Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1469
ชายชราชุดครามได้ส่งเสียงอันราบเรียบออกมาขณะที่จ้องมองมาทางหลินเทียนเล็กน้อย
หลินเทียนได้ขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะว่าท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมากเสมือนว่ากำลังสั่งการเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เขากวาดสายตาออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป
“ข้ากำลังพูดอยู่กับเจ้า ไม่ได้ยินหรือไงกัน ? ”
เมื่อเห็นว่าหลินเทียนไม่ตอบกลับทำให้สีหน้าของชายชราตกต่ำลงทันที
“ก่อนที่จะพูดกับคนอื่นก็ช่วยดูกิริยามารยาทของตัวเองก่อนได้ไหม ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้กล้าแสดงท่าทางแบบนั้นกับข้า ? ”
หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้พูดต่อว่า
“กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าด้วยว่า อยากจะพบข้าก็ให้มาเอง ”
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายมันอวดดีเกินไปเพราะอยากจะพบเขาแต่กลับให้เขาไปหามันด้วยตัวเองแบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิหรือไงกัน ?
หลังจากที่พูดจบแล้วพวกเขาก็ได้พากันก้าวเดินออกไปอย่างไม่แยแส
นี่ทำให้ชายชราได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมากก่อนที่จะกลับไปรายงานให้กับชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ห่างออกไป
“แล้วเขาล่ะ ? ”
ชายหนุ่มถามออกมา
ชายชราได้ก้มหน้าลงพร้อมทั้งตอบว่า
“มันบอกว่าหากอยากจะคุยกับมันก็ให้ไปพบมันเองขอรับ ”
“ได้บอกสถานะของข้าไปหรือยัง ? ”
ชายชราตอบกลับไปว่า
“เปล่าขอรับ ”
ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“งั้นก็ไปบอกเขาว่า หยานซ่งหวางจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิต้องการจะให้เขาเข้าร่วมกับเรา ”
ชายชราพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปหาหลินเทียนอีกครั้ง
“มาไงอีกล่ะ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาเพราะมันเองก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายเช่นกัน
ชายชราได้กวาดสายตามองจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
“นายน้อยหยางซ่งหวางจากราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิต้องการให้เจ้าเข้าร่วมกับขุมพลังของเรา ”
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน
เป็นเพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นชื่อของขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้และได้ชื่อว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลทั้งปวงที่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายรวมถึงตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงอยู่มากกว่าหนึ่งคน
หลินเทียนเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเลยที่คนที่อยากจะพบกับเขาจะเป็นคนของทางราชวงศ์แถมน่าจะมีสถานะที่ไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่อีกฝ่ายยังคงทำตัวหยิ่งยโสเสมือนว่าเขาเป็นลูกน้องของมันและทำเหมือนว่าการที่ให้เขาเข้าร่วมกับทางราชวงศ์นั้นเป็นของขวัญชิ้นใหญ่
“กลับไปบอกเขาว่าข้าขอปฏิเสธความมีน้ำใจนี้ ข้ายังไม่อยากจะเข้าร่วมกับขุมพลังไหนๆ ”
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
หลังจากนั้นก็ก้าวเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
นี่ทำให้สีหน้าของชายชรายิ่งตกต่ำลงกว่าเก่าพร้อมทั้งส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะหันหลังกลับไปหาชายหนุ่มรูปหล่อแล้วรายงานว่า
“เขาไม่ต้องการของรับ ”
“บอกสถานะของข้าไปหรือยัง ? ”
“แล้วขอรับ ”
ชายชราตอบกลับ
นี่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อยและได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่คมกริบให้ความรู้สึกที่อันตรายอย่างมาก
เขาที่เป็นถึงคนของขุมพลังใหญ่อุส่าเปิดปากชวนอีกฝ่ายเข้าร่วมกับขุมพลังของเขาด้วยตัวเองแบบนี้มันถือเป็นบุญคุณครั้งยิ่งใหญ่ทว่าอีกฝ่ายกลับกล้าปฏิเสธเขา
นี่มันมีความกล้าไม่น้อยเลยจริงๆ
“หาเวลาแล้วฆ่ามันซะ ”
เขาพูดออกมา
“ขอรับ”
ชายชราได้ตอบกลับ
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งหันหลังเดินจากไป
…………..
หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปภายในแม่น้ำแห่งนี้พร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสและตรามังกรออกไปเพื่อเก็บเอาสมบัติทั้งหลายทั้งปวงขึ้นมา
แน่นอนว่าสำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ได้มีค่าอะไรมากนักแต่หากนำไปให้กับเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลหรือต่ำลงไปแล้วก็จะเรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติชั้นเลิศเลยก็ว่าได้
พวกเขาพากันล่าสมบัติอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้อยู่กว่างครึ่งเดือนเต็ม
“ดูเหมือนว่าของดีจะถูกเก็บไปหมดแล้วนะ ไปกันเถอะ”
หลินเทียนพูดออกมา
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างพยักหน้าของพวกเขาพร้อมทั้งพากันก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ไม่นานพวกเขาก็ออกห่างจากแม่น้ำไปไกลมากแล้ว
“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าที่นี่มันถึงขั้นทำให้เขตแดนอนันตกาลเองก็ยังให้ความสนใจแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยความสงสัย
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ”
หลินเทียนพูดออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“แต่น่าจะเป็นเพราะค้นพบสมบัติที่ไม่ธรรมดา ”
จระเข้เบญจธาตุหันมองมาทางเขาก่อนที่จะพูดว่า
“พูดให้เสียเวลาทำไมกัน เรื่องแค่นี้ข้าก็พอรู้อยู่แต่ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นสมบัติอะไรกัน ”
“ใครจะไปรู้กันล่ะ ”
หลินเทียนตอบกลับ
หลังจากนั้นเขาก็ได้พากันก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงอสูรคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏอสูรร่างยักษ์ดวงตาสีเขียวขจีส่องประกายความกระหายเลือดออกมาอย่างเข้มข้นด้วยระดับพลังเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางที่คว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางพวกเขาอย่างไม่รอช้า
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
หลินเทียนเดินนำออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อยก่อนที่จะส่งการโจมตีออกไปทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายแล้วก้าวเดินออกไปขณะที่จระเข้เบญจธาตุหันมองไปทางมันเล็กน้อย
อสูรตัวนี้มีสายตาที่เย็นชาเป็นอย่างมากและอยากจะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนอีกครั้งแต่วินาทีที่ได้สบตากับจระเข้เบญจธาตุแล้วก็ทำให้ร่างกายของมันสั่นสะท้านไปไม่หยุดเพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งนิรันดร์จากพลังอสูรของจระเข้เบญจธาตุ
ทั้งหมดนี้ทำให้มันนิ่งไปและไม่กล้าเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนรู้ดีว่าเป็นเพราะจระเข้เบญจธาตุได้ส่งแรงกดดันออกไปทำให้พวกเขาพากันก้าวเดินต่อไปอย่างไม่สนใจอะไร
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอสูรและสัตว์ป่าหายากมากมายซึ่งระหว่างทางที่ก้าวเดินเข้าไปก็ต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีหลายครั้งแต่ก็ไม่มีอสูรตัวไหนเลยที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับพวกเขาได้เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของพวกเขาก็ถือว่าแข็งแกร่งมากทำให้อสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายก็ยังแตะต้องพวกเขาไม่ได้
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่ที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่าสามารฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่งพุ่งเข้าใส่ทางพวกเขา
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบเบี่ยงหลบการโจมตีนี้ไปอย่างรวดเร็ว
คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไปกระแทกเข้ากับภูเขาลูกใหญ่ทำให้มันระเบิดออกเหลือไว้เพียงแค่เศษซากปรักหักพังเท่านั้น
“จิตสัมผัสใช้ได้หนิ ”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างชองชายชรากำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
“เป็นเจ้า ”
หลินเทียนจดจำอีกฝ่ายได้อย่างดี
สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็เปลี่ยนไปเช่นกันเพราะพวกมันเองก็จดจำชายชราคนนี้ได้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาสนทนากับพวกเขาสองครั้งโดยการสั่งให้พวกเขาเข้าร่วมกับทางราชวงศ์หมื่นเกียรติภูมิ
“ไอ้แก่ ต้องการอะไร ? ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมา
ชายชราได้หันมองไปทางจระเข้เบญจธาตุเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
“พวกหน้าไม่อาย นายน้อยอุส่าเอ่ยปากชวนด้วยตัวเองแบบนี้แล้วกลับกล้าปฏิเสธ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? คิดว่าขุมพลังของข้าเป็นอะไร ? ”
“เป็นเพราะข้าไม่ต้องการเข้าร่วมดังนั้นถึงได้ส่งคนมาฆ่าข้า ? ”
หลินเทียนหันมองออกไป
“เจ้าเป็นคนแรกเลยนะที่กล้าขัดคำสั่งของนายน้อยและขุมพลังของเรา ”
ชายชราไม่ได้ตอบกลับพร้อมทั้งซัดฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่ลังเล
“ตาย ! ”
มันเป็นฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่ปกคลุมร่างของพวกเขาทุกคนเอาไว้อย่างฉับพลัน
“กึ่งอนันตกาล ? ”
หลินเทียนได้หรี่ตาลงเล็กน้อยหลังจากที่สัมผัสได้ถึงระดับพลังของอีกฝ่าย
หลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือของเขาออกไปคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างฉับพลัน
นี่ทำให้สีหน้าของชายชราถึงกับเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะแม้จะยั้งมือเอาไว้แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะรับได้มือเปล่าแบบนี้
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากพลางส่งเสียงอันทุ้มต่ำออกมาว่า
“น่าสนใจดีหนิ อย่างน้อยๆก็น่าจะแข็งแกร่งเทียบ…….”
ระหว่างที่กำลังพูดอยู่ดีๆเขาก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังหลังจากที่หลินเทียนได้บิดข้อมือของเขากลับไปพร้อมทั้งส่งถ่ายคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของเขาทำให้ดวงวิญญาณของเขาเกือบแหลกสลายหายไป
“นี่เจ้า….”
“ตู้มม ~! ”
หลินเทียนยกเท้าขึ้นมาเตะอัดหน้าอกของอีกฝ่ายจนปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
หลังจากนั้นเขาก็ได้กระทืบลงไปกลางหน้าอกของอีกฝ่ายอีกครั้ง
บึ้สสส
หน้าผากของเขาส่องประกายแสงออกมาขณะที่จิตสัมผัสอันทรงพลังทะลวงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายเพื่ออ่านความทรงจำของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าหยานซ่งหวางที่ว่านั้นมีความสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงรวมถึงจักรพรรดิของราชวงศ์
“เป็นเพราะข้าไม่ยอมเข้าร่วมถึงได้คิดจะฆ่าข้า อวดดีไม่เบาหนิ สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงขุมพลังที่แข็งแกน่งที่สุด ”
เขาแสยะออกมา