Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1454
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ในมือของหลินเทียนแล้วมันก็ทำให้เขาได้แต่รู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมากซึ่งแม้ว่ากระดูกทั้งร่างจะแหลกสลายไม่มีเหลือหรือการบ่มเพาะถูกทำลายไปแต่ก็ยังไม่อยากตายถึงได้แพร่พรายเรื่องขุมสมบัติสวรรค์ที่เป็นความลับสุดยอดของขุมพลังพวกเขาออกไปเพื่อจะยื้อชีวิตของตัวเองเอาไว้
“ที่นั่น ……..มันเต็มไปด้วยสมบัติมากมายถึงขั้นสมบัตินิรันดร์แท้จริงแต่เป็นเพราะระดับพลังของพวกเราไม่มากพอทำให้ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้แต่ด้วยระดับพลังของเจ้าแล้วมันจะต้องทำได้อย่างแน่นอน ! นี่……มันเป็นความลับสูงสุดของตำหนักเรา ข้ายอมบอกเข้าทั้งหมดแลกกับเรื่องที่ขายเจ้าให้กับตระกูลจ้าว…..อย่าฆ่าข้า ”
เขาได้ส่งเสียงโอดครวญออกมาระหว่างนี้ก็รู้สึกเสียใจอย่างมากที่นำเรื่องของหลินเทียนไปขายให้กับตระกูลจ้าวไม่งั้นแล้วเขาก็คงจะไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“ไอ้ชาติชั่ว นี่เจ้า…..”
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายที่ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลต่างพากันแสดงสีหน้าที่ดุร้ายและโกรธจัดออกมาหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้
เพราะต้องรู้ก่อนนะว่าสถานที่แห่งนั้นมันเป็นความหวังของตำหนักพวกเขาถึงแม้ในตอนนี้จะไม่สามารถเปิดที่นั่นออกมาได้แต่ทว่าในอนาคตเมื่อระดับพลังของพวกเขาค่อยๆสูงขึ้นก็เชื่อว่าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วตำหนักของพวกเขาจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดถึงขั้นที่สามารถกลายเป็นขุมพลังระดับเดียวกับตระกูลจ้าวได้ในอนาคต
ทว่าตอนนี้ความลับเหล่านั้นได้ถูกเปิดเผยออกไปหมดแล้ว
“นี่…..”
“นี่ตำหนักเรามีความลับแบบนี้อยู่ด้วย ?! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่โดยรอบพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า
“สถานที่บ่มเพาะของนิรันดร์แท้จริง…..”
“ปล่อยลูกชายของข้า ! อย่าฆ่าเขา ! ”
จ้าวตำหนักส่งเสียงออกมาขณะที่ปากกลบไปด้วยเลือดหลังจากที่ถูกคลื่นพลังอสูรของจระเข้เบญจธาตุกระแทกปลิวออกไปไกล
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพร้อมทั้งหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่ร่างของยี่ชวน
กระบี่ในมือของเขาได้ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาอย่างเข้มข้น
“ไม่…อย่าฆ่าข้า ! ได้โปรด ! จริงๆนะ ! ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องจริง ! ……ข้าผิดไปแล้ว ! ข้า…ยังไม่อยากตาย ! ”
ยี่ชวนส่งเสียงโห่ร้องออกมาไม่หยุด
หลินเทียนได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
เป็นเพราะว่าสำหรับเขาแล้วคนที่ทดแทนคุณด้วยโทษแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องให้อภัยเลยด้วยซ้ำ
“พุฟฟ ! ”
คลื่นกระบี่อันทรงพลังของเขาได้แปรเปลี่ยนร่างของอีกฝ่ายกลายเป็นกองเลือดไปอย่างฉับพลัน
นี่ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่โดยรอบได้แต่พากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
“ไม่ !!! ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งออกมาจากทางจ้าวตำหนัก
“ทำตัวเองแท้ๆ ”
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หลินเทียนยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบอยู่อย่างเคยพร้อมทั้งมองลงไปยังกระบี่ที่ตกอยู่ที่พื้นซึ่งรายล้อมไปด้วยอักขระมากมายซึ่งแน่นอนว่ามันคืออาวุธอนันตกาลที่อีกฝ่ายใช้แลกมาด้วยข้อมูลของเขา
เขาโบกมือคว้ามันขึ้นมาลบตราประทับออกแล้วเก็บกลับไป
“ไปกัน ”
เขาส่งเสียงออกมาเพราะไม่มีความจำเป็นอะไรต้องสร้างความเสียหายให้คนอื่นๆพลางหันหลังเดินจากไป
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็พากันเหาะตามหลังเขาไป
“อ๊ากก ~! ”
เสียงคำรามถูกส่งออกมาขณะที่ดวงตาของจ้าวตำหนักเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่ำพลางส่งเสียงกู่ร้องออกมาว่า
“ไอ้ระยำ ! เจ้ากล้าสังหารลูกชายข้า ! ข้าไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่ๆ ! ”
ตู้มมม ~!
หน้าผากของเขาส่องประกายแสงอันเข้มข้นออกมาพร้อมทั้งสร้างภาพร่างของหลินเทียนในช่วงที่เก็บเอาก้อนพลังงานเจ็ดสีออกมาพร้อมส่งมันไปพร้อมๆกับคำพูดที่ว่า ‘กลุ่มก้อนพลังงานในตำนานได้ถูกชายคนนี้เก็บกู้ไปแล้ว ! เขามีวิธีการพิเศษบางอย่างที่สามารถเก็บเกี่ยวมันได้ หากว่าจับตัวเขาเอาไว้ได้ก็จะสามารถได้รับวิธีการแบบเดียวกัน ! ’
มันเป็นภาพร่างจิตสัมผัสที่อัดแน่นไปด้วยพลังที่พุ่งผ่านออกไปสุดขอบฟ้า
หลินเทียนได้หยุดเท้าของเขาลงพร้อมทั้งหันมองกลับไปทางจ้าวตำหนักด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุด
จระเข้เบญจธาตุได้ส่งเสียงคำรามออกมาว่า
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
เป็นเพราะว่าแม้ระดับพลังของอีกฝ่ายจะไม่ได้สูงมากทำให้ไม่มีทางที่จะส่งมันไปทั่วทั้งดาวได้แต่ตราบเท่าที่มีผู้เชี่ยวชาญพบเห็นมันก็จะทำให้ข่าวเรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วเนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับกลุ่มก้อนพลังงานนำตำนานนั้น
เนื่องจากสำหรับทุกคนบนดาวดวงนี้แล้วมันถือเป็นสมบัติที่แม้แต่เขตแดนอนันตกาลตอนปลายเองก็ยังต้องอิจฉา
หลังจากนี้ขุมพลังต่างๆก็จะพากันพุ่งเป้ามาที่หลินเทียนเพื่อพยายามจะฆ่าเขา
จ้าวตำหนักได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยว่า
“ไอ้ชาติชั่ว ! เจ้ารอก่อนเถอะ ! กล้าสังหารลูกชายของข้าเจ้าก็จะไม่ได้ตายดีเหมือนกัน ! หลังจากนี้นอกจากตระกูลจ้าวแล้วขุมพลังอื่นๆทั่วทั้งดาวก็จะรวมตัวกันสังหารเจ้า ! ”
เขาได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดังกึกก้องเสมือนผีร้ายที่บ้าคลั่งก็ไม่ปาน
หลินเทียนโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันเย็นยะเยือกพุ่งทะลวงผ่านร่างของอีกฝ่ายเพื่อทำลายทั้งร่างกายและดวงวิญญาณของมันไปทันที
“ท่าน……จ้าวตำหนัก ! ”
เหล่าศิษย์ต่างพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
แม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆเองก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุกกันไม่หยุด
และมันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดออกมาจากร่างของหลินเทียนอย่างรุนแรงพร้อมทั้งทำให้สถานที่แห่งนี้สั่นไหวไม่หยุด
“นี่มัน..เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางขั้นปลาย ?! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าคนที่รุกล้ำเข้ามาในขุมพลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าบรรพบุรุษก่อตั้งของพวกเขาด้วยซ้ำ
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวพลางรู้สึกโกรธแค้นในตัวสองพ่อลูกที่กล้าชักนำตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มา
“ตู้มม ~! ”
ทักษะเทวะเขตแดนนิรันดร์อมตะได้ปะทุออกมาจากร่างของหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นเองที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ม่านฟ้าเหนือสถานที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าสีเงินที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นด้วยกลิ่นอายทำลายล้างของทัณฑ์สวรรค์
