Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1445
หลินเทียนนั้นรู้ดีว่านางรู้สึกขอบคุณเขามากๆและอยากจะช่วยให้เขาไปเก็บกู้เอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่เลยเดียวนี้แต่ก็รู้ดีว่านางนั้นคิดถึงครอบครัวอย่างมากเนื่องจากทุกคนก็คงจะเป็นห่วงนางกันไม่น้อยดังนั้นเขาถึงได้คิดว่าการนำนางกลับไปที่บ้านก่อนนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“งั้นก็กลับไปที่บ้านของเจ้ากันก่อนเพื่อให้คนอื่นๆรู้สึกหมดห่วงก่อนเถอะ นี่คือความกตัญญู ไม่ว่าเรื่องไหนความกตัญญูก็ต้องมาก่อน ”
เขาหันมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเองก็น่าจะคิดถึงพวกเขามากๆหนิ ”
เหลาเหลานั้นเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงเป็นอย่างมากแต่คำพูดของหลินเทียนนั้นทำให้นางรู้สึกกินใจอย่างมากเพราะนางเองก็คิดถึงครอบครัวอย่างสุดหัวใจดังนั้นถึงได้พยักหน้าซ้ำๆโดยทันที
“อื้ม ขอบคุณนะ ข้าจะกลับไปที่ตระกูลก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นข้าจะค่อยนำทางเจ้าไปยังสถานที่ๆมีประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมา ”
นางพูดออกมาด้วยท่าทางที่ซาบซึ้งอย่างมาก
เป็นเพราะว่านางรู้ดีว่าหลินเทียนให้ความสำคัญกับสิ่งๆนั้นมากๆเนื่องจากเขาไม่ลังเลเลยที่จะเดินทางข้ามพื้นที่มาเป็นระยะเวลากว่าหลายปีแต่กลับไม่เลือกที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น
ทว่ากลับคิดถึงเรื่องของนางเป็นอย่างแรกนี่มันทำให้นางรู้สึกกินใจสุดๆ
“ไปกันเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าก่อนแล้วค่อยไปค้นหามันทีหลัง ”
หลินเทียนพูดออกมา
เหลาเหลาเป็นคนนำทางพวกเขาตรงไปยังตะวันออกก่อนที่จะฉีกมิติออกไปหลายต่อหลายครั้งคนไปถึงสถานที่ๆกว้างใหญ่ภายในเวลาสี่ชั่วโมง
เมื่อมองออกไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่นี้แล้วจะพบว่าห่างออกไปมันเต็มไปด้วยตำหนักขนาดใหญ่มากมายรายล้อมไปด้วยหยกและทองคำที่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างมาก
“ถึงแล้ว นี่แหละตระกูลของข้า ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
การที่ต้องพลัดหลงอยู่กว่าสิบๆปีแล้วได้กลับมานี่มันทำให้นางมีความสุขอย่างมาก
“ตระกูลของเจ้านี่มัน…ไม่ธรรมดาเลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งอดแสดงสีหน้าที่ว่างเปล่าออกมาไม่ได้
แม้ว่ามันจะเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่าตระกูลของนางนั้นไม่ธรรมดาแต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองแล้วก็อดผงะไปไม่ได้อยู่ดี
หลินเทียนนั้นมีสีหน้าที่ราบเรียบเป็นอย่างมากเพราะแม้ว่าตระกูลของนางจะยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามก็จริงแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกตกตะลึงได้
เหลาเหลาเดินนำทางพวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นใครกัน ? มี….”
ศิษย์เฝ้าประตูของตระกูลเจียงได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะผงะไปหลังจากที่มองไปยังเหลาเหลา
“นี่……คุณหนู ?! ”
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆก็ต่างพากันหันมองมาเป็นสายตาเดียวกัน
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที ท่านหายไปไหนในช่วงหลายปีมานี้ ? ท่านผู้นำตระกูลและท่านบรรพบุรุษกระวนกระวายอย่างมาก”
ผู้คนทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ระหว่างนี้ก็มีศิษย์ที่รีบวิ่งกลับเข้าไปภายในเพื่อรายงานเรื่องเหล่านี้
เหลาเหลาได้พูดกับศิษย์เหล่านี้เล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในตระกูลพร้อมๆกับหลินเทียนและคนอื่นๆ
ภายในตระกูลของนางมีพลังฉีที่เข้มข้นอย่างมากซึ่งระหว่างที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปกันอยู่นั้นเสียงพุ่งผ่านอากาศก็ได้ถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏร่างของชายชราที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาถึงขั้นทำให้แววตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเล็กน้อย
“อนันตกาลตอนปลาย ”
เขาพึมพำอยู่ภายในใจ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้หันมองออกไปยังร่างคนอื่นๆที่มีระดับพลังต่ำสุดอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลาง
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าตระกูลของแม่หนูน้อยนี่จะไม่ธรรมดาจริงๆ ”
เป็นเพราะมันเองก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี
“ท่านปู่จู”
“ท่านพ่อ ท่านผู้อาวุโสใหญ่……”
เหลาเหลาก้าวออกไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก
“กลับมาได้ก็ดีแล้ว ! ดีจริงๆ ! ”
ชายชราชุดม่วงที่อยู่หน้าสุดซึ่งต้องเรียกว่าปู่จูนั้นเป็นตัวตนระดับบรรพบุรุษของตระกูลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของขุมพลังนี้
“ออกไปเที่ยวเล่นเป็นสิบๆปีนี่ทำให้ทั้งตระกูลพากันวุ่นวายไปหมดแล้ว ! ”
พ่อของเหลาเหลาที่เป็นผู้นำตระกูลได้ส่งเสียงออกมาด้วยความเป็นห่วง
เหลาเหลาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีดังนั้นถึงได้กล่าวคำขอโทษออกไปยกใหญ่
หลังจากนั้นนางก็ได้หันมองมาทางหลินเทียนพร้อมทั้งแนะนำให้เขารู้จักกับคนอื่นๆว่า
“ท่านปู่จู ท่านพ่อ ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ที่หนูกลับมาถึงที่นี่ได้ล้วนแล้วเป็นความชอบของเขาทั้งหมดเพียงผู้เดียว ”
นางได้จูงแขนของหลินเทียนเอาไว้พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาออกไป
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเองก็ได้แต่พากันหันมองออกไปเพราะก่อนหน้านี้ความสนใจทั้งหมดของพวกเขาอยู่ที่ตัวของเหลาเหลาทว่าเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาแล้วพวกเขาก็พากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
“ขอบคุณสหายตัวน้อยมากๆ ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้ส่งเสียงออกมาอย่างสุภาพถึงแม้ว่าระดับพลังของเขาจะสูงกว่ามากก็ตามที
ผู้นำตระกูลเจียงเองก็ก้าวออกมาพร้อมทั้งพูดขอบคุณว่า
“ขอบคุณสหายตัวน้อยจริงๆ ลูกสาวข้าเองก็เป็นเด็กดื้อไม่เชื่อฟัง หลายปีมานี้คงจะลำบากไม่น้อยเลยสินะ”
“ผู้อาวุโสทั้งสองก็สุภาพเกินไปขอรับ พวกเราเป็นเพื่อนกันดังนั้นการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันมันเป็นสิ่งที่ต้องพึงกระทำอยู่แล้ว รุ่นเยาว์ยินดีเสมอ ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายและอนันตกาลตอนปลายแล้วเขาก็ยังคงดูสบายๆอย่างมาก
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เคยพบเจอกับตัวตนระดับนี้มาแล้ว
“จะพูดแบบนั้นได้อย่างไรกัน สหายตัวน้อยช่วยเหลือนางมามากแล้วจะไม่ให้เราขอบคุณได้อย่างไร ? ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงส่งเสียงออกมา
วันนี้เป็นวันที่ตระกูลเจียงได้จัดงานฉลองการกลับมาของเหลาเหลาครั้งใหญ่ผนวกกับการต้อนรับหลินเทียนไปพร้อมๆกัน
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนเองก็ได้อาศัยอยู่ภายในตระกูลเจียงอยู่กว่าสามวันเนื่องจากการต้อนรับอย่างอบอุ่นของทุกคน
หลังจากสามวันได้ผ่านพ้นไปเขาก็ได้บอกลากับบรรพบุรุษและคนอื่นๆเพื่อเตรียมออกเดินทางไปหาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ต่อไป
คนอื่นๆเองก็รู้ว่าหลินเทียนมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการดังนั้นถึงไม่ได้รั้งเอาไว้พร้อมทั้งออกมาส่งหลินเทียนและคนอื่นๆด้วยตัวของพวกเขาเอง
“หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดแล้วก็มาเยี่ยมพวกเราได้เสมอนะ ประตูหน้าของเราเปิดกว้างสำหรับสหายตัวน้อยเสมอ หากว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ช่วยและตราบเท่าที่พวกเราพอช่วยได้ก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเอ็นดูเหลาเหลาเอาอย่างมากและการที่นางหายตัวไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็ทำให้เขาถึงขั้นใช้พลังทั้งหมดออกไปตามหาดังนั้นการที่หลินเทียนกลับมาส่งนางได้แบบนี้แถมยังได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากเหลาเหลาก็ทำให้เขารู้สึกขอบคุณหลินเทียนอย่างมาก
ผู้นำตระกูลเจียงเองก็พูดออกมาแบบเดียวกันด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก
“ขอบคุณความมีน้ำใจของพวกท่าน ”
หลินเทียนตอบกลับอย่างสุภาพ
เหลาเหลาเองก็อยู่ที่นี่เช่นกันดังนั้นถึงได้หันไปพูดกับบรรพบุรุษและพ่อของนางว่า
“ท่านปู่ ท่านพ่อ หนูขอไป……”
“เหลาเหลา ”
ทันใดนั้นเองที่มีเสียงถูกส่งออกมาขัดจังหวะคำพูดของนางเอาไว้โดยทันที
ห่างออกไปไม่ไกลปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งซึ่งมีผู้คุ้มกันเป็นชายชราสามคนพุ่งเข้ามาทางตระกูลเจียงอย่างรวดเร็วก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดอยู่ที่ร่างของนางด้วยสายตาที่อ่อนโยน