Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1448
ชายหนุ่มชุดดำนั้นอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างมากซึ่งอสูรที่ไล่ตามหลังเขาเองก็อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมารอบทิศทาง
“ช่วยข้าด้วย ! ”
เขาส่งเสียงโห่ร้องออกมาพร้อมทั้งพุ่งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
โร๊วว ~!
เสียงสัตว์อสูรคำรามถูกส่งออกมาพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
“ช่วยด้วย ! ”
ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงโห่ร้องออกมาอีกครั้ง
หลินเทียนที่กำลังเดินผ่านออกไปเห็นเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้อยู่เฉยพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่สีทองอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไปกระแทกอีกฝ่ายจนปลิวออกไปไกล
“ขอบคุณมากๆ ! ”
ชายหนุ่มคนนั้นวิ่งเข้ามาหาหลินเทียนพร้อมทั้งพูดแสดงความขอบคุณอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเผือดแถมยังเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัวกำลังนั่งพักหายใจด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะจากที่มองดูแล้วหลินเทียนยังดูอายุน้อยมากๆทว่ากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าอสูรเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลมาก
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย ”
หลินเทียนตอบกลับ
อีกฝ่ายได้แสดงความขอบคุณอีกครั้งพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ข้ามีชื่อว่าเจียงยี่ชวน ……ข้าขอติดตามเจ้าไปด้วยได้ไหม ? ”
เป็นเพราะว่าเขาเองก็มาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เช่นกันซึ่งก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่ขอบๆขอบสถานที่แห่งนี้เท่านั้นแต่บังเอิญถูกคลื่นพายุอันทรงพลังซัดร่างของเขาเข้ามาใจกลางของสถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมายซึ่งด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้มันถือว่าเป็นหายนะเลยด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนดังนั้นถึงได้อยากจะติดตามหลินเทียนไปด้วย
เป็นเพราะเขาคิดว่าจะต้องสามารถไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน
หลินเทียนได้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งเพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องเข้าไปเอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ที่อยู่ภายในถึงไม่อยากให้อีกฝ่ายตามเข้าไปด้วยเนื่องจากมันจะกลายเป็นตัวถ่วงของเขา
“ได้โปรดเถอะ ”
เจียงยี่ชวนส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
หลินเทียนได้ถอนหายใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ก็ได้ ”
เจียงยี่ชวนแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาอย่างมาก
“ขอบคุณ ! ขอบคุณจริงๆ ! ”
หลินเทียนโบกมือของเขาพร้อมทั้งเริ่มก้าวเดินออกไปภายในอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนี้ก็เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรอยู่มากมายซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกจัดการลงง่ายๆแถมยังพบกับสมุนไพรที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขาแต่ก็ยังพอมีประโยชน์ต่อจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูซึ่งบางส่วนก็แบ่งให้กับเจียงยี่ชวนด้วยเช่นกัน
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะว่าแม้สำหรับหลินเทียนแล้วมันจะไม่มีค่าเลยด้วยซ้ำทว่าสำหรับเจียงยี่ชวนมันกลับเรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเจียงยี่ชวนได้เปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่พบว่าหลินเทียนกำลังยิ่งเดินลึกเข้าไปด้านใน
“นี่เจ้า….คงไม่ได้กำลังคิดจะเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ใช่ไหม ? ”
เขาถามออกมา
หลินเทียนพยักหน้าตอบกลับไป
หลังจากที่ได้ยินคำตอบนี้แล้วเจียงยี่ชวนก็ได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“ได้ยิน….มาว่าภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยอสูรร้ายมากมาย ! เจ้าไปที่นั่นไม่ได้นะ ! มันรนหาที่ตายชัดๆ ! ”
เป็นเพราะแม้เขาจะเห็นว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งมากจึงต้องสามารถกลับออกไปได้ง่ายๆแน่ๆแต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนกลับมุ่งตรงเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ที่มีเพียงเขตแดนอนันตกาลเท่านั้นถึงจะกล้าเข้าไป
“มันใช่เรื่องที่ควรจะพูดไหม ?! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงที่ไม่สบอารมณ์ออกมา
หลินเทียนได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า
“หากว่าเป็นกังวลก็แยกกันตรงนี้ก็ได้นะ ”
หลังจากนั้นเขาก็ยังคงมุ่งหน้าตรงเข้าไป
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูยังคงก้าวเดินเข้าไปพร้อมๆกับเขา
เจียงยี่ชวนได้แต่มองออกไปยังเส้นทางที่หลินเทียนกำลังเดินไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นแต่ก็ได้แต่กัดฟันแล้ววิ่งตามไป
เป็นเพราะว่าเขาได้ออกห่างจากศูนย์กลางของสถานที่แห่งนี้มาไกลมากแล้วดังนั้นหากว่าแยกกันตรงนี้ก็คงจะไม่สามารถรับมือกับสัตว์อสูรที่อยู่แถบนี้ได้แน่ๆแต่หากว่ายังติดตามหลินเทียนไปแม้มันจะอันตรายแต่ก็ยังมีโอกาสรอดเหลืออยู่
เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่การติดตามหลินเทียนไปเท่านั้น
หลินเทียนที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงติดตามเขามาด้วยก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหกชั่วโมงเต็ม
กว่าหกชั่วโมงมานี้อากาศโดยรอบหม่นหมองลงอย่างมากแถมความมืดเองก็ปกคลุมโลกใบนี้เอาไว้อย่างสมบูรณ์
เสียงกู่ร้องคำรามของสัตว์อสูรถูกส่งออกมาอย่างดังและกังวานกว่าตอนยังสว่างมาก
เป็นเพราะช่วงเวลากลางคืนคือช่วงที่เหล่าอสูรตื่นตัวที่สุด
และมันเป็นตอนนี้เองที่พวกเขาพากันเดินเข้าไปภายในขณะที่กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
“อีกไม่ไกลมากแล้ว ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้มีกลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีอยู่ซึ่งเขาเองก็มั่นใจว่ามันเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อย่างแน่นอนแต่หลังจากที่สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของกระบี่เทวะแล้วเขาก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี
“โร๊วว ~~ ”
เสียงกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นกวาดออกไปรอบทิศทาง
แสงจันทร์ได้ตกกระทบพื้นโลกและห่อหุ้มสถานที่แห่งนี้เอาไว้ซึ่งหากมองออกไปไม่ไกลจะพบกับอสูรขนาดใหญ่ความเร็วไม่ได้สูงมากแต่กลับส่งกลิ่นอายอันเข้มข้นของเขตแดนนิรันดร์อมตะออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่มีวิหกร่างยักษ์กำลังโบยบินอยู่ในอากาศด้วยกลิ่นอายเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายที่ทำให้มิติโดยรอบฉีกขาดและแหลกสลายหายไป
ทางตะวันออกเฉียงใต้ปรากฏตะขาบเพลิงขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกมีดวงตาสีแดงก่ำส่งกลิ่นอายของนิรันดร์ออกมา
ห่างออกไปไม่ไกลก็สามารถพบได้กับกลุ่มอสูรมากมายที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา
“นี่มัน…..”
