Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1447
เมื่อมองออกไปยังชายชราที่อยู่ห่างออกไปแล้วจระเข้เบญจธาตุเองก็ได้แต่คิดว่าอีกฝ่ายนี่ไม่ได้ต่างไปจากตัวตลกเลยแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งเสี่ยวไท่ชูเองก็ยังอดผงะไปไม่ได้และได้แต่จ้องมองออกไปพลางกุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้เพื่อส่งเสียงหัวเราะออกมา
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงขณะที่จ้องมองกลับไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพลางพูดว่า
“หลังจากที่ฆ่ามันแล้วก็ถึงคราวของพวกเจ้าทั้งสอง ! ”
ร่างกายของเขาเปล่งประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นพร้อมทั้งคว้ามือตบอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
นี่ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งแหลกสลายหายไปอย่างฉับพลัน
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาพร้อมทั้งยื่นนิ้วชี้ออกไปรับฝ่ามือที่อีกฝ่ายซัดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้า ?! ”
ชายชรามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
ฝ่ามือของเขาไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อยซึ่งตัวเขาเองก็คิดว่ามันสามารถสังหารหลินเทียนลงได้ง่ายๆแล้วจะได้ไปสังหารจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่อแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะสามารถรับการโจมตีเต็มกำลังของเขาได้ด้วยนิ้วๆเดียวเท่านั้น
“ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าด้วยระดับพลังเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าของเจ้ามันเพียงพอจะฆ่าข้าอยู่ไหม ? ”
หลินเทียนถามกลับไป
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของชายชราตกต่ำลงอย่างมากขณะที่ร่างกายแข็งค้างไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวกลิ่นอายนิรันดร์ที่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไม่หยุด
“เจ้า……”
ตอนนี้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา
เป็นเพราะไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหลินเทียนจะอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะ
คนที่เขาต้องลอบสังหารกลับอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะ !
บึ้สส ~!
เขาได้ถอนมือกลับมาพร้อมทั้งไม่ลังเลเลยที่จะหันหลังพุ่งหนีไป
หลินเทียนเผยรอยยิ้มจางๆออกมาก่อนที่จะส่งคลื่นพลังออกไปปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้พร้อมทั้งกระแทกร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง
“สหายตัวน้อยโปรดเมตตา ! อย่าฆ่าข้าเลย ! ”
ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดโดยที่ไม่ได้มีท่าทางอวดเก่งเหมือนตอนแรกหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่พูดขึ้นว่า
“ตอนแรกข้าก็อุส่าให้โอกาสเจ้าแล้ว เป็นเจ้าเองที่ไม่คว้ามันเอาไว้ ”
ชายชราส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า
“ข้า….”
พุฟฟ~!
หลินเทียนตวัดนิ้วส่งลำแสงทะลวงผ่านหน้าผากของอีกฝ่ายเพื่อทำลายดวงวิญญาณของมันไปแล้วเหลือร่างเนื้อเอาไว้เปล่าๆ
“ไอ้แก่นี่…..”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดังพร้อมทั้งหันไปถามหลินเทียนว่า
“แล้วเจ้าจะเก็บร่างของมันเอาไว้ทำไมกัน ? ”
“เอาไว้ให้เจ้าหล่อหลอมมันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองไง ”
หลินเทียนตอบกลับ
“หล่อหลอม ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่ใช่ว่าทักษะนั้นเป็นทักษะของมนุษย์เท่านั้น ? ”
เป็นเพราะว่าช่วงที่หลินเทียนได้รับทักษะนี้มาก็เคยถ่ายทอดให้มันแล้วแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถฝึกฝนได้เนื่องจากมันเป็นทักษะที่มีไว้สำหรับมนุษย์เท่านั้น
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะเพราะระหว่างทางที่มาที่นี่หลายปีมานี้ข้าก็ใช้เวลาปรับเปลี่ยนมันทั้งหมดทำให้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูรก็สามารถใช้งานมันได้ง่ายๆ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วจระเข้เบญจธาตุก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“จริงๆงั้นรึ ?! ไม่ได้โกหกลุงจระเข้นะ ?! ”
เป็นเพราะว่ามันรู้ดีว่าทักษะนั้นแข็งแกร่งและไร้เทียมทานขนาดไหน หากว่าสามารถเชี่ยวชาญมันได้แล้วเส้นทางบ่มเพาะในอนาคตก็จะยิ่งกว้างไกลขึ้นอย่างแน่นอน
“แล้วข้าเคยโกหกเจ้าหรือไง ? ”
หลินเทียนตวัดนิ้วส่งคลื่นจิตสัมผัสทะลวงผ่านเข้าไปยังทะเลความรู้ของมันเพื่อสลักข้อมูลต่างๆของทักษะนี้ลงไป
ระหว่างนี้เขาก็ได้ส่งมันให้กับเสี่ยวไท่ชูเช่นกัน
ในอนาคตตราบเท่าที่มีร่างกายหยาบก็ที่เหมาะสมก็สามารถเก็บเอาไว้เพื่อทำการหล่อหลอมได้และจะทำให้ระดับพลังของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
จระเข้เบญจธาตุได้หลับตาของมันลงพร้อมทั้งอ่านข้อมูลต่างๆที่อยู่ภายในทะเลความรู้ของมันก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายออกมา
“ได้จริงๆด้วย ! ”
เป็นเพราะว่ามันสามารถฝึกฝนทักษะนี้ได้แล้ว
“ข้าบอกแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมาพลางพูดต่อว่า
“หาที่สงบๆหล่อหลอมมันกันแล้วค่อยมุ่งหน้าไปยังดินแดนต้าฮ้วงกัน ”
ร่างกายของชายชรานั้นมีเพียงจระเข้เบญจธาตุที่หล่อหลอมได้เนื่องจากมันอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแต่เขาและเสี่ยวไท่ชูนั้นอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางและจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางซึ่งถือว่ามีระดับพลังที่สูงกว่าตัวของชายชราด้วยซ้ำดังนั้นการที่จะหล่อหลอมมันไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี
นี่ทำให้เขากวาดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปโดยรอบเพื่อค้นหาสถานที่ปลอดภัยก่อนที่จะวางข่ายอาคมปิดกั้นเอาไว้เพื่อให้จระเข้เบญจธาตุได้เริ่มการหล่อหลอมร่างกายของมัน
“ลุงจระเข้จะเริ่มล่ะนะ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหมุนวนทักษะอันแข็งแกร่งเพื่อเริ่มการดูดกลืนพลังจากศพของชายชราที่อยู่ตรงหน้า
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามวันซึ่งร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่ายได้แหลกสลายหายไปขณะที่ระดับพลังของจระเข้เบญจธาตุพุ่งสูงขึ้นถึงเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลาย
“ได้ผลจริงๆด้วย ! ”
มันส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
จนถึงช่วงที่ผ่านไปได้พักหนึ่งมันถึงจะสงบลงด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
“อย่าเห่าหอนอยู่เลย ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
จระเข้เบญจธาตุถึงกับแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“เจ้าหนู ไอ้ระยำหวูซี่นั่นล่ะจะเอายังไง ? ”
เป็นเพราะเพียงแค่หลินเทียนและเหลาเหลาสนิทสนมกันกลับกล้าส่งคนมาฆ่าพวกเขาแบบนี้แล้วมันทำให้จระเข้เบญจธาตุรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ขี้เกียจจะไปตามล่ามัน เอาไว้รอให้พบกันก่อนค่อยฆ่ามันเลยก็แล้วกัน ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ตระกูลหวูของหวูซี่เองก็เป็นหนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้ซึ่งนอกเหนือจากนี้ก็ยังมีตระกูลเจียง ตระกูลจ้าวและนิกายสังหารทวยเทพที่แข็งแกร่งอย่างมากแถมสถานะของหวูซี่ในตระกูลเองก็ไม่ธรรมดาแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
เป็นเพราะตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องไปจัดการจึงไม่อยากเสียเวลาออกไปตามล่ามันเท่านั้นจึงกะเอาไว้ว่าจะรอให้ได้พบกันครั้งหน้าก็ค่อยฆ่ามันอย่างไม่ปราณี
“ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงกัดฟันพูดออกมา
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ รีบมุ่งหน้าไปยังดินแดนต้าฮ้วงกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เสี่ยวไท่ชูยังคงนอนเกาะไหล่ของเขาเอาไว้ขณะที่พวกเขาพากันมุ่งหน้าตรงไปยังทวีปทางตอนใต้ซึ่งมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนั้น
………..
