Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1442
ภายในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเศษซากตำหนักมากมายที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่สามารถระบุได้และรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่เก่าแก่
หลินเทียนหันมองออกไปภายในห้องโถงของมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันกับที่ได้รับตอนอยู่ที่ขอบของผืนแผ่นดินนี้
“เข้าไปที่ใจกลางกัน ”
เขาหันไปพูดกับทั้งสองคน
จระเข้เบญจธาตุได้ถามออกมาว่า
“พบอะไร ? ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งตอบว่า
“มันมีกลิ่นอาบแบบเดียวกันกับม่านพลังที่ขอบผืนแผ่นดินนี้ น่าจะพอมีเบาะแสอะไรบ้าง ”
จระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นต่างมีดวงตาเปล่งประกายออกมาโดยทันที
“ไปกันเถอะ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้พวกเขาพากันก้าวเดินออกไปภายในอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปยังห้องโถงในระยะประชิดแล้วจะพบว่าอากาศโดยรอบเย็นตัวลงอย่างมากแถมยังมีกลิ่นอายแปลกๆรายล้อมอยู่รอบทิศทาง
เมื่อเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ดูไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อยก็ทำให้พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะก้าวเข้าไป
เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาดังนั้นก็ต้องมีความกล้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเบาะที่จะนำพวกเขาออกไปนั้นอยู่ที่นี่ดังนั้นยังไงก็ต้องเข้าไปอยู่ดี
ภายในห้องโถงนี้ค่อนข้างสลัวๆแต่กลับกว้างใหญ่อย่างมากเสมือนว่าเป็นโลกใบเล็กที่ทอดยาวออกไปไกลเลยก็ว่าได้
ภายในสถานที่แห่งนี้มีกลิ่นอายแบบเดียวกันถูกส่งออกมาจากภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ทำให้หลินเทียนและคนอื่นๆรีบมุ่งหน้าตรงออกไป
“ตึ้ก ”
“ตึ้ก ”
“ตึ้ก”
เสียงฝีเท้าถูกส่งออกมาท่ามกลางความเงียบสงบ
หลินเทียนเดินนำออกไปไม่ช้าไม่เร็วจนถึงภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งพบกับร่องรอยมากมายไม่ว่าจะเป็นรอยแตกหัก รอยกระบี่มากมายที่กระจายอยู่รอบทิศทางรวมถึงเศษซากระดูกและอาวุธซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นที่นี่
แต่ที่สำคัญที่สุดคือเศษเสี้ยวอาวุธเหล่านั้นผสมผสานกลิ่นอายนิรันดร์เอาไว้
“อย่างน้อยๆผู้ที่ต่อสู้กันที่นี่ก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเป็นอย่างต่ำ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งมุ่งหน้าเข้าไปภายในต่อไป
ไม่นานพวกเขาก็ได้เข้าไปถึงห้องโถงหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในส่วนลึก
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับประตูหินที่เปิดกว้างและเผยให้เห็นพื้นที่โล่งกว้างที่ชโลมไปด้วยคราบเลือดที่เหือดแห้ง
ใจกลางของสถานที่แห่งนี้มีร่างของชายชราชุดดำคนหนึ่งถูกหอกแหลมเสียบเอาไว้กลางหน้าอกโดยที่ไม่มีสัญญาณชีวิตใดๆลงเหลืออยู่ซึ่งที่ด้ามหอกเองก็มีร่างๆหนึ่งที่กำลังคว้ามันเอาไว้และดูเหมือนว่าจะเป็นการโจมตีที่สังเวยชีวิตตัวเองทะลวงผ่านร่างของชายชราชุดดำ
“ทั้งสองคนนี้ตกตายลงไปพร้อมๆกัน ?! ”
หลายๆคนได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
หลินเทียนได้แต่มองออกไปยังร่างทั้งสองซึ่งพบว่าในมืออีกข้างของอีกฝ่ายกำลังกำตราโบราณที่ส่งกลิ่นอายแบบเดียวกันกับม่านพลังภายนอกสถานที่แห่งนี้
คนอื่นๆเองก็เห็นแบบเดียวกันทำให้ดวงตาของพวกเขาต่างเปล่งประกายออกมาโดยทันที
“หากว่ามีมันก็จะต้องก้าวข้ามม่านพลังไปได้อย่างแน่นอน ! ”
ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุเปล่งประกายออกมา
นี่ทำให้หลินเทียนไม่ลังเลเลยที่จะก้าวเดินออกไป
กลิ่นอายหลงเหลือที่ซากศพทั้งสองส่งออกมานั้นทรงพลังอย่างมากถึงขั้นที่ว่าพวกเขายังรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว
“กลิ่นอายของทั้งสองคนนี้มันแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้ เลือดที่กระเซ็นไปทั่วห้องก็น่าจะเป็นของทั้งสองคนนี้ ขนาดเวลาผ่านมานานขนาดนี้กลับไม่ได้สลายหายไปแถมยังส่งกลิ่นคาวเลือดไปทั่วทั้งห้องอีก ”
จระเข้เบญจธาตุผงะไป
หลินเทียนเองก็รู้สึกแบบเดียวกันก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปใกล้พร้อมๆกับคนอื่นๆ
ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่แรงกดดันที่พวกเขาต้องแบกรับก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
เสมือนว่าห้วงจักรวาลกำลังกดทับร่างของพวกเขาเอาไว้
หลินเทียนได้มองไปยังเจ้าของหอกพร้อมทั้งยื่นมือออกไปเอาตราโบราณนั้นอย่างระมัดระวัง
ตราโบราณขนาดเท่าฝ่ามือนี้สลักอักษรโบราณคำว่า หยวน เอาไว้ซึ่งไม่รู้เลยว่ามันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุอะไรแต่กลับมีน้ำหนักที่สูงมากถึงขั้นที่หลินเทียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกมันกดทับเลยก็ว่าได้
