Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1470
หลินเทียนส่งเสียงแสยะออกมาเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหยิ่งผยองไม่เบาแถมยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมถึงขีดสุด
“เจ้า……”
ชายชราที่อยู่ใต้เท้าของเขาได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเมื่อครู่หลินเทียนเพิ่งจะอ่านความทรงจำของเขาที่อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลไปได้ง่ายๆและมันทำให้เขาอดรู้สึกใจสั่นไปไม่ได้เพราะเขาได้รู้แล้วว่าระดับพลังของหลินเทียนนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาแต่ความแข็งแกร่งกลับแซงหน้าเขาไปไกลมากๆ
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมๆกับระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมาเพื่อพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการพันธนาการของหลินเทียน
หลินเทียนก้มมองลงไปเล็กน้อยพร้อมทั้งง้างขาก่อนที่จะเตะอัดเข้าที่กลางหน้าอกของอีกฝ่าย
อั๊กก ~!
ชายชราส่งเสียงโห่ร้องออกมาขณะที่กระอักเลือดออกมาไม่หยุดก่อนที่ประกายแสงทั้งหมดจะสลายหายไป
หลินเทียนหันมองไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่หน้าผากของเขาจะส่องประกายเพื่อสังเวยเอาปรากฏการณ์ทะเลความรู้ของตัวเองออกมา
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาหลังจากนั้นขณะที่กลีบดอกบัวมากมายก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่ดอกบัวที่พุ่งทะลวงผ่านหน้าผากของชายชราไปโดยที่ไม่ได้ปิดบังจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย
ชายชราได้แต่สั่นไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“ไม่….อย่าฆ่าข้า ข้าก็แค่รับคำสั่งมาจาก……”
“แกร๊ง ! ”
กระบี่ดอกบัวส่งเสียงคำรามออกมาขัดจังหวะอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งทะลวงผ่านทะเลความรู้ของมันไปทันที
“อ๊ากก ~! ”
ชายชราส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณแหลกสลายหายไปโดยเหลือทิ้งไว้เพียงร่างกายหยาบที่ยังสมบูรณ์เท่านั้น
จระเข้เบญจธาตุหันมองไปยังซากศพของมันพร้อมทั้งถามออกมาว่า
“เจ้าซ่งหวางนั่นส่งมันมาฆ่าเจ้าจริงๆ ? ”
หลินเทียนได้พยักหน้าของเขาพร้อมทั้งสร้างภาพร่างจิตสัมผัสของความทรงจำเมื่อครู่ที่ได้รับออกมา
“นี่มันจะป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ! ”
จระเข้เบญจธาตุแสยะออกมา
เสี่ยวไท่ชูเองก็ทำแบบเดียวกันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะหันมองออกไปยังภูเขานิรันดร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปโดยที่ไม่ปิดบังจิตสังหารแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนสายตากลับมาและพูดขึ้นว่า
“ดูดกลืนร่างๆนี้ไปก่อนน่าจะทำให้พวกเจ้าตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางได้แล้วเราค่อยไปฆ่าซ่งหวางระหว่างทางไปเอาสมบัติกัน ”
“สมบัติ ? สมบัติอะไร ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัยว่า
“แล้วเจ้ารู้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน ? ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะได้รับความทรงจำของอีกฝ่ายมามากมายดังนั้นถึงได้อธิบายออกมาว่า
“มีคนค้นพบเหมืองแห่งดาราขึ้นภายในดินแดนบ่มเพาะนี้ซึ่งมันเต็มไปด้วยแร่ดารามากมายที่ก่อตัวขึ้นจากแก่นพลังของดวงดาวจึงถือได้ว่าเป็นสมบัติสำหรับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะเพราะมันสามารถเพิ่มระดับพลังได้ทันทีถึงขั้นที่เร่งให้ร่างกายตัดผ่านไปยังเขตแดนอนันตกาลได้อย่างรวดเร็ว”
หลังจากนั้นเขาได้พูดต่อว่า
“ก่อนหน้านี้เจ้าสงสัยไม่ใช่หรือไงว่าภายในสถานที่แห่งนี้มันมีอะไรที่ทำให้แม้แต่เขตแดนอนันตกาลก็ยังต้องให้ความสนใจ คำตอบคือสิ่งนี้ไงล่ะ ”
เป็นเพราะว่าเมื่อตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและนิรันดร์อมตะแล้วแก่นแท้ของการบ่มเพาะในสองเขตแดนนี้คือการดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาหล่อหลอมร่างกายและดวงวิญญาณดังนั้นสมบัตินี้ถึงได้มีค่าเป็นอย่างมากและทำให้สามารถตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้จากเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า
ดังนั้นแล้วหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของแร่ดาราภายในสถานที่แห่งนี้แล้วก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลหลายๆคนพากันแห่มาที่นี่ไม่เว้นแม้กระทั่งคนของราชวงศ์เกียรติภูมิและขุมพลังใหญ่ๆมากมายเพื่อเก็บเกี่ยวมัน
แม้ว่าของเหล่านี้จะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขตแดนอนันตกาลอย่างพวกเขาแต่พวกเขาล้วนแล้วแต่มีรากฐานเป็นขุมพลังใหญ่ดังนั้นหากว่าสามารถนำมันกลับไปได้มากพอแล้วก็จะถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆเพราะจะสามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นได้ในเวลาสั้นๆ
ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้มีค่าเพียงแค่สำหรับการบ่มเพาะเท่านั้นเพราะมันยังสามารถเอาไปหลอมทำอาวุธที่ทำให้ระดับพลังของมันเพิ่มสูงขึ้นรวมถึงการนำไปกลั่นเป็นยาที่เพิ่มโอกาสสำเร็จในการกลั่นได้มาก
ดังนั้นแล้วมูลค่าของมันถึงไม่ได้น้อยๆเลย