เจียงยี่ชวนได้แต่สั่นสะท้านไปโดยทันที
เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ดีว่าเพียงแค่กลิ่นอายของอีกฝ่ายก็สามารถบดขยี้เขาลงได้ง่ายๆ
“เก็บกลิ่นอายเอาไว้ อย่าให้พวกมันสัมผัสได้ ”
หลินเทียนส่งเสียงกระซิบออกมา
เป็นเพราะแม้ว่าอสูรเหล่านี้จะไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาก็จริงแต่เหตุผลที่ระมัดระวังก็เพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอสูรเขตแดนอนันตกาลอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้แถมยังมีมากกว่าหนึ่งตัว !
หากว่าเกิดการปะทะกันขึ้นจริงๆแล้วมันชักนำอสูรเขตแดนอนันตกาลออกมาหนึ่งถึงสองตัวก็จะกลายเป็นหายนะไปทันที
เขาปิดบังกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้พร้อมทั้งอ้อมผ่านเส้นทางออกไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสองชั่วโมง
ในตอนนี้เองที่เขาได้นำทางผู้คนทั้งหมดเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้โดยที่หลบเลี่ยงเหล่าสัตว์อสูร
ภายในหุบเขาแห่งนี้มีประกายแสงเจ็ดสีส่องประกายออกมาจากกลุ่มก้อนพลังงานขนาดเท่าๆกับกำปั้นที่ทำให้สัจธรรมที่อยู่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
“พบแล้ว ! ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาขณะที่จ้องมองออกไปยังภาพตรงหน้า
เป็นเพราะว่ามันคือเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ไม่มีผิด !
จระเข้เบญจธาตุได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ที่นี่………มันมีของแบบนี้อยู่จริงๆ ?! ”
เป็นเพราะมันเองก็ได้ยินมาจากปากของหลินเทียนก่อนแล้วว่าเป้าหมายในการมาครั้งนี้ก็เพื่อกลุ่มก้อนพลังนี้แต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองแล้วก็ยังอดประหลาดใจไปไม่ได้
“นี่มัน มีอยู่มากมายขนาดไหนกัน ? ”
เป็นเพราะตอนที่ยังอยู่ในดาวสวรรค์สิบชั้นมันก็เห็นหลินเทียนเก็บเกี่ยวเอากลุ่มก้อนพลังงานแบบเดียวกันไปมากมายแต่เมื่อได้เห็นกลุ่มก้อนพลังแบบเดียวกันที่ดาวดวงอื่นก็ทำให้มันอดผงะไปไม่ได้
เจียงยี่ชวนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพลางส่งเสียงออกมาว่า
“นี่มัน……..มันเป็นประกายแสงนิรันดร์ในตำนาน ?! ได้ยินมาว่ามันเป็นสมบัติที่แม้แต่เขตแดนอนันตกาลก็ยังอิจฉา ?! ”
เป็นเพราะว่ามีตำนานเก่าแก่ที่เล่าขานกันไปทั่วทั้งดาวอยู่ว่าภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของกลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีที่อัดแน่นไปด้วยโอกาสนับไม่ถ้วนและได้ชื่อว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของดาวที่ขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลของหลายขุมพลังก็ยังไม่สามารถเก็บมันกลับไปได้
เขาเองก็รู้ดีว่ามันเป็นตำนานที่เป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนแต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวในในระยะประชิดแบบนี้แล้วก็ยังอดแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่ได้
“รออยู่ตรงนี้แล้วกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์อสูรอยู่เลยแม้แต่น้อยจึงคิดว่าจะเข้าไปเก็บมันกลับมาด้วยตัวคนเดียว
“เจ้าอยากจะเอามัน ?! อย่าไปนะ ! ”
เจียงยี่ชวนส่งเสียงออกมาพลางพูดว่า
“ขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้เลยด้วยซ้ำ เจ้าจะได้รับหายนะเอานะ ! ”