“ได้มาแล้ว ! ”
ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาเพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นแบบเดียวกันกับม่านพลังได้อย่างชัดเจนดังนั้นพวกเขาจะต้องสามารถออกไปจากที่นี่เมื่อมีมันได้แน่ๆ
หลังจากนั้นมันก็ได้หันมองไปทางหอกที่ตรงร่างของชายชราเอาไว้พลางพูดต่อว่า
“เจ้าหนู หอกนี่มันก็เป็นของดีไม่เบาเลยนะ รีบเอาไปเถอะ ”
หลินเทียนนั้นตระหนักดีอยู่แล้วและแม้ว่ามันจะรายล้อมไปด้วยรอยปริแตกเสมือนว่าแค่แตะเบาๆก็แหลกสลายได้แต่กลิ่นอายที่มันส่งออกมากลับทรงพลังถึงขั้นที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอาวุธนิรันดร์แท้จริงที่เขามี
เขาไม่ลังเลเลยที่จะยื่นมือออกไปเบื่อดึงมันออกมา
“บึ้สส ~! ”
แต่มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงหนึ่งถูกส่งออกมาพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
คลื่นพลังจิตสัมผัสอันเข้มข้นถูกส่งออกมาจากร่างของชายชราชุดดำพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนและคนอื่นๆ
นี่ทำให้สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาปกป้องร่างกายของเขาและคนอื่นๆเอาไว้
“แกร๊ง ! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่เจดีย์ราชันอมตะสั่นไหวไม่หยุดเสมือนว่าถูกกระแทกเข้าด้วยขุนเขาทำให้ร่างของหลินเทียนปลิวออกไปกระแทกเข้ากับผนังหินที่อยู่ห่างออกไปอย่างแรงจนแทบกระอักเลือดออกมา
มันเป็นเพราะว่าเจดีย์ราชันอมตะนั้นแข็งแกร่งอย่างมากไม่งั้นแล้วพวกเขาก็คงเป็นฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแทน
ชายชราที่ถูกหอกทะลวงผ่านหน้าอกด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากซากศพได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยกลิ่นอายชีวิตที่เบาบางอย่างมาก
มันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายอันทรงพลังได้พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา
“คืนชีพ ?! ”
จระเข้เบญจธาตุถึงกับผงะไป
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงสัญญาณชีพของอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อยและนึกว่าน่าจะตายลงเหมือนๆกับเจ้าของหอกนี้แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่อีก
“เป็นเพราะมีหอกทะลวงร่างเอาไว้ถึงได้อยู่ในสภาพกึ่งตายแต่เนื่องจากสัญญาณชีพของเราทำให้มันฟื้นขึ้นมา ? ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
ชายชราได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยดวงตาที่ล้ำลึกและราบเรียบเป็นอย่างมากพลางจ้องมองมาทางตราโบราณในมือของหลินเทียนพร้อมทั้งหยุดอยู่ที่เจดีย์ราชันอมตะด้วยดวงตาที่ยิ่งล้ำลึกขึ้นไปอีกก่อนที่จะส่งจิตสัมผัสอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนเพียงคนเดียว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิตสัมผัสระดับนี้แล้วหลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อส่งถ่ายพลังลงไปในเจดีย์ราชันอมตะเพื่อปกป้องร่างของพวกเขาเอาไว้
คลื่นพลังจิตสัมผัสที่เข้มข้นได้กระแทกเข้าใส่กลางเจดีย์ราชันอมตะอย่างจังทำให้หลินเทียนและคนอื่นลอบเคว้งออกไปไกลด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว
“บึ้สสส ~! ”
มิติโดยรอบส่งเสียงออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นจิตสัมผัสยังคงอัดเข้าใส่ทางเขาด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างมากพร้อมทั้งเข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
หลินเทียนไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ทันดังนั้นถึงได้สังเวยเอาวงเวทย์สังสารวัฏออกมาผสานพลังเข้ากับเจดีย์ราชัยอมตะอย่างรวดเร็ว
“ตู้มมม ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมา
ตู้มมม ~!
หลินเทียนได้ถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลอีกครั้งพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาในขณะที่คนอื่นๆเองก็ลอยเคว้งออกไปไม่ต่างกัน
“ไอ้แก่นี่มันอยู่ในเขตแดนอะไรกันแน่ ?! ดูเหมือนคนใกล้จะตายอยู่แล้วยังแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้เลยงั้นรึ ! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
“หนีเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาขณะที่โอบร่างของทุกคนเอาไว้ด้วยคลื่นพลังพร้อมทั้งพุ่งหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ชายชราชุดดำคนนี้แข็งแกร่งไร้เทียมทานอย่างมากถึงขั้นที่ต่อให้พวกเขารวมพลังกันก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้
ณ ตอนนี้การใช้โอกาสขณะที่อีกฝ่ายเพิ่งฟื้นขึ้นมาหนีไปนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดไม่งั้นหากว่ายังอยู่ต่อก็จะต้องตายอย่างแน่นอน