Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1466
ชายชราพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากถึงขั้นที่หายไปสุดขอบฟ้า
“อย่าหนีสิ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ! ”
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่หลินเทียนจะปล่อยโอกาสทองครั้งนี้ไปได้พร้อมทั้งรีบพุ่งไล่ตามมันไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
แกร๊ง !
เสียงกระบี่พุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
พุฟฟ ~!
ร่างของชายชราได้ถูกกระบี่นี้ทะลวงผ่านร่างไปทำให้เลือดไหลทะลักออกมาจากหน้าอกของเขาไม่หยุด
เขาหันกลับมามองไปทางหลินเทียนและยังคงพยายามพุ่งหนีต่อไปเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถต่อสู้กับหลินเทียนได้ในตอนนี้
“จะตายอยู่แล้วยังอวดดีอีกนะ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมา
เขากำตราจักรพรรดิหยวนเอาไว้ในมือพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอย่างไม่รอช้า
เสียง ฟึ้บบ ~ ถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นลำแสงสังหารอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไปอัดกระแทกเข้าใส่กลางหลังของชายชราอย่างจัง
ตู้มมม ~! ร่างของชายชราถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
แถมตอนนี้ร่างกายอีกฝ่ายเองก็ยังรายล้อมไปด้วยรอยแตกร้าวที่แผดขยายออกไปรอบทิศทาง
“ไอ้มดปลวก ! ”
เขาหันมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกอย่างมากพร้อมทั้งพุ่งหนีไปโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย
“มดแม่เจ้าน่ะสิ ”
หลินเทียนก่นด่าออกมาพร้อมทั้งเหวี่ยงคลื่นพลังทำลายล้างออกไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก
พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่าสี่ชั่วโมงซึ่งกลิ่นอายของชายชราในตอนนี้แผ่วลงอย่างมากดังนั้นถึงได้ฉีกห้วงจักรวาลตรงหน้าด้วยมือเปล่าพร้อมทั้งพุ่งหนีหายไปจากทัศนวิสัยของทุกคนภายในชั่วพริบตา
“ช่องว่างจักรวาล ?! ขนาดอยู่ในสภาพกึ่งตายแบบนี้แล้วมันยังสามารถฉีกห้วงจักรวาลหนีไปได้ ?! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไป
“อย่างน้อยๆตอนนี้ระดับพลังของเขาก็อยู่ในเขตแดนนิรันดร์แท้จริงดังนั้นการจะฉีกช่วงว่างจักรวาลก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ”
หลินเทียนพูดจบก็หันมองออกไปแล้วกัดฟันพูดต่อว่า
“ไล่ตามมันไป ! ”
แม้จะไม่รู้ว่าชายชราหลบหนีไปในทิศทางไหนแต่เขาก็ยังไม่อยากจะปล่อยอีกฝ่ายไปไม่งั้นหากว่าอาการบาดเจ็บของมันหายเป็นปกติแล้วก็จะกลายเป็นหายนะสำหรับเขาไปทันที
“วิ้สส ~! ”
เขาสังเวยทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังลงไปภายในตราประทับในมือและทำให้เกิดช่องว่างอยู่ตรงหน้าพลางก้าวเข้าไปก่อนที่จะหายตัวไปจากจุดๆนั้น
พื้นที่โดยรอบของเขารายล้อมไปด้วยความมืดมิดและหลังจากนั้นไม่รู้ว่านานขนาดไหนก็ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกมาจากมัน
“ที่นี่คือ ? ”
พวกเขาพากันผงะไป
เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้ว่ามันเป็นโลกกว้างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขุนเขามากมายที่ดูสง่างามและยิ่งใหญ่กว่าดาวตงเฮิงอยู่มากหลายเท่า
“ไม่ใช่ห้วงจักรวาล ? ที่นี่ที่ไหนกัน ?”
จระเข้เบญจธาตุได้ผงะไป
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันก่อนที่จะหันมองไปทางทิศตะวันออกและเห็นร่างของชายชราที่กำลังพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
“ไล่ตามมันไป ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งรีบพุ่งตามร่างของอีกฝ่ายไปอย่างไม่รอช้า
เป็นเพราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือใคร
“วิ้สสส ! ”
เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากตราจักรพรรดิหยวนในมือถึงได้ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้นมากและเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายได้ภายในพริบตาก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดอัดร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปกระแทกเข้ากับภูเขาที่อยู่ห่างออกไปทำให้มันถล่มลงมา
ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพุ่งหนีไปอย่างไม่รอช้า
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังพวยพุ่งเข้าใส่ทางร่างของชายชราอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นกระบี่เหล่านี้ได้อัดกระแทกเข้าใส่ร่างของชายชราจนลอยเคว้งออกไปไกลสุดขอบฟ้า
วิ้สส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาระหว่างที่ชายชราที่มีกลิ่นอายอันเบาบางได้ลุกกลับขึ้นมาก่อนที่จะพุ่งหนีไปอีกครั้ง
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาหลังจากที่มันได้ฉีกห้วงมิติตรงหน้าแล้วหนีไปอีกครั้ง
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งยกตราประทับในมือขึ้นมาเพื่อพยายามไล่ตาม
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้หยุดเท้าลง
“เป็นอะไรไปล่ะเจ้าหนู ? ไล่ตามมันไปซะ นี่น่ะโอกาสทองในการฆ่ามันเลยนะ ไม่งั้นหลังจากนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
“ข้ารู้แล้ว ”
หลินเทียนจ้องมองออกไปยังช่องว่างมิติตรงหน้าก่อนที่จะพูดต่อว่า
“น่าเสียดายที่เราไล่ตามไม่ได้แล้ว ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้ปล่อยมือออกจากตราประทับเนื่องจากประกายแสงที่ส่งออกมามันหม่นหมองลงแล้ว
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไประหว่างที่มองไปยังตราในมือของหลินเทียนแล้วพูดว่า
“นี่…….ไม่สามารถไล่ตามมันได้อีกแล้ว ”
เป็นเพราะชายชรานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่ก็ยังแข็งแกร่งไร้เทียมทานและเหตุผลที่พวกเขาสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้ก็เป็นเพราะตราประทับในมือนี้ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะตายไปแล้วและในเมื่อพลังที่ได้มาได้สลายหายไปแล้วจะให้ไล่ตามได้อย่างไรกัน ?
