Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1446
ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาขณะที่ชายชราที่อยู่ด้างหลังสามคนนั้นคนหนึ่งอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นและอีกสองอยู่ในตอนกลาง
“หวูซี่ มาแล้วงั้นรึ ”
บรรพบุรุษตระกูลเจียงได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่มีความสุขเล็กน้อย
อีกฝ่ายนั้นมีชื่อว่าหวูซี่ได้หันมาแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษและคนอื่นๆก่อนที่จะพูดว่า
“แน่นอนว่ารุ่นเยาว์ได้ยินข่าวเรื่องที่เหลาเหลากลับมาแล้วถึงได้รีบมาที่นี่โดยทันที ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปทางเหลาเหลาด้วยสายตาที่อ่อนโยนพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“เหลาเหลา เจ้าสบายดีไหม ? ”
“อื้ม ขอบคุณที่เป็นห่วง ”
เหลาเหลาตอบกลับไป
หลินเทียนหันมองออกไปทางเหลาเหลาและพบว่าดูเหมือนนางจะไม่ถูกกับชายคนนี้เพราะแม้ว่าคำพูดของนางจะฟังดูสุภาพแต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งหันมองไปทางบรรพบุรุษและคนอื่นๆก่อนที่จะบอกลาพวกเขาพลางหันหลังเดินออกไป
“โอ้ ? ”
เหลาเหลาได้คว้าหลินเทียนเอาไว้พร้อมกับพูดว่า
“ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วหรือไงว่าจะให้ข้าไปกับเจ้า ? แล้วเจ้าจะบอกลาข้าไปทำไมกัน ? ”
“อุส่าได้กลับมาหลังจากที่พลัดพรากกันไปตั้งหลายสิบปี เจ้าควรจะอยู่ดูแลพ่อและบรรดาคนของเจ้าที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องมากับข้าหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็ได้รับรู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่มาจากนางแล้วดังนั้นต่อให้นางไม่ติดตามไปด้วยก็ไม่ได้เป็นผลอะไร
ทว่าความเป็นจริงแล้วการที่ไม่มีนางติดตามไปด้วยจะทำให้เขาจัดการสิ่งต่างๆได้เร็วขึ้นเพราะถึงอย่างไรสถานที่ๆเป็นที่ตั้งของมันก็คงจะไม่เป็นมิตรมากนักและหากว่าต้องเผชิญหน้ากับอันตรายก็จะต้องยื่นมือออกไปปกป้องนางซึ่งต่างออกไปจากจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่แข็งแกร่งกว่านางในทุกๆด้าน
เหลาเหลาคว้ามือของเขาเอาไว้เพราะนางเองก็รู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรดังนั้นถึงได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า
“เจ้ากำลังผลักไสข้า ! คิดว่าถ้าข้าไปด้วยแล้วจะเป็นตัวถ่วงของเจ้า ! ”
หลินเทียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ว่า
“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ”
การโต้เถียงของพวกเขาทำให้ผู้คนโดยรอบสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่สนิทสนมใกล้ชิดกันอย่างมาก
นี่ทำให้ดวงตาของหวู่ซี่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจหลินเทียนเลยแม้แต่น้อยแต่หลังจากที่เห็นเหลาเหลาจับมือของหลินเทียนแล้วสายตาของเขาก็อดหันมองไปทางหลินเทียนไม่ได้
“เหลาเหลานี่ใครงั้นรึ ? ”
เขามองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เพื่อนของข้า ”
เหลาเหลาตอบกลับสั้นๆ
หวูซี่มองไปทางหลินเทียนด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า
“สวัสดี ข้าชื่อว่าหวูซี่ ในเมื่อเป็นเพื่อนของเหลาเหลาก็ถือว่าเป็นเพื่อนของข้า ยินดีที่ได้รู้จัก ”
“หลินเทียน ”
หลินเทียนยื่นมือออกไปจับมืออีกฝ่ายพร้อมทั้งตอบกลับสั้นๆ
เป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้มันจอมปลอมอย่างมาก
“สหายหลินดูน่าเกรงขามไม่เบาเลยหนิ ไม่ธรรมดาเลยนะ ”
หวูซี่ส่งเสียงออกมา
“สหายหวูก็ชมเกินไป ”
หลินเทียนตอบกลับ
แม้ว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายจะลวงโลกก็ตามทีแต่เขาก็เข้าใจคำว่าไม่ควรตบหน้าคนที่กำลังยิ้มอยู่ดีดังนั้นถึงได้ตอบรับอย่างสุภาพและยิ้มแย้ม
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปทางคนอื่นๆพร้อมทั้งบอกลาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ให้ข้าตามไปด้วยจริงๆ ? ”
เหลาเหลาได้จูงเขาเอาไว้
หลินเทียนหันมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่จำเป็นหรอก ใช้เวลากับครอบครัวของเจ้าเถอะแล้วข้าจะกลับมารบกวนก่อนที่ข้าจะจากไปอีกครั้งแล้วกัน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วหากว่าเจ้ายังมีเวลาก็ค่อยนำข้าไปเที่ยวเล่นในดาวดวงนี้แล้วกัน ”
“งั้น…เอาตามนั้นแล้วกัน อย่าลืมที่เจ้าพูดไว้ล่ะว่าจะต้องมาหาข้าก่อนที่เจ้าจะไปแล้วให้ข้าพาเจ้าเที่ยวที่ดาวดวงนี้ หากว่าเจ้าไม่ทำตามสัญญาข้าจะไปที่ดาวของเจ้าเพื่อคิดบัญชีแน่ๆ ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่านางเองก็ตระหนักดีว่าตัวนางยังอ่อนแอเกินไปดังนั้นการติดตามหลินเทียนไปก็จะมีแต่เป็นตัวถ่วงเท่านั้น
ระหว่างนี้นางเองก็รู้ดีว่าหลินเทียนไม่ใช่คนในโลกนี้ดังนั้นหลังจากที่ได้รับกลุ่มก้อนพลังนั้นแล้วก็จะต้องจากไปจึงต้องคิดว่าจะทำอะไรให้กับเขาก่อนจะจากไปดี
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะกลับมาหาเจ้าก่อนที่จะจากไปอย่างแน่นอน ”
เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นก็ได้หันไปพยักหน้าให้กับคนอื่นๆแล้วก้าวเดินออกไป
หวูซี่มองตามหลังของเขาไปด้วยดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกอยู่ภายในส่วนลึกแต่ภายนอกยังคงแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างเคย
“ท่านบรรพบุรุษ ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย รุ่นเยาว์เองก็ขอตัวเช่นกันขอรับ ”
เขาแสดงความเคารพให้กับคนอื่นๆพลางพูดออกมา
“ไม่อยากจะเข้าไปกันก่อน ? ”
“ไม่เป็นไรขอรับเพราะแค่เห็นว่าเหลาเหลายังอยู่ดีรุ่นเยาว์ก็มีความสุขแล้ว อีกอย่างนางเองก็คงมือเรื่องมากมายอยากจะเล่าให้พวกท่านฟังดังนั้นเอาไว้อีกสักพักรุ่นเยาว์ค่อยกลับมาเยี่ยมใหม่ ”
หวูซี่ส่งเสียงออกมา
เขามองไปทางเหลาเหลาด้วยสีหน้าที่อบอุ่นก่อนที่จะบอกลาทุกคนแล้วจากไป
……….
หลินเทียนเดินทางออกจากตระกูลเจียงไปไกลมากๆแล้วในตอนนี้
จากข้อมูลที่ได้มาจากเหลาเหลานั้นประกายแสงเจ็ดสีอยู่ภายในทวีปตะวันตกของดาวดวงนี้ซึ่งมีชื่อว่าอาณาเขตต้าฮ้วงซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าสิ่งชั่วร้ายและถือว่าเป็นสถานที่ขัดเกลาความสามารถที่เลื่องชื่อของดาวดวงนี้
อย่างไรก็ตามแม้จะพูดว่ามีผู้คนเข้าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายแต่ก็อยู่แค่ขอบนอกของมันเท่านั้นแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปภายในส่วนลึกเนื่องจากมันเป็นที่อยู่ของตัวตนที่น่าสะพรึงกลัว มีเพียงเขตแดนอนันตกาลเท่านั้นที่กล้าเหยียบเข้าไป
ทว่าประกายแสงเจ็ดสีที่ว่านั้นอยู่ภายในส่วนลึกที่สุดของสถานที่แห่งนั้นซึ่งแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ก็ไม่มีใครสามารถเก็บกู้มันกลับออกมาได้ไม่เว้นแม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลก็ตามที
“จากที่นี่ไปที่นั่นมันไกลมากไหม ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ก็ไม่ไกลมาก ”
หลินเทียนพูดต่อว่า
“หากว่าเหาะไปเรื่อยๆน่าจะประมาณสี่ชั่วโมง ”
เขาไม่ได้ฉีกมิติออกแต่ก้าวเดินเท้าออกไปอย่างสบายใจ
ไม่นานพวกเขาก็เดินตัดผ่านภูเขาออกไปหลายสิบลูกเป็นระยะทางที่ไกลมากๆ
และมันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะหันมองกลับไป
“ออกมา ”
เขาส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันพร้อมทั้งรีบหันมองกลับไป
สายลมอ่อนๆพัดไปมาก่อนที่มิติตรงหน้าจะบิดเบี้ยวและเผยให้เห็นร่างของชายชราคนหนึ่ง
“เป็นเจ้า ”
จระเข้เบญจธาตุได้หรี่ตาของเขาลงเพราะจดจำได้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนรับใช้ของหวูซี่
อีกฝ่ายที่ปรากฏตัวออกมาเป็นชายชราชุดคลุมสีเทาที่ส่งกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออก
“จิตสัมผัสดีใช้ได้หนิ ”
เขาหันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบๆ
“หวูซี่สั่งให้เจ้ามา ? มันต้องการอะไร ? ”
หลินเทียนในตอนนี้มีสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมากเพราะเขาเองก็จดจำอีกฝ่ายได้ดี
“แม่นางเหลาเหลานั้นไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าใกล้ก็ได้ เจ้าทำให้นายน้อยของข้าไม่สบอารมณ์ ”
ชายชราพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้ว่าจะถูกค้นพบว่าแอบสะกดรอยตามมาก็ตาม
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ตระหนักได้ถึงเป้าหมายของอีกฝ่ายโดยทันที
เป็นเพราะว่าความสนิทสนมที่เหลาเหลามีต่อเขาทำให้หวูซี่ไม่พอใจและรู้สึกอิจฉาถึงได้ส่งคนมาฆ่าเขา
“แม่หนูนั่นตาดีจริงๆเลยนะ ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเองก็ตระหนักได้ว่านางดูจะไม่สบอารมณ์กับหวูซี่เอามากๆและตอนนี้เขาก็เข้าใจเหตุผลได้ในที่สุด…….ที่แท้ก็เป็นเพราะนางรู้ดีอยู่เต็มอกแล้วว่าหวูซี่มันไม่ใช่คนดีถึงไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายแต่เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลไม่งั้นนางที่เป็นคนตรงๆก็คงจะไม่เหลียวมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
แต่ความเป็นจริงแล้วเขาเองก็ไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าแล้วด้วยซ้ำเพราะคิดว่ารอยยิ้มของมันจอมปลอมเกินไปทว่าก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะโหดเหี้ยมและชั่วร้ายถึงขั้นที่คิดจะฆ่าเขาหลังจากที่เห็นว่าเหลาเหลาสนิทกับตน
“กลับไปบอกมันด้วยว่าข้าเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดาๆกับนางเท่านั้น อย่าตั้งตนเป็นศัตรูกับคนอื่นมั่วซั่วดีกว่า”
เขาหันไปพูดกับอีกฝ่าย
“คิดว่ามันเป็นไปได้ ? ”
ชายชรายังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่ก้าวเดินเข้าหาทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่แผดพลังเทวะออกมาอย่างเข้มข้น
“นายน้อยต้องการให้เจ้าหายไปจากโลกนี้ มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณหนูเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคงอยู่ของเจ้าทำให้นายน้อยของข้าไม่พอใจ ”
“อื้มก็ดี ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“แต่เจ้าคิดจริงๆรึว่าจะฆ่าข้าได้ ? แน่ใจนะว่าจะไม่เสียใจทีหลัง ? ”
“ข้าเองก็เป็นเพียงแต่จักรพรรดิว่างเปล่าก็จริงแต่ก็เพียงพอจะฆ่าเจ้า ! ”
ชายชราตอบกลับ
เป็นเพราะเขาคิดว่าในเมื่อหลินเทียนนั้นเป็นเพื่อนกับเหลาเหลาแล้วก็คงจะอยู่ในเขตแดนที่ใกล้เคียงกันดังนั้นการจะสังหารหลินเทียนก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ข้างๆได้แต่มองไปทางชายชราเสมือนว่ากำลังมองลิงโง่ๆ
“ไอ้แก่ คำพูดและท่าทางแบบนั้นนี่คิดจะมาหยอกพวกเราเล่น ? ”
เป็นเพราะประโยคเมื่อครู่ที่แสดงเหมือนว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของตัวเองนี่มันทำให้พวกเขารู้สึกอยากจะหัวเราะอย่างมาก