอาณาเขตแห่งนี้ก่อนที่จะรีบส่งการโจมตีอันทรงพลังออกไปยังจุดนั้น
เสียงอาวุธคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่พวกเขาต่างพากันพุ่งตามคลื่นพลังทำลายล้างนั้นไปโดยที่แบกรับการโจมตีจากรอบทิศทางก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ขอบของอาณาเขตสังหารนี้และฝ่าออกไปในที่สุด
พริบตานี้เองที่กลุ่มหมอกและอักขระทั้งหลายได้สลายหายไปทั้งหมดขณะที่ประกายแสงที่ห่อหุ้มร่างของเขาได้จางลงและเผยให้เห็นอาวุธนิรันดร์แท้จริงทั้งสามชิ้น
“ออกมาได้แล้ว ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงที่ประหลาดใจออกมา
เป็นเพราะว่าในตอนนี้อากาศโดยรอบไม่ได้อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอีกต่อไป
“สหายตัวน้อยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆเลยนะ ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าด้วยระดับพลังของมันเองก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อยทว่าหลินเทียนกลับสามารถช่วยให้พวกเขาหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย
“หากว่าไม่ได้พลังของผู้อาวุโสแล้วรุ่นเยาว์ก็คงจะไม่มีโอกาสหนีรอดออกมาเหมือนกัน ”
หลินเทียนพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นก็ต้องขอบคุณอาวุธทั้งสามชิ้นนี้ที่สามารถใช้พลังของมันปกป้องร่างกายและเปิดเส้นทางให้กับพวกเราได้ไม่งั้นแล้วเราก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกันไปหมดแล้ว ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้หันมองไปยังอาวุธทั้งหลายที่ส่องประกายแสงอันปั่นป่วนออกมาซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องหนักหนาอะไรเพราะว่าตราบเท่าที่มันยังไม่แตกสลายก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้
“นี่มันเป็นเจตจำนงแห่งสวรรค์แน่ๆที่ให้เราบุกไปยังขุมพลังทั้งสามก่อนมาที่นี่ ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียนเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“น่าจะใช่ ”
หลินเทียนได้เก็บเอาอาวุธทั้งสองกลับไปพร้อมทั้งส่งเตาพลังวิญญาณจี่หยานคืนให้กับอสรพิษม่วงแล้วหยุดพักอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
พวกเขาเดินทางออกไปไม่ช้าไม่เร็วก่อนที่เวลาจะผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม
หนึ่งชั่วโมงมานี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มก้อนแสงสว่างที่ส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาด้วยพลังอันเข้มข้นที่ทำให้รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก