Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1468
หลินเทียนได้หันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ช่างเรื่องอื่นก่อนเถอะ เราเข้าไปภายในดินแดนบ่มเพาะนั่นกัน ”
เป็นเพราะว่า ณ ตอนนี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญก็ยิ่งพากันแห่มาที่นี่ทำให้เขาอยากรู้มากว่าเบื้องหลังรอยแยกมิตินั้นจะเป็นดินแดนบ่มเพาะแบบไหนกัน
“เอาล่ะ ไปกัน ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเล็กน้อยพร้อมทั้งพากันก้าวเดินออกไปภายในก่อนที่จะก้าวผ่านรอยแยกมิติไป
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วจะพบได้กับเทือกเขาขนาดไม่ใหญ่มากรายล้อมกันอยู่รอบทิศทางและให้ความรู้สึกเสมือนว่ามันเป็นจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง
แถมพลังฉีภายในสถานที่แห่งนี้ยังเข้มข้นเสียยิ่งกว่าโลกภายนอกถึงหลายเท่าตัวถึงขั้นที่แทบจะก่อตัวขึ้นกลายเป็นของเหลวเลยก็ว่าได้
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
หลินเทียนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันจะให้กำเนิดสมบัติมากมายเลย ด้วยสภาพแวดล้อมระดับนี้มันเรียกได้ว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะเลยก็ว่าได้ มันไม่ได้ด้อยไปกว่ารากฐานของขุมพลังใหญ่เลยนะ ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงที่ประหลาดใจออกมา
เสี่ยวไท่ชูไม่ได้ตอบกลับอะไรเพราะมันไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วและได้แต่จ้องมองไปยังภาพด้านหน้า
“โร๊วว ~!!”
แน่นอนว่าภายในสถานที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมายที่ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาอย่างดังและให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งตามออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถูกสัตว์อสูรเหล่านี้ฉีกออกเป็นชิ้นๆก่อนที่จะกลืนกินลงท้องไป
หลินเทียนเองก็พบเจอกับเรื่องเหล่านี้จนเคยชินไปแล้วถึงไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าไปภายในพร้อมๆกับคนอื่นๆ
เป็นเพราะหากพูดกันตามปกติแล้วสมบัติมันมักจะอยู่ภายในใจกลางของสถานที่แห่งนี้
“นั่นมันคริสตัลนิรันดร์ ! มีอยู่กว่าหลายร้อย……กิโลกรัมเลยนะ ”
“สมุนไพรเป๋าเหลียง…..สามารถเพิ่มระดับพลังเขตแดนปรินิพพานได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ! ”
“เหล็กล้ำลึก ! แร่สำหรับสร้างอาวุธสวรรค์ ! ”
ระหว่างทางเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้พากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นเพราะมีหลายคนที่ค้นพบสมบัติที่ล้ำค่าไม่น้อย
ระหว่างทางที่หลินเทียนและคนอื่นๆกำลังไปนั้นก็ได้พบกับสมบัติมากมายแต่มันมีประโยชน์เพียงกับเขตแดนปลุกพลังและปรินิพพานและถึงพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรก็ยังเก็บกลับไปเพราะมันยังมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆ
ทึ้มมม ~!
วานรตัวใหญ่ปรากฏตัวตัวออกมาพร้อมทั้งซัดฝ่ามือเข้าใส่ทางพวกเขาอย่างไม่รอช้า
มันเป็นอสูรเขตแดนปรินิพพานที่มีความสูงกว่าสามสิบเมตรดังนั้นฝ่ามือของมันถึงได้บดบังฟากฟ้าไปทันที
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรและยังคงก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้ตอบโต้เลยด้วยซ้ำก่อนที่คลื่นพลังจะกระแทกร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลแสนไกล
ไม่นานพวกเขาก็พากันก้าวเดินเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหลผสมผสานไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นถูกส่งออกมา
“กลิ้มหอมนี้มัน……..”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเพราะว่ามันเป็นกลิ่นหอมเฉพาะที่ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของอะไร
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆส่งกลิ่นหอมนี้ออกมาจนไปหยุดอยู่ที่แม่น้ำขนาดใหญ่
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันมีขนาดที่ใหญ่มากๆแถมยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังงมหาบางสิ่งจากด้านใต้เนื่องจากมีหลายๆคนตกเอาสมบัติล้ำค่าขึ้นมาได้
หลินเทียนและคนอื่นๆที่มาถึงที่นี่โดยการตามกลิ่นหอมมาเองก็ก้าวออกไปยังใจกลางของสถานที่แห่งนี้ก่องที่จะมองไปยังหินก้อนที่ส่องประกายแสงระยิบระยับออกมา
“ใช่มันจริงๆ ”
ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าภายในหินนี้มันมีชื่อว่าหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณได้อย่างน้อยๆสามเท่าตัวแต่กลิ่นอายที่เน่าเปื่อยของมันจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกลายเป็นผีร้ายไปจึงเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีพิษร้ายอย่างมากทำให้คนธรรมดาไม่กล้าเข้าใกล้
แต่หลินเทียนนั้นกลับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
เพราะแม้มันอาจจะดูเหมือนหายนะสำหรับคนอื่นๆทว่ากลับเป็นสมบัติที่ล้ำค่าสำหรับเขาอย่างมากเนื่องจากเขาเชี่ยวชาญทักษะปรุงยาดังนั้นจึงสามารถใช้มันกลั่นเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่าได้
มันเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่าถึงขั้นสามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้เป็นสิบๆเท่าโดยที่ไม่ได้รับผลข้างเคียงใดๆหลังจากนั้นเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง
ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้รับหญ้าแบบนี้มาก่อนแล้วและกลั่นยาทิพย์เสริมพลังมาสามเม็ดซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่พบหญ้าแบบเดียวกันนี้อีกเลยเนื่องจากมันถือกำเนิดขึ้นได้ยากมากๆดังนั้นการที่ได้พบมันที่นี่ถึงได้ทำให้เขามีความสุขสุดๆ
“สมบัติชั้นเยี่ยม ! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่มองไปทางมันด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะมันยังจดจำได้ดีว่าตัวเองเคยเห็นหลินเทียนใช้มันกลั่นยาทิพย์มาก่อน
หลินเทียนตั้งสติของเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปทางมันโดยทันที
แน่นอนว่าการกระทำของพวกเขาดึงดูดสายตาของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก
“นี่เขา……ทำอะไรกัน ? ”
“กำลังตรงไปยังหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อย ? คิดจะเก็บมัน ? ”
“เอามันไปทำอะไรได้กัน ? มันน่ะเต็มไปด้วยพิษร้ายที่ทำให้คนปกติไม่สามารถสัมผัสมันได้ เก็บไปก็มีแต่จะเป็นอันตรายเปล่าๆ ”
“หรือว่าเขาไม่รู้จักมันถึงได้คิดว่ามันเป็นสมุนไพรชั้นเลิศ ? ”
“นี่…..เหมือนจะเป็นไปได้ ”
กลุ่มคนพากันแสดงสีหน้าแปลำๆออกมา
เป็นเพราะว่าพวกเขาเองก็ค้นพบมันอยู่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มันเพราะรู้ดีว่ามันไม่ใช่ของดีอะไรแต่หลังจากที่เห็นหลินเทียนเข้าใกล้มันด้วยตัวเองแบบนี้แล้วจึงอดทำให้พวกเขาประหลาดใจไปไม่ได้
หลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงท่าทางของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรและก้าวเข้าไปอย่างเคย
ไม่นานเขาก็ได้เข้าไปถึงหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
“ตู้มม ~! ”
แต่มันเป็นตอนนี้เองที่แม่น้ำได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่อสูรร่างยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาจะปรากฏตัวขึ้นมาด้วยกลิ่นอายอสูรที่ทรงพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า
“อสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า ! ”
กลุ่มคนทั้งหลายที่เห็นเช่นนั้นถึงกับอดผงะไปไม่ได้
เป็นเพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีอสูรร้ายแบบนี้อยู่ใต้พื้นน้ำ
“โร๊วว ~! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมๆกับงับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
“ชายคนนั้น….ตายแน่ๆ ! ”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบพากันส่งเสียงออกมาโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เพราะถึงอย่างไรอสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านั้นถือว่าเป็นตัวคนที่แข็งแกร่งอย่างมากและหากยังคิดจะลงไปเก็บสมบัติอีกก็จะกลายเป็นอาหารของมันไปอย่างแน่นอน
“โร๊วว ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังทำให้กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เป็นเพราะภาพตรงหน้าที่พวกเขากำลังเห็นอยู่นั้นคือภาพที่หลินเทียนทำเพียงแค่เหวี่ยงฝ่ามือตบเข้าใส่มันจนอสูรตัวนั้นลอยเคว้งออกไปไกลแสนไกลพร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา
“นี่มัน ?! ”
“ตบอสูรจักรพรรดิว่างเปล่าปลิวไปง่ายๆแบบนั้นเลย ?! ”
“ชายคนนี้มัน……”
“ยังดูหนุ่มอยู่เลยแท้ๆแต่กลับ…..แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย ?! ”
“เขาเป็นนายน้อยของขุมพลังไหน ? นี่…ดูไม่คุ้นหน้าเลยนะ ”
หลายๆคนได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียน
ในตอนนี้เองที่มีร่างสามร่างที่อยู่ห่างไกลออกไปซึ่งชายหนุ่มที่เป็นหนึ่งในนั้นกำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่คาดหวังพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“แข็งแกร่งไม่เบา ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันไปพูดกับชายชราที่อยู่ด้านหลังว่า
“เชิญเขามาพบข้าหน่อย ข้าอยากจะพูดกับเขา ”
“ขอรับ ”
ชายชราทั้งสองตอบรับพร้อมทั้งเดินออกไป
หลินเทียนที่อยู่กลางแม่น้ำได้โบกมือส่งตรามังกรออกไปห่อหุ้มหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยเอาไว้เพื่อเก็บมันแล้วเดินกลับไปหาจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชู
จระเข้เบญจธาตุที่เห็นเช่นนั้นเองก็ถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ไปกันเถอะ ”
“ไปแบบนี้เลย ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้พูดต่อขณะที่กวาดสายตาออกไปรอบๆว่า
“ดูก็รู้ว่าแม่น้ำนี่ไม่ใช่ธรรมดาๆแน่ๆ เรามาขุดเอาสมบัติกันต่อไม่ดีรึไง ถึงอย่างไรแม้มันจะไม่มีประโยชน์กับเราแต่ก็ยังสามารถเอากลับไปให้ศิษย์ที่สำนักได้นะ ”
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ก็ดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคิดแบบนี้ด้วย ”
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันหันหลังเดินออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรอีก
แต่มันเป็นตอนนี้เองที่มีชายชราสองคนเดินเข้าใกล้พวกเขาก่อนที่จะพูดกับหลินเทียนว่า
“มีท่านๆหนึ่งอยากจะพบกับเจ้า ตามข้ามา ”