Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1451
สายตาของหลินเทียนถึงกับส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาขณะที่จระเข้เบญจธาตุรู้สึกโกรธถึงขีดสุดเพราะไม่คิดเลยว่าคนที่พวกเขาช่วยชีวิตจะแทงข้างหลังของตัวเอง
เสี่ยวไท่ชูเองก็ยังอดแสดงท่าทางไม่พอใจพลางกำหมัดของตัวเองไปไม่ได้
เป็นเพราะว่าเจียงยี่ชวนนี่มันชั่วช้าจริงๆ !
ชาติชั่ว !
ชายชราทั้งสามคนได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ชายชราชุดม่วงได้ส่งเสียงเสียงออกมาด้วยท่าทางที่สูงส่งว่า
“ยอมไปเป็นแขกที่ตระกูลจ้าวของข้าแต่โดยดีเสียเถอะ ไม่ต้องห่วงเพราะพวกเราแค่สงสัยว่าเจ้าเก็บเกี่ยวเอาก้อนพลังนั้นไปได้อย่างไรกัน หลังจากที่ยืนยันเรื่องทั้งหมดและสูบเอาพลังภายในร่างของเจ้าไปแล้วพวกเราจะไม่ฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน ”
หลังจากนั้นก็หันมองไปทางเสี่ยวไท่ชูและจระเข้เบญจธาตุพลางพูดว่า
“ส่วนพวกมัน พวกข้าจะทำให้ไปสบายเอง ”
ช่วงแรกที่เจียงยี่ชวนไปแจ้งข่าวเรื่องนี้นั้นทำให้เหล่าผู้คนตระกูลจ้าวต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะต้องรู้ก่อนนะว่ากลุ่มก้อนพลังนั้นมันคงอยู่มาตั้งแต่อดีตกาลซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากมายพยายามเก็บกู้มันกลับมาแต่ก็ไม่สำเร็จไม่เว้นแม้กระทั่งบรรพบุรุษเขตแดนอนันตกาลตอนปลายเองก็ตามที
ตอนแรกพวกเขาไม่เชื่อคำพูดนี้อย่างมากแต่หลังจากที่เจียงยี่ชวนเผยภาพร่างจิตสัมผัสออกมาแล้วพวกเขาก็ได้แต่โง่งมไปพร้อมทั้งตอบแทนอย่างงายก่อนที่บรรพบุรุษซึ่งเก็บตัวบ่มเพาะจะออกคำสั่งส่งผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามของตระกูลออกมาเพื่อจับตัวหลินเทียนกลับไปให้จงได้
พวกเขาล้วนคิดว่าหลินเทียนน่าจะมีวิธีการพิเศษบางอย่างถึงได้อยากจะจับตัวหลินเทียนกลับไปเค้นข้อมูลทั้งหมดออกมาแล้วสูบเอากลุ่มก้อนพลังภายในร่างของเขาซึ่งมันจะกลายเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อตระกูลพวกเขาเนื่องจากกลุ่มก้อนพลังนั้นมันไม่ธรรมดามากๆ
“ยอมจำนนเสียเถอะ อย่าให้พวกเราต้องลงมือด้วยตัวเองไม่งั้นจะยิ่งเจ็บปวดเปล่าๆ ”
ชายชราส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูพลางพูดว่า
“ส่วนพวกเจ้าก็หายไปเสียเถอะ ”
สิ้นสุดคำพูดของเขาแล้วคลื่นกระบี่อันทรงพลังได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่ทางทั้งสองคนโดยทันที
ชั่วพริบตามันก็เข้าประชิดร่างของทั้งสอง
และมันเป็นตอนนี้เองที่ความเย็นยะเยือกที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลินเทียนได้พุ่งสูงถึงขีดสุดก่อนที่คลื่นพลังสายฟ้าอันหนักหน่วงจะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วชั้นฟ้า
คลื่นกระบี่ทั้งสองของชายชราได้สลายหายไปโดยทันที
นี่ทำให้สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะแม้จะไม่ได้โจมตีอย่างสุดแรงแต่ก็เป็นพลังทำลายที่สามารถลบล้างเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายได้สบายๆทว่าตอนนี้กลับถูกทำลายลงภายใต้แรงกดดันของหลินเทียน
ชายชราอีกสองคนที่อยู่ข้างๆเองก็พากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
“คิดว่าไอ้แก่อย่างพวกเจ้าจะมาอวดดีใส่ข้าได้ ? คิดว่าตัวเองเป็นใคร ? คิดว่าตระกูลจ้าวของเจ้าเป็นใคร ? ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ตู้มมม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้ารายล้อมร่างกายของเขาเอาไว้
นี่ทำให้ม่านฟ้าภายในอาณาเขตนี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬขณะที่คลื่นสายฟ้าสีเงินรายล้อมอยู่รอบทิศทาง
กลิ่นอายทำลายล้างของทัณฑ์สวรรค์ปกคลุมอยู่ทั่วพื้นที่เสมือนว่ามันเป็นวันสิ้นโลกาก็มิปาน
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะกลิ่นอายทำลายล้างที่หลินเทียนส่งออกมามันน่าสะพรึงเสียยิ่งกว่าของพวกเขา
นี่ทำให้ชายชราชุดม่วงได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางที่ตกตะลึงว่า
“เจ้า….”