“ตำหนักแห่งนี้ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไปแล้ว หากว่ายังไม่อยากตายก็ออกไปซะ ข้าให้เวลาสิบลมหายใจ ! ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อชำระความแค้นที่ยี่ชวนหักหลังของพวกเขาและคิดว่าหลังจากที่ให้อีกฝ่ายได้ชดใช้ความผิดแล้วก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้กับคนอื่นๆทว่าตอนนี้จ้าวตำหนักของพวกมันกลับทำเรื่องแบบนี้ลงไปทำให้เขายิ่งโกรธจัดขึ้นไปอีกถึงได้คิดจะทำลายที่นี่ให้สิ้นซาก
ตู้มมม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังโลดแล่นอยู่บนฟากฟ้าเสมือนว่าต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยปรากฏการณ์ที่ทำให้เขาดูไม่ต่างไปจากเทพสายฟ้า
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันสั่นสะท้านไปถึงดวงวิญญาณ
“พวกเรา..จะไปเดี๋ยวนี้ ! ”
หลายๆคนส่งเสียงสั่นๆออกมาพร้อมทั้งรีบหันหลังแล้วจากไปอย่างไม่รอช้า
ระหว่างนี้คนอื่นๆก็พากันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งวิ่งออกไปอย่างไม่ลังเลทำให้มีเสียงฝีเท้าถูกส่งออกมาอย่างดัง
เป็นเพราะพวกเขาล้วนตระหนักดีว่าคำพูดของหลินเทียนนั้นหมายความว่าเขาต้องการจะทำลายที่นี่ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ยังอยู่ก็จะกลายเป็นศัตรูกับหลินเทียน แล้วใครจะกล้าอยู่ต่อ ? อีกฝ่ายเป็นถึงนิรันดร์อมตะที่ขนาดต่อให้บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตำหนักเองฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็ยังสามารถสังหารลงได้ด้วยมือเดียวแล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ ?
หากว่าพวกเขายังฝืนอยู่ต่อก็จะมีแต่ตายกับตายเท่านั้น
แล้วนี่จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร มันทำให้ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่พวกเขากำลังวิ่งออกไปนั้นเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนจ้าวสวรรค์ทั้งหลายเองก็รีบพากันเคลื่อนไหวเช่นกันเพราะพวกเขารู้ดีว่าอยู่ต่อไปก็มีแต่ตาย
“ไอ้ระยำสองพ่อลูกนั่น ! ”
พวกเขารู้สึกโกรธจัดอย่างมากถึงขั้นที่อยากจะชุบชีวิตพวกมันขึ้นมาแล้วส่งมันกลับไปขุมนรกด้วยตัวเองเนื่องจากการที่พวกมันล่วงเกินหลินเทียนไปทำให้ขุมพลังที่อยู่มาเนิ่นนานต้องล่มสลายลง
“วิ้สส ! ”
“วิ้ส ! ”
“วิ้สส ! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดและเหล่าศิษย์พากันพุ่งหนีออกไปเพราะกลัวว่าหลินเทียนจะสังหารพวกเขา
จระเข้เบญจธาตุหันมองไปทางกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งแสยะออกมาอย่างเย็นชาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าของหลินเทียนได้ส่งคลื่นมังกรสายฟ้าสีเงินอันทรงพลังผ่าลงมาใจกลางตำหนักแห่งนี้
“ตู้มมม ~! ”
มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปขณะที่ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่และเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้กลายเป็นซากปรักหักพังเท่านั้น