Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1462
หลังจากที่วางข่ายอาคมลงไปแล้วหลินเทียนก็ได้ส่งเอายาทิพย์ให้กับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูก่อนที่จะพูดว่า
“เอาไปดูดกลืนสิ ”
“ได้ ”
จระเข้เบญจธาตุได้พยักหน้าของมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมาก
ณ ตอนนี้มันและเสี่ยวไท่ชูได้เริ่มการดูดกลืนยาทิพย์ไปอย่างรวดเร็ว
บึ้สสส ~!
ประกายแสงเจิดจรัสถูกส่งออกมาขณะที่กลิ่นอายของมันและเสี่ยวไท่ชูพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
เมื่อผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้วคลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ปะทุออกมาอย่างรุนแรงขณะที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างแผดกลิ่นอายของนิรันดร์อมตะออกมา
“ในที่สุดก็ก้าวมาถึงเขตแดนนิรันดร์อมตะได้เสียที ! ”
จระเข้เบญจธาตุลืมตากลับขึ้นมาพร้อมทั้งส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้มันสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังอสูร ดวงวิญญาณและทะเลความรู้ของตัวเองดีว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากแต่ที่เปลี่ยนไปมากที่สุดนั้นคือร่างกายของมันที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าถึงขั้นที่ทำให้ดวงตาของมันส่องประกายความตื่นเต้นออกมาไม่หยุด
“นี่คือเขตแดนนิรันดร์อมตะ ? มันคือการที่ร่างกายไม่มีวันถูกทำลาย ”
ดวงตาของมันเปล่งประกายออกมา
“อย่างแรกก็ควรจะปรับสมดุลให้เข้ากับมันก่อนนะ ”
หลินเทียนได้พูดออกมา
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมันพร้อมทั้งหมุนวนพลังภายในร่างเพื่อเริ่มการปรับสมดุล
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกหลายวัน
วันนี้จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันลืมตากลับขึ้นมาด้วยระดับพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
“ชื่นใจจริงๆ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงโห่ร้องออกมา
หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะว่าตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในเขตแดนใหญ่เขตแดนเดียวกันกับเขาแล้ว
“ไปกัน ”
เขาพูดออกมา
นี่ทำให้พวกเขารีบพากันไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ก้าวข้ามภูเขาและลำธารไปกว่าหลายสิบแห่ง
“แล้วจะไปไหนกัน ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้ถามออกมา
“ไปหาเหลา……….”
ระหว่างที่กำลังพูดอยู่สีหน้าของหลินเทียนก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกขนหัวลุกพร้อมทั้งแหงนหน้ามองขึ้นไปยังฟากฟ้า
และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่เสี่ยวไท่ชูและจระเข้เบญจธาตุเองก็ได้หันมองไปในทิศทางเดียวกัน
“นั่นมัน ?! ”
ดวงตาของจระเข้เบญจธาตุถึงกับหดเล็กลงอย่างฉับพลัน
“ปัญหามาแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะเห็นได้ว่ามีร่างของชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำกำลังยืนมองลงมาทางพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่แยแสเป็นอย่างมากซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายคือชายชราที่พวกเขาได้พบในแผ่นดินแปลกๆช่วงก่อนหน้านี้
เป็นเพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายถูกหอกตรึงร่างเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้แต่เพียงแต่จิตสัมผัสอันเบาบางของมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหายนะซึ่งแน่นอนว่าที่มันปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็เพื่อจะหาตัวของพวกเขา
“หนีเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลที่มีร่างนิรันดร์แท้จริงอยู่แถมคนอื่นๆก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะที่แข็งแกร่งก็ยังรู้ดีว่าพวกดเขาไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้
เป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนได้สัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของอีกฝ่ายมาก่อนแล้วว่าต่อให้เป็นนิรันดร์แท้จริงก็ไม่มีทางต่อต้านมันได้
วิ้สส !
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขาพุ่งออกไปพร้อมๆกับคนอื่นๆด้วยความเร็วที่ทำให้มิติตรงหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ชายชราที่ยืนอยู่บนฟากฟ้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมยังคงมีร่างกายที่แห้งเหี่ยวเสมือนดั่งซากศพก็จริงแต่ทว่ากลิ่นอายที่เขาส่งออกมามันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
เขามองออกไปทางหลินเทียนก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหลินเทียนและคนอื่นๆพลางพูดว่า
“เอาตราจักรพรรดิหยวนมาซะ ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่แยแสสิ่งดีเสมือนว่าเป็นเสียงแก้วที่เสียดสีกันทำให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนแก้วหูจะฉีก
ระหว่างที่พูดเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยแต่กลับคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน
พริบตาที่มือถูกคว้าออกไปคลื่นพลังอันแข็งแกร่งก็ได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด
หลินเทียนได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นเพราะไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ดังนั้นถึงได้หมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเพื่อตอบโต้กลับไปด้วยง้าวอัสนี
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ต่างพากันเปิดฉากโจมตีพร้อมๆกันเพื่อผสานพลังอัดเข้าใส่ทางชายชรา
“ตู้มม ม~! ”
พลังทำลายของทั้งสองคนที่ส่งออกมาถือได้ว่าเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าของชายชราแล้วเขาทำเพียงแค่คว้ามือออกไปเปล่าๆโดยที่ไม่ได้ใช้พลังเทวะเลยด้วยซ้ำแต่ทว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของอีกฝ่ายกลับสามารถบดขยี้ทักษะเทวะของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ตู้มม ! ”
“ตู้ม ! ”
“ตู้มม ! ”
หลินเทียนและคนอื่นๆถูกกระแทกปลิวออกไปไกลก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำโต
“ไอ้แก่นี่มันแข็งแกร่งกว่าช่วงก่อนหน้านี้เสียอีก ดูเหมือนว่าจะฟื้นคืนกำลังกลับมาได้ส่วนหนึ่ง……..”