การกระทำเช่นนั้นมันรนหาที่ตายชัดๆ
“โชคดีที่มันไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้ไม่งั้นเราก็คงจะตายไปแล้ว ”
มันได้แต่คอหดไป
หลินเทียนพยักหน้าของเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“น่าเสียดายที่พลังของมันหมดไปก่อนที่จะจัดการกับมันได้ ”
เป็นเพราะว่าชายชรานั้นพุ่งเป้ามาที่เขาเนื่องจากตราประทับและเจดีย์ราชันอมตะแต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายไปได้นี่ทำให้เพิ่มอันตรายให้กับตัวพวกเขาเองมากขึ้นไปอีก
“น่าเสียดายจริงๆนั่นแหละ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าตรานี่มันจะไม่ธรรมดาๆเลยนะ ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ร้ายกาจใดๆจากประกายแสงสีครามนั่นได้เลยแต่กลับให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง ”
ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นตราประทับที่ไม่ธรรมดาอย่างมากเนื่องจากมันเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการแต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานอย่างไรและมีประโยชน์อะไร
ทว่าตอนนี้ได้รู้แล้วว่าพลังของมันทำให้หลินเทียนผู้ซึ่งอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับสามารถต่อต้านอีกฝ่ายที่ร้ายกาจขนาดนั้นได้ซึ่งมันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาเลย
“มันเรียกตรานี่ว่าอะไรแล้วนะ อ่อใช่แล้ว ตราจักรพรรดิหยวน ”
หลินเทียนมองลงไปยังตราประทับในมือก่อนที่จะพูดต่อว่า
“มันคืออาวุธ ? หรือว่าอะไรกัน ? ”
เขารู้ว่ามันไม่ธรรมดาแต่ก็ไม่รู้เลยว่ามันมีเอาไว้ทำอะไร มันคืออาวุธ ? ก็เหมือนจะไม่ใช่
“ไม่รู้เหมือนกัน ”
จระเข้เบญจธาตุส่ายศีรษะของมันก่อนที่จะพูดต่อว่า
“แต่เราสามารถคิดว่ามันเป็นอาวุธก็ได้ ”
หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า
“เจ้าลองดูสิว่ามันดึงเอาพลังงานสีครามนั่นออกมาใช้ได้อีกไหม ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังเทวะลงไป
ทว่าผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อยเพราะว่ามันไม่ยังคงนิ่งสนิทไม่ตอบสนองใดๆแม้แต่น้อย
เขาส่งมันให้กับทั้งสองคนเพื่อลองพยายามเปิดใช้งานมันแต่ก็เปล่าประโยชน์
“ดูเหมือนว่ามันจะบังเอิญเปิดทำงานเองหลังจากที่ได้รับพลังทำลายของไอ้แก่นั่น ”
เขาวิเคราะห์ออกมา
“อื้ม ”
จระเข้เบญจธาตุได้พูดต่อว่า
“ก็คิดได้เพียงแค่นี้เท่านั้น ”
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งเก็บมันกลับเข้าไปภายในร่างของเขา
ในตอนนี้ศัตรูของพวกเขาได้หนีหายไปไกลแล้วดังนั้นพวกเขาถึงไม่ต้องเป็นกังวลอะไรก่อนที่จะหันมองออกไปรอบๆ
“จะว่าไปแล้วที่นี่มันที่ไหนกัน ? ดูเหมือนว่ามันไม่ธรรมดาเลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุพูดออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงพลังฉีที่เข้มข้นอย่างมากถึงขั้นที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าดาวไหนๆที่เคยพบเจอมา
หลินเทียนหันมองออกไปซึ่งเขาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดเดียวกัน
“ลองสอบถามคนรอบๆดูก่อนแล้วกัน ”
เขาพูดออกมา
นี่ทำให้พวกเขาพากันออกเดินทางออกไปพร้อมทั้งสอบถามผู้เชี่ยวชาญต่างๆที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“ดวงดาวจักรพรรดิในหมู่หมื่นดวงดารา ? นี่เรามาโผล่ที่นี่ ? ”
สีหน้าของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปโดยทันที