Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1438
เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วดวงตาของเย่ตงถึงกับเปล่งประกายออกมาพลางส่งเสียงว่า
“แล้วเมื่อไหร่ศิษย์จะได้เจอกับศิษย์น้องหญิงกัน ”
เป็นเพราะว่าเขารู้สึกอยากพบกับศิษย์น้องที่ไม่เคยพบกันมาก่อนนี้อย่างมาก
“ไม่นานนี้หรอก ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
สามปีมานี้เย่ตงขยันอย่างมากดังนั้นเขาถึงได้สั่งให้กลับไปพักผ่อนก่อน
หลังจากนั้นเจ็ดวันเย่ตงก็กลับมายังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง
วันนี้เป็นวันที่หลินเทียนต้องการจะออกไปท่องโลกกว้างอีกครั้งดังนั้นถึงได้แจ้งข่าวให้กับผู้คนทั้งหลาย
“ท่านพี่ พวกเราจะไปกับท่านด้วย ”
หลินซี่ส่งเสียงออกมา
จี่หยูและคนอื่นๆเองก็เอ่ยปากแบบเดียวกัน
“โลกภายนอกมันอันตรายมากๆ พวกเจ้าไม่ต้องไปหรอก คอยบ่มเพาะอยู่ที่นี่แหละดีแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าตอนนี้รากฐานสำนักของเขาถือว่ายิ่งใหญ่อย่างมากและเรียกได้ว่าอยู่ระดับแนวหน้าไม่ว่าจะเป็นจักรวาลไหนๆหรือจะเรียกว่ามันเป็นดินแดนแห่งการบ่มเพาะก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ได้วางข่ายอาคมเฉพาะที่จะช่วยดึงเอาพลังแห่งความเชื่อมาใช้งานทำให้การบ่มเพาะเป็นไปได้ราบรื่นยิ่งกว่าเก่า
นี่ทำให้หลินซี่และคนอื่นๆไม่จำเป็นต้องออกไปยังห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่
เขาหวังว่าพวกนางจะคอยบ่มเพาะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยมันถึงจะทำให้เขาโล่งใจได้
หญิงสาวทั้งหลายก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ลังเลออกมาเพราะอยากจะติดตามเขาไปด้วยแต่สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับไป
“เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน ”
จี่หยูได้ส่งเสียงออกมา
พวกนางไม่ได้โง่และรู้ดีว่าหลินเทียนเป็นห่วงพวกนางจึงไม่อยากให้ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายทำให้แม้อยากจะติดตามไปด้วยแต่ก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อไม่ให้หลินเทียนต้องเป็นกังวล
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มออกมา
การที่พวกนางคอยบ่มเพาะอยู่ที่นี่ก็จะทำให้เขาหมดห่วงได้อย่างแท้จริง
เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มันปลอดภัยกว่ามาก
“พวกเราเองก็เตรียมจะออกไปท่องโลกกว้างเหมือนกัน ”
ไป่จี่ฉีส่งเสียงออกมา
“ใช่แล้ว ”
หลิงหยุนส่งเสียงพลางกัดฟันพูดออกมาว่า
“แต่พวกเราจะไม่ไปกับเจ้าเพราะถึงอย่างไรระดับพลังของเจ้ามันก็แข็งแกร่งจนเกินไป หากว่าติดตามเจ้าไปแล้วทุกปัญหาก็คงตกเป็นหน้าที่ของเจ้าและเราจะไม่ได้รับการขัดเกลาอย่างแท้จริง ”
ฟานหยิงซ่งและคนอื่นๆต่างพากันพยักหน้าเพราะพวกเขาล้วนตัดสินใจจะออกไปท่องโลกกว้างโดยที่ไม่ติดตามหลินเทียนไปเพราะเหตุผลเดียวกันกับหลิงหยุน
“พวกเจ้านี่มันคิดมากจริงๆ ข้าไม่สนใจหรอก ถึงอย่างไรก็ปล่อยให้เจ้าหนูหลินมันจัดการปัญหาแล้วเอาทรัพยากรบ่มเพาะมาให้ข้าเพิ่มพลังมันเป็นอะไรที่สะดวกสบายสุดแล้ว ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ข้าจะออกไปท่องโลกกว้างกับเจ้าหนูหลินนี่แหละ ”
หลินเทียนถึงกับแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาเพราะว่าเจ้านี่มันยังกล้าอวดเรื่องแบบนี้ด้วย นี่ใบหน้าของมันหนาขนาดไหนกัน
“ย๊า ! ”
เสี่ยวไท่ชูส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะเหาะออกมาเกาะไหล่ของเขาเอาไว้
“หลังจากที่ศิษย์ทำเรื่องการเผยแพร่คำสอนเสร็จสมบูรณ์แล้วศิษย์เองก็คิดจะออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเผยแพร่คำสอนไปทั่วจักรวาลเช่นกัน ”
เย่ตงส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะช่วงสามปีมานี้เขาเองก็ได้รับประโยชน์มามากมายและรู้ว่าพลังแห่งความศรัทธานั้นสามารถแผดขยายออกไปได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดดังนั้นถึงได้คิดจะช่วยอาจารย์ของเขา
ท้ายที่สุดหลินเทียนก็นำเหลาเหลา จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูมุ่งหน้าออกไปยังหมูดาวบ้านเกิดของนางอย่างหมู่ดาวตงเฮิงส่วนไป่จี่ฉีและคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปโดยที่หญิงสาวทั้งหลายยังคงบ่มเพาะอยู่ภายในสำนักนิรันดร์
ดังนั้นวันนี้ไป่จี่ฉีและคนอื่นๆถึงได้พุ่งออกไปกลางห้วงจักรวาลอย่างรวดเร็ว
“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ”
หลินเทียนหันไปพูดกับพวกเขาทุกคนท่ามกลางห้วงจักรวาล
ป่จี่ฉีและคนอื่นๆต่างเลือกเส้นทางของพวกเขาเพื่อเพิ่มระดับพลังของตัวเอง
ระหว่างนี้เขาก็ได้ถ่ายทอดทักษะหล่อหลอมร่างกายที่ได้รับมาจากผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลภายในดินแดนผนึกยุคบรรพกาลให้พวกเขาโดยที่มันสามารถดูดกลืนพลังจากกายหยาบมาเป็นพลังของตัวเองได้ทำให้ระดับพลังเพิ่มสูงขึ้นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
จะเรียกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เป็นเพราะทักษะชั้นเลิศนี้เลยก็ว่าได้
และเขาเองก็เชื่อว่าการถ่ายทอดพวกมันให้กับไป่จี่ฉีและคนอื่นๆจะไม่มีทางเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดีเด็ดขาด
“เจ้าหนู ไว้เจอกันใหม่ล่ะ ”
หลิงหยุนส่งเสียงออกมา
ไป่จี่ฉีและคนอื่นๆเองก็พากันส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งแยกย้ายกันไปไกล
หลินเทียนได้แต่จ้องมองออกไปยังภาพร่างของพวกเขาจนสุดของจักรวาลก่อนที่จะหันหลังแล้วเหาะออกไป
“เจ้าหนู แล้วดาวที่แม่หนูนี่อยู่มันไกลขนาดไหนกัน ? ใช้เวลานานแต่ไหน ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ไกลมากๆ เรียกได้ว่าด้วยระดับพลังของเราต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็ห้าปี ”
หลินเทียนตอบกลับ
“ห๊ะ ?! นานขนาดนั้นเลย ?! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไป
“ตอนนี้น่ะมันถือเป็นการเดินทางข้ามหมู่ดาว เจ้าคิดว่ามันแค่เหาะไปดาวดวงอื่นหรือไงกัน ? ”
หลินเทียนหันมองไปทางมัน
เป็นเพราะห้วงจักรวาลนั้นกว้างใหญ่อย่างมากและหมู่ดาวตงเฮิงก็อยู่ห่างไกลจากหมู่ดาวที่สวรรค์สิบชั้นตั้งอยู่มากๆจึงใช้เวลานานเป็นปกติ
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าป่วยๆออกมาเพราะแค่คิดมันก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
เหลาเหลาได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ขอบคุณนะที่อุส่านำข้าไปส่งทั้งๆที่ต้องเดินทางไกลขนาดนี้ ”
ณ ตอนนี้นางเองก็อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์แล้วทำให้ร่างกายของนางห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้หลินเทียนปกป้องนางอีกต่อไป
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกเพราะถึงอย่างไรข้าก็ต้องไปที่นั่นอยู่แล้ว ”
หลินเทียนตอบกลับ
ห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่นี้ค่อนข้างสลัวๆและรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีเงินส่องประกายแวววาวระยิบระยับออกมาจากหมู่ดาวโดยรอบ
เป็นเพราะว่าการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานดังนั้นพวกเขาถึงไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปเพียงอย่างเดียวแต่จะหยุดพักเพื่อฝึกฝนทักษะของตัวเองไปด้วย
พริบตาเวลาสามปีก็ได้ผ่านพ้นไป
สามปีมานี้ระดับพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นสูงกว่าเก่ามาก
แถมระยะห่างระหว่างสองหมู่ดาวเองก็ใกล้ขึ้นเช่นกัน
“อีกสองปี ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาเพราะการที่ต้องเดินทางไกลขนาดนี้ทำให้มันหมดคำจะพูดไปทันที
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่มาถึงหมู่ดาวนี้แล้วก็ยังต้องเดินทางกว่าสองปี
“ก็ถือซะว่าเป็นการออกมาเที่ยวเล่นในห้วงอวกาศแล้วกันจะได้ไม่คิดว่ามันน่าเบื่ออยู่เฉยๆ ”
หลินเทียนตอบกลับ
จระเข้เบญจธาตุได้เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับตอบว่า
“เจ้านี่ก็คิดได้เยอะ ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นก็จะยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก………”
หลินเทียนตอบกลับ
ระหว่างนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันพร้อมทั้งหยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน
จระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปตามทิศทางเดียวกันก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนสีไป
เพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับพื้นที่ๆล่องลอยอยู่กลางห้วงจักรวาลและรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอก
“นี่มัน ?! ”
สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุเปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะหลินเทียนนั้นได้เก็บเอาตำราจากห้วงอวกาศกลับมามากมายซึ่งคนอื่นๆเองก็ต่างอ่านมันหมดแล้วทำให้รู้ว่าสถานที่แบบนี้เป็นสถานที่ๆอันตรายถึงขั้นที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังตกตายลงได้ง่ายๆ
“รีบหลบเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
สำหรับเขาแล้วการหลบมันถือเป็นความคิดที่ดีที่สุดในตอนนี้
นี่ทำให้พวกเขาพากันเบี่ยงตัวหลบออกไปไกลภายในชั่วพริบตา
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่ม่านจักรวาลได้บิดตัวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับแรงดึงดูดอันเข้มข้นที่ส่งออกมาจากใจกลางของพื้นดินแห่งนั้น
แรงดึงดูดนี้ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเสมือนว่ากำลังถูกมือที่มองไม่เห็นคว้าร่างเอาไว้แล้วลากร่างของพวกเขาเข้าไปใกล้มัน
“โดนดึงไปแบบนี้เลยรึ ?! ให้ตาย……..”
จระเข้เบญจธาตุก่นด่าออกมา
“ถึงแล้ว !!! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
การที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ๆอันตรายแบบนี้มันทำให้พวกเขาไม่อยากจะอยู่เอามากๆ
“คงไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าแรงดึงดูดนี้โอบร่างของพวกเขาเอาไว้นี้ทำให้เขาพยายามขัดขืนและหนีไปแต่หลังจากที่สำรวจด้วยจิตสัมผัสแล้วกลับพบว่าสถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยม่านพลังที่แข็งแกร่งถึงขั้นที่เขตแดนอนันตกาลก็ยังไม่สามารถทำลายมันลงได้
นี่ทำให้เขารีบสังเวยกระบี่อันทรงพลังออกมาฟาดฟันออกไป
กระบี่สีทองอร่ามนี้พุ่งผ่านออกไปอย่างเต็มกำลังซึ่งมันเป็นพลังทำลายที่สามารถสังหารเขตแดนกึ่งอนันตกาลลงได้ง่ายๆทว่าหลังจากที่เข้าปะทะแล้วกลับสลายหายไปอย่างฉับพลัน
“นี่มัน ?! ”
จระเข้เบญจธาตุและเหลาเหลาได้แต่ผงะไป