“ตู้มม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังเสมือนดั่งมังกรสายฟ้าสีเงินได้กลืนกินร่างของชายชราคนนี้ลงไปโดยที่ไม่เหลือไว้แม้กระทั่งดวงวิญญาณด้วยซ้ำ
“น้องสาม ! ”
ชายชราทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังพากันส่งเสียงโห่ร้องออกมา
“นี่มัน….เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
พวกเขาได้แต่สั่นสะท้านไป
เป็นเพราะผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งอนันตกาลกลับถูกสังหารลงได้ภายในการโจมตีเดียว !
ตู้ม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องสร้างเป็นกลิ่นพลังทำลายล้างที่น่าสยดสยอง
ตอนนี้หลินเทียนรู้สึกโกรธจัดอย่างแท้จริงเพราะต่อให้นายน้อยตระกูลหวูส่งมือสังหารมาจัดการกับเขาแล้วก็ยังไม่โกรธเลยด้วยซ้ำแต่เขาที่เป็นผู้มีพระคุณและช่วยชีวิตมันไว้กลับถูกอีกฝ่ายแทงข้างหลังโดยการเอาข้อมูลเหล่านี้ไปขายให้กับขุมพลังใหญ่นี่มันเกิดจะทนจริงๆ !
เขาหันมองออกไปทางชายชราทั้งสองที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกขณะที่ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าหมุนวนถึงขีดสุด
พริบตาโลกทั้งใบก็ได้ปกคลุมไปด้วยคลื่นสายฟ้าอันทรงพลัง
“พุฟฟ ~! ”
ชายชราชุดดำได้ถูกคลื่นสายฟ้ากลืนกินเข้าไปจนกลายเป็นชิ้นเนื้อและเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปด้วยความกลัวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามดวงวิญญาณที่ยังหนีไปได้ไม่ถึงไหนก็ต้องเผชิญหน้ากับลำแสงสายฟ้าอันทรงพลัง
“หยุดก่อน ข้าก็แค่….”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายจะสลายหายไป
ร่างกายและดวงวิญญาณแตกดับอย่างแท้จริง
นี่ทำให้สายตาของหลินเทียนได้กวาดไปยังชายชราคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่
เขาที่เป็นถึงกายราชันที่แข็งแกร่งที่สุด
ผู้ซึ่งแบกรับทัณฑ์สวรรค์มามากมายทำให้เรียกได้ว่าเป็นราชันในหมู่ผู้ที่อยู่ภายใต้เขตแดนอนันตกาลเลยก็ว่าได้
“ดะ……ได้โปรดเมตตาข้าด้วย ข้ารับประกันเลยว่าหลังจากนี้ทางเราจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้าอีก ! ”
ชายชราส่งเสียงอ้อนวอนออกมา
หลินเทียนมองออกไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพร้อมทั้งสร้างฝ่ามือสายฟ้ากดทับเข้าใส่ทางอีกฝ่ายก่อนที่จะส่งคลื่นจิตสัมผัสอันทรงพลังเพื่ออ่านความทรงจำเกี่ยวกับเจียงยี่ชวนทั้งหมด
“อ๊ากก ~~! ”
ชายชราได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาจากการถูกฝืนอ่านความทรงจำครั้งนี้
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ดุร้ายออกมาขณะที่อ่านความทรงจำของอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งและยืนยันได้ว่าเป็นเจียงยี่ชวนที่เป็นคนไปขายข่าวเหล่านี้ให้กับตระกูลจ้าวโดยที่ได้รับอาวุธอนันตกาลและอื่นๆเป็นรางวัล
ระหว่างนี้เขาก็ได้รู้เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นนายน้อยของตำหนักป้าว
ตำหนักป้าวนั้นเป็นขุมพลังระดับ 4 ของดาวดวงนี้ซึ่งมีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าซึ่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์เท่านั้น
หลังจากที่ได้รับข้อมูลเหล่านี้มาแล้วเขาก็ได้สังหารชายชราอย่างไม่ปราณี