หัวใจของจระเข้เบญจธาตุสั่นไหวไม่หยุด
เป็นเพราะชายชราคนนี้ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัว
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้พลางส่งเสียงออกมาว่า
“หนีเร็ว”
เขาไม่มีความคิดที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายตรงๆอยู่แล้วดังนั้นถึงได้ใช้ก้าวย่างแห่งสวรรค์พุ่งหนีไปพร้อมๆกับคนอื่นๆด้วยความเร็วที่สูงขึ้นยิ่งกว่าเก่า
ชายชรายังคงจับจ้องมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะก้าวออกมาขวางทางพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง
เขาได้คว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนอีกครั้งโดยที่แผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้อย่างสมบูรณ์
“บึ้สส ! ”
ฝ่ามือของอีกฝ่ายส่องประกายแสงออกมาซึ่งครั้งนี้มันผสมผสานพลังเทวะอยู่ด้วยทำให้มันกลายเป็นฝ่ามือที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่ามากและไม่ต่างไปจากการกดทับของห้วงจักรวาลเลยก็ว่าได้
นี่ทำให้มิติโดยรอบถูกกำจัดหายไปอย่างฉับพลัน
หลินเทียนและคนอื่นๆที่ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้รู้ดีว่าไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย
เขาได้ส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งคว้าเอาคริสตัลล้ำลึกสำหรับเคลื่อนย้ายพริบตาที่ได้มาจากขุมพลังทั้งสี่ออกมา
เขาส่งถ่ายพลังวิญญาณลงไปทำให้ประกายแสงโอบร่างของพวกเขาเอาไว้ก่อนที่จะหายตัวไปโดยทันที
ฝ่ามือของชายชราฟาดเข้าใส่จุดที่พวกเขาเคยอยู่ทำให้พื้นที่โยดรอบรัศมีกว่าหลายกิโลเมตรสลายหายไปอย่างฉับพลัน
สายตาของชายชรายังคงราบเรียบขณะที่มองออกไปยังฟากฟ้า
…………….
ภายในห้วงจักรวาลที่มืดมิด
บึ้สสส ~! ประกายแสงเจิดจรัสถูกส่งออกมาพร้อมทั้งปรากฏร่างของหลินเทียนและคนอื่นๆ
ใต้เท้าของเขามีดาวขนาดใหญ่ซึ่งนั่นก็คือดาวตงเฮิง
“หนีเร็ว ”
หลินเทียนพูดออกมา
ก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะหนีมายังห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายเพราะมันมีความเป็นไปได้ที่จะทิ้งห่างศัตรูได้มากกว่าหนีอยู่ภายในดวงดาว
หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้พลังเทวะโอบร่างของคนอื่นๆเอาไว้แล้วพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
และแทบจะในเวลาเดียวกันกับที่พวกเขาพุ่งหนีไปนั้นประกายแสงก็ได้ถูกส่งออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งปรากฏร่างของชายชายที่มีสายตาที่ล้ำลึกและกำลังจ้องมองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก
หลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไปอีกครั้งด้วยพลังที่ทำให้ห้วงอวกาศถึงกับบิดตัวอย่างน่ากลัว
………..
หลินเทียนนำคนอื่นๆพุ่งหนีผ่านห้วงจักรวาลไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งสังเวยแก่นพลังของตัวเองและคนอื่นๆออกมาแล้วกระจายพวกมันออกไปในทิศทางต่างๆมากมายทั่วทั้งจักรวาล
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องไล่ล่าพวกเขามาอย่างแน่นอนดังนั้นถึงได้ใช้วิธีการนี้ป่วนจิตสัมผัสของมัน
“เป็นความคิดที่ดีหนิไอ้หนู ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“แบ่งกลิ่นอายออกไปมากมายแบบนี้แล้วมันคงยากจะหาตัวเราพบแน่ๆ ”
“ก็หวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง ”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งพุ่งหนีไป
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงขณะที่พวกเขาทิ้งห่างออกไปไกลมากแล้ว
“ไม่มีใครตามมาแล้วล่ะมั้ง ”
จระเข้เบญจธาตุหันมองกลับไปและถอนหายใจออกมาหลังจากที่ไม่เห็นร่างของชายชราแล้ว
หลินเทียนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาและยังคงพุ่งผ่านออกไปก่อนที่เขาจะรู้สึกขนหัวลุกไปอย่างฉับพลันทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับร่างของชายชราที่กำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบและในมือกำลังกำกลุ่มก้อนพลังเอาไว้ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือเศษเสี้ยวกลิ่นอายที่พวกเขากระจายมันออกไปก่อนหน้านี้
นี่แสดงให้เห็นว่าวิธีการของพวกเขาไม่ได้มีผลอะไรมากนัก
“ไอ้แก่เวรนี่ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความรู้สึกขนหัวลุกโดยทันที
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งรีบหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพากันสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาขัดขวางการไล่ล่าของอีกฝ่าย
น่าเสียดายที่มันเปล่าประโยชน์เพราะชายชราสามารถบดขยี้พวกมันได้อย่างง่ายดาย