ตระกูลหวู
ตระกูลแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในขุนเขาอันยิ่งใหญ่ที่ส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและพลังฉีออกมาอย่างเข้มข้น
“นายน้อยขอรับ ตะเกียงวิญญาณของคนที่เราส่งไปสังหารคนที่ชื่อว่าหลินเทียนได้ดับลงแล้ว เขาตายแล้วขอรับ ”
คนรับใช้ได้รายงานออกมา
สีหน้าของหวูซี่ถึงกับตกต่ำลงอย่างมากเพราะว่าคนที่เขาส่งไปเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแล้วจะล้มเหลวได้อย่างไรกัน ?
หรือว่าระดับพลังของหลินเทียนสูงกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้น ?
“ในเมื่อล้มเหลวก็แสดงว่ามันเองก็คงจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนลงมือ ไม่สามารถปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่อีกต่อไปได้แล้ว ”
เขาโบกมือส่งตราโบราณที่ส่งกลิ่นอายอนันตกาลอันเบาบางออกไปให้กับอีกฝ่ายแล้วพูดว่า
“ฆ่ามันให้ได้ก่อนที่มันจะไปพบกับเหลาเหลา”
“ขอรับนายน้อย ! ”
อีกฝ่ายรับเอาตรานี้ไปพร้อมทั้งหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
………….
หลินเทียน จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันเดินทางออกไปในทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากนัก
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสี่ชั่วโมงเต็ม
ณ ตอนนี้พวกเขาได้พบกับพื้นดินที่โล่งกว้างถึงขั้นที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมันเลยด้วยซ้ำ
“ถึงแล้ว ”
หลินเทียนพึมพำออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เป็นเพราะว่าจากคำพูดของเหลาเหลาแสดงให้เห็นว่าเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ที่นี่
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะหันไปพูดกับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูพร้อมทั้งก้าวเท้าออกไป
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับต้นไม้เก่าแก่ที่แห้งเหี่ยวไปกันหมดแล้วซึ่งมันให้บรรยากาศที่รกร้างเป็นอย่างมากแต่ก็ยังมีเสียงอสูรคำรามถูกส่งออกมาเป็นพักๆพร้อมพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังขัดเกลาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ภายใน
“พุฟ ~! ”
สัตว์อสูรเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าถูกฟันจนศีรษะขาดออกจากกันทำให้เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งออกมาจากอีกฟากขณะที่มนุษย์คนหนึ่งถูกกลืนลงไปทั้งเป็น
กลุ่มคนที่มาที่นี่หลายคนสามารถสังหารศัตรูได้แต่แน่นอนว่าก็มีบางคนที่กลับกลายเป็นอาหารของเหล่าอสูรเช่นกัน
หลินเทียนไม่ได้สนใจในกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งมุ่งหน้าตรงเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
“ตู้มม ~! ”
กลิ่นอายของเขตแดนปลุกพลังถูกส่งออกมาอย่างเข้มข้นขณะที่อสูรปักษาได้คว้ากรงเล็บอันแหลมคมเข้าใส่ทางเขา
หลินเทียนไม่แม้แต่จะหันมองไปทางมันด้วยซ้ำพลางก้าวเดินต่อไป
“เจ้าหนูน้อย อย่ามาขวางทางพวกข้า ”
จระเข้เบญจธาตุได้หันมองไปทางมันเล็กน้อย
วินาทีที่สบตาเข้ากับจระเข้เบญจธาตุก็ทำให้ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมันถึงกับสั่นสะท้านไปไม่หยุดพร้อมๆกับความกลัวที่ไหลทะลักออกมาจากส่วนลึกของหัวใจพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปทันที
เพราะถึงอย่างไรจระเข้เบญจธาตุเองก็เป็นเผ่าอสูรดังนั้นมันถึงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นที่มันแผดออกมาได้ว่าสามารถสังหารตนลงได้อย่างง่ายดาย
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรและยังคงมุ่งหน้าต่อไป
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสี่ชั่วโมงเต็มซึ่งพวกเขาได้ไปถึงใจกลางของสถานที่แห่งนี้
“ช่วยด้วย ! ”
น้ำเสียงโห่ร้องถูกส่งออกมาจากชายหนุ่มชุดดำที่กำลังวิ่งหนีวานรยักษ์ความสูงกว่าร้อยเมตร…….