“เปลี่ยนเส้นทางไปที่ตำหนักป้าวกัน ”
เขาส่งเสียงออกมา
“เจียงยี่ชวนมันอยู่ที่นั่น ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้ถามออกมาเพราะมันพอเดาได้ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งอธิบายข้อมูลต่างๆที่ได้รับมา
“ไปฆ่าไอ้ระยำนั่นกัน ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
มันที่ถูกทรยศแบบนี้ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากเช่นกัน
โดยเฉพาะการโดนทรยศจากคนที่พวกเขาช่วยชีวิตมันเอาไว้
“ย๊า ~! ”
เสี่ยงไท่ชูได้คว้ากรงเล็บของมันเอาไว้อย่างไม่พอใจ
“ไปกัน ”
หลินเทียนได้พูดออกมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเปลี่ยนเส้นทางไปยังทิศใต้ของสถานที่แห่งนี้
เป็นเพราะจากข้อมูลที่ได้รับมานั้นเขาเองก็ได้รับตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักป้าวมาเช่นกัน
ไม่นานพวกเขาก็พากันเดินทางออกไปอย่างรวดเร็ว
……………..
ตระกูลจ้าว
ตระกูลนี้เป็นตระกูลใหญ่ที่สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานและเป็นหนึ่งในสี่ขุมพลังใหญ่ของดาวนอกเหนือจากตระกูลเจียง ตระกูลหวูและนิกายสังหารเทพซึ่งเป็นขุมพลังที่มีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเป็นนิรันดร์แท้จริงทำให้ภายในตระกูลมีพลังฉีที่เข้มข้นเป็นอย่างมาก
“ว่าไงนะ ?! ”
เสียงคำรามอย่างดังถูกส่งออกมาจากปากของผู้นำตระกูลที่อยู่ภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
ใบหน้าของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหลายคนเองก็ซีดลงอย่างมาก
เป็นเพราะพวกเขาเพิ่งได้ข่าวการตายของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคน……..
“ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนที่ถูกส่งออกไปจับตัวมันมากลับ…..”
“ชายคนนั้นเป็นคนสังหารพวกเขา ?! ”
“แต่ละคนล้วนอยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลกันหมดและมีเพียงท่านบรรพบุรุษเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาแต่ทว่า…..”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ไม่ใช่ว่าเจียงยี่ชวนจากตำหนักจ้าวมันบอกว่าระดับพลังของชายคนนั้นยังไม่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลไม่ใช่หรือไงกัน แล้วทำไมกึ่งอนันตกาลสามคนของพวกเราถึงได้……..”
หลายๆคนพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
เป็นเพราะตัวตนระดับผู้อาวุโสสูงสุดนั้นเป็นเสาหลักของตระกูลทว่ากลับถูกสังหารไปถึงสามคนพร้อมๆกัน !
……………….
ระหว่างนี้หลินเทียนก็ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขาขนาดใหญ่ไปไกลแสนไกล
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ไปถึงภูเขานิรันดร์ที่อยู่ทางตอนใต้
หากมองออกไปแล้วจะพบได้กับตัวตำหนักมากมายที่ส่งกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมาแถมยังมีฝูงสัตว์อสูรโบยบินอยู่กลางฟากฟ้า
“ตำหนักป้าว ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาด้วยแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือก
เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งของตำหนักป้าวอันเลื่องชื่อ
“ไปสับไอ้เวรนั่นเป็นหมื่นๆชิ้นกัน! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงคำรามออกมา