Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1449
หลินเทียนไม่ได้สนใจในคำเตือนของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปทางหุบเขาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจะไปไม่ได้นะ มันไม่เพียงแค่จะได้รับบาดเจ็บเท่านั้นแต่อาจจะนำพาสัตว์อสูรมาที่นี่ก็ได้! นี่มันอันตรายเกินไป ! ”
เจียงยี่ชวนส่งเสียงออกมาด้วยความกังวล
“หุบปากไปซะ ! ยืนดูอยู่นิ่งๆ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกอยากจะเหวี่ยงมือตบอีกฝ่ายปลิวออกไปไกลเอามากๆ
เป็นเพราะแม้ว่ากลุ่มก้อนพลังงานนั้นจะไม่ธรรมดาและไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้ก็จริงเท่าหลินเทียนนั้นสามารถดูดกลืนมันได้อย่างสบายใจทำให้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้เดินไปเข้าใกล้มันภายในพริบตา
เจียงยี่ชวนที่กำลังมองอยู่ได้แต่ผงะไปเพราะว่าหลินเทียนกลับสามารถเข้าใกล้กลุ่มก้อนพลังงานในตำนานนี้ได้โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนได้โบกมือขวาออกไปพร้อมทั้งทำให้กลุ่มก้อนพลังงานเคลื่อนที่เขาหาตัวเขาด้วยตัวของมันเอง
พริบตานี้เองที่ร่างกายของหลินเทียนได้เปล่งประกายแสงเจ็ดสีอันเข้มข้นออกมาทั้งตัว
เสมือนว่าร่างกายของเขากลายเป็นประกายแสงเจ็ดสีไปแล้วก็ว่าได้
“นี่……..”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุดออกมา
เป็นเพราะว่าตามตำนานแล้วกลุ่มก้อนประกายแสงนี้มันสามารถสยบสัจธรรมทั้งปวงได้และแม้แต่เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ทว่าตอนนี้หลินเทียนที่อยู่ตรงหน้าของเขากลับสามารถผสานเข้ากับมันได้อย่างง่ายดาย
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบ่งบอกระดับพลังที่แน่ชัดของหลินเทียนได้แต่ก็มั่นใจว่ายังไม่ถึงเขตแดนอนันตกาลอย่างแน่นอนทว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้แต่หลินเทียนกลับเก็บมันไปได้ง่ายๆแบบนี้นี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนฝันไปเลยก็ว่าได้
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงเจ็ดสีห่อหุ้มร่างกายของหลินเทียนเอาไว้ก่อนที่จะไหลเข้าไปภายในทะเลความรู้ของเขาอย่างรวดเร็ว
กลุ่มก้อนพลังงานนี้เป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ของเขาดังนั้นหลังจากที่เข้าไปถึงทะเลความรู้ของเขาแล้วก็พุ่งตรงเข้าไปผสานกับกระบี่เทวะอย่างรวดเร็วทำให้ประกายแสงเจ็ดสีส่องคลื่นสะท้อนออกไปทั่ว
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นทำให้ร่างกายของเขาส่องประกายออกมาขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาเริ่มจะเข้าใกล้เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสี่ชั่วโมงเต็ม
ในสี่ชั่วโมงมานี้ประกายแสงได้ถูกหล่อหลอมไปจนหมดขณะที่ระดับพลังของเขาอยู่ห่างจากเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น
และมันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้สำรวจกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้พร้อมทั้งพบว่าอักขระที่รายล้อมเริ่มแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ชัดขึ้นกว่าครึ่งแล้วแต่ก็ยังมีอีกครึ่งที่ยังมัวหมอง”
เขาสำรวจมันโดยรอบพร้อมทั้งพึมพำอยู่ภายในใจว่า
“มันกระจัดกระจายกันไปมากมายขนาดไหนกัน ? แล้วกระบี่นี้มันมีที่มาอย่างไร ? ”
หลายปีมานี้เขาทำการศึกษากระบี่เทวะอยู่อย่างยาวนานแต่นอกเหนือจากเรื่องที่รู้ว่ามันทรงพลังอย่างมากก็ไม่พบเบาะแสอะไรอื่นเลยแม้แต่น้อย
“ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาขนาดไหนถึงจะรวบรวมมันได้ทั้งหมด ”
เขาถอนหายใจออกมา
เป็นเพราะเขามั่นใจเลยว่าหากกระบี่เทวะนี้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วก็จะต้องสามารถฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่งอย่างแน่นอนถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลาอีกนานขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ยังมีความสุขเพราะถึงอย่างไรยิ่งเก็บกู้มันมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถสื่อสารกับกระบี่ได้มากเท่านั้นเพราะเขาสามารถทำให้มันตอบรับเขาด้วยการสั่นไหวได้
แม้จะมีแค่การสั่นไหวแต่ก็ถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เพราะเขาเชื่อว่าหากค้นหาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ได้อีกสักสองถึงสามอันก็จะสามารถเรียกมันออกมาใช้งานได้แน่ๆ
เมื่อถึงตอนนั้นแล้วมันจะกลายเป็นอาวุธสังหารที่ทรงพลังมากถึงขั้นฆ่าล้างศัตรูข้ามสามเขตแดนใหญ่ได้สบายๆ
เมื่อถึงคราวที่กระบี่เทวะได้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งเขาก็เชื่อว่าเขาจะสามารถควบคุมมันได้ดั่งใจนึก
และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วทุกสรรพสิ่งต้องสยบแทบเท้าของเขา !
ท้ายที่สุดเขาก็ได้สำรวจมันอีกเล็กน้อยก่อนที่จะลืมตากลับขึ้นมา
ณ ตอนนี้ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสอย่างเข้มข้นขณะที่มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
เขาส่งความคิดออกไป
นี่ทำให้ประกายแสงที่โอบร่างของเขาเอาไว้ไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขาอีกครั้งก่อนที่จะก้าวออกไปหาจระเข้เบญจธาตุและคนอื่นๆ
“ดีมาก แข็งแกร่งขึ้นมากหนิ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็ส่งเสียงร้องออกมาพร้อมทั้งบินออกมาเกาะไหล่ของหลินเทียนเอาไว้อย่างมีความสุข
มีเพียงเจียงยี่ชวนเท่านั้นที่ได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าสมบัติเทวะจะตกเป็นของหลินเทียนได้อย่างง่ายดายแบบนี้
“เอาล่ะ เราไปกันเถอะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเป้าหมายในการมาได้บรรลุไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ณ ตอนนี้เขาได้เดินนำทางทุกคนกลับออกไปยังเส้นทางเก่าก่อนที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้
อากาศด้านนอกอาณาเขตต้าฮ้วงนั้นบริสุทธิ์อย่างมากแถมยังมีสายลมอบอุ่นอ่อนๆพัดผ่านเข้ามาโดยที่ไม่หลงเหลือความรู้สึกหม่นหมองอยู่เลยแม้แต่น้อย
“แยกกันตรงนี้แล้วกัน ”
เป็นเพราะว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายขอติดตามกลุ่มพวกเขาก็เพราะกลัวสัตว์อสูรที่อยู่ภายในและในเมื่อกลับออกมาได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายติดตามอีกต่อไป
“ดะ..ได้สิ”
เจียงยี่ชวนได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกที่ยังตกตะลึงไม่หาย
หลินเทียนได้พยักหน้าให้กับเขาและไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เจียงยี่ชวนได้แต่มองไปยังแผ่นหลังของหลินเทียนด้วยท่าทางที่เหม่อลอยพลางพึมพำออกมาว่า
“ไม่คิดเลยว่า…..”
หลังจากนั้นไม่นานแววตาที่ประหลาดใจก็ได้จางลงพร้อมทั้งหายไปอย่างช้าๆ
“หากว่าขายข่าวเรื่องนี้ให้กับขุมพลังใหญ่ทั้งหลายแล้ว……”
สายตาของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
……..
หลินเทียนและคนอื่นๆเองก็พากันก้าวข้ามภูเขาหลายต่อหลายลูกไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ไปที่ตระกูลเจียงก่อนเป็นอย่างแรกแล้วไปจากดาวดวงนี้กันหรือไม่ก็หาที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในดาวดวงนี้เพื่อเพิ่มระดับพลังของตัวเอง ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะหลังจากที่ได้รับเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่มาแล้วหลังจากนี้ไม่ว่าจะต้องไปจากดาวดวงนี้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตามสถานที่ต่างๆก็ต้องไปที่ตระกูลเจียงเสียก่อนเพราะถึงอย่างไรเขาก็รับปากแล้วว่าจะกลับไปหาเหลาเหลาแต่หากว่าจะอยู่ที่ดาวดวงนี้ต่อนางก็จะเป็นคนนำทางชั้นเยี่ยมเลยก็ว่าได้
นี่ทำให้พวกพากันเหาะออกไปด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากนัก
หลังจากนั้นไม่นานก็มีร่างสองร่างพากันพุ่งเข้ามาหาทางพวกเขาเพื่อขวางทางเอาไว้
มันเป็นชายชราสองคนที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลาง
“เป็นเจ้า ”
หลินเทียนได้หยุดเท้าลงพร้อมทั้งหันมองออกไปยังชายชราทั้งสองด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ติดตามของหวูซี่ซึ่งหนึ่งในพวกเขาได้รับหน้าที่มาลอบสังหารตนแต่ก็ถูกเขาสังหารไปแล้วและตอนนี้ก็ได้พบกับอีกสองคน ณ ตอนนี้
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไร
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่มีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาพลางพูดว่า
“จับตัวมันไว้เร็วเจ้าหนู นี่มันขุมสมบัติชัดๆ ! มันอุส่ามาพลีกายให้ข้าด้วยตัวเองแบบนี้เลยนะ ! ”
แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพราะคำสั่งของหวูซี่แต่มันก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยเพราะถึงอย่างไรหลินเทียนก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางขั้นปลายทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ต่างไปจากมดในสายตาของหลินเทียนด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้สิ่งที่มันสนใจที่สุดคือกายหยาบของอีกฝ่ายเพราะต้องการให้หลินเทียนทำลายดวงวิญญาณของมันไปเท่านั้นแล้วเลือดเนื้อของชายชราทั้งสองก็จะถูกหล่อหลอมแล้วทำให้มันตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้อย่างแน่นอน
ชายชราทั้งสองยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่แววตาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
“บึ้สสส ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่ประกายแสงเจิดจรัสได้สาดส่องออกมาขณะที่ปรากฏอาวุธที่ส่งกลิ่นอายอนันตกาลออกมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้
“หายไปซะ ! ”
พวกเขาส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่ตราโบราณแผดคลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงไม่ต่างจากห้วงจักรวาลออกมากดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนและคนอื่นๆ