จระเข้เบญจธาตุที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะมันเองก็รู้จักแร่นี้เป็นอย่างดีเนื่องจากเคยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับมันมาจากตำราทั้งหลายที่หลินเทียนนำกลับมาจึงได้พูดออกมาว่า
“นี่มันพบเหมืองดารา ? แถมยังเต็มไปด้วยแร่ดารานับไม่ถ้วน ? พูดจริงงั้นรึ ? ”
“จริงๆ ”
“งั้นไอ้ซ่งหวางนั่น…….ก็อยู่ที่นั่น ? มาที่นี่เพื่อเหมืองนั่น ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมา
“ใช่แล้ว ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า
“เขาเป็นตัวแทนของราชวงศ์ที่มาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวเอาแร่เหล่านั้นกลับไปเพราะมันก็ยังคือเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาของขุมพลังใหญ่อยู่ดี ”
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งปล่อยให้ทั้งสองคนหล่อหลอมพลังของร่างไร้วิญญาณไปแล้วมุ่งหน้าไปยังเหมืองแห่งนั้น
เป็นเพราะเขารู้ถึงตำแหน่งที่แน่ชัดของมันมาจากความทรงจำของศัตรูก่อนแล้ว
“ได้ ”
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมัน
นี่ทำให้หลินเทียนรีบแผดจิตสัมผัสออกไปเพื่อค้นหาสถานที่ปลอดภัยและให้ทั้งสองคนเริ่มการดูดกลืนโดยที่เขาเป็นผู้คุ้มกันให้
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าเจ็ดวันเต็มๆ
หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่าเจ็ดวันแล้วร่างกายหยาบของชายชราก็ได้แหลกสลายหายไปและแปรเปลี่ยนกลายเป็นเพียงเศษเถ้าธุลีขณะที่จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูล้วนตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางกันหมด
“เข้าใกล้เขตแดนอนันตกาลมากขึ้นแล้ว ! ”
แววตาของจระเข้เบญจธาตุส่องประกายออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“หากว่าเราสามารถชิงเอาเหมืองนั่นได้แล้วล่ะก็ มีหวังเราได้ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลกันหมดแน่ๆ ”
“หากว่าเรายึดเหมืองนั่นได้ทั้งหมดก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ”
หลินเทียนตอบกลับ
เป็นเพราะเขารู้มาจากความทรงจำของอีกฝ่ายว่ามันเป็นเหมืองที่อัดแน่นไปด้วยแร่ดารามากมายและหากว่ายึดเอามันมาหมดแล้วและด้วยระดับพลังของพวกเขาจะต้องสามารถตัดผ่านกันได้หมดแน่นอน
“แล้วจะรออะไรกัน ? รีบไปกันเร็ว หากว่าไปช้าเดี๋ยวก็ถูกชิงไปหมดหรอก ”
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมาว่า
“แม้ว่าจะถูกค้นพบนานแล้วก็จริงแต่มันก็รายล้อมไปด้วยหมอกพิษที่ถึงขนาดกึ่งนิรันดร์แท้จริงก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรอให้หมอกเหล่านั้นสลายหายไปก่อนถึงจะสามารถเข้าไปได้และมีการประมาณการณ์เอาไว้ก่อนแล้วว่ามันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนเต็มๆเราจึงไม่ต้องรีบร้อนไปที่นั่นก็ได้ ”
อย่างไรก็ตามแม้จะพูดไปเช่นนั้นแต่เขาก็ได้หันไปพูดกับทั้งสองคนพร้อมทั้งเริ่มการออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าพวกเขามุ่งหน้าไปยังเส้นทางของเหมืองแห่งนั้น
ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงขุนเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้
มันเป็นภูเขานิรันดร์ที่มีพลังฉีอันเข้มข้นและรายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมายแต่เมื่อยิ่งก้าวเข้าไปก็จะพบว่าพืชพันธุ์ทั้งหลายยิ่งลดน้อยลงจนถึงจุดที่ไม่มีเหลืออยู่แต่กลับอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของแร่ดาราที่เข้มข้น
“ขนาดกลิ่นอายที่อยู่ด้านนอกยังเข้มข้นได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเหมืองใหญ่จริงๆด้วยซินะ ”
สีหน้าของจระเข้เบญจธาตุเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะแม้จะรู้มาจากหลินเทียนก่อนแล้วว่ามันเป็นเหมืองที่ใหญ่มากๆแต่เมื่อได้สัมผัสกับกลิ่นอายด้วยตัวของมันเองแล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้
“ก็บอกแล้วไงล่ะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
พวกเขาพากันเดินหายเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ยิ่งตรงลึกเข้าไปก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นขึ้นกว่าเก่าแต่ก็พบว่ามันมีกลุ่มหมอกสีเทารายล้อมสถานที่ตรงหน้าของพวกเขาเอาไว้และมันมักจะส่งเสียงกัดกร่อนห้วงมิติโดยรอบออกมาอย่างต่อเนื่อง
“นี่คือหมอกพิษที่ว่า ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ใช่ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
พวกเขาต่างพากันมาถึงพื้นที่รอบนอกของสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งพบกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลนับสิบๆคนที่ยืนอยู่ในจุดที่ต่างกันออกไปทำให้สีหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะสมแล้วจริงๆที่เป็นดาวที่แข็งแกร่งที่สุดถึงขั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้อยู่มากมาย
เขากวาดสายออกไปก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่ร่างชองชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชายชราชุดสีเทายืนอยู่ด้านหลัง
เขามองออกไปทางชายหนุ่มคนนี้ด้วยแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาพลางแสยะออกมาว่า
“หยานซ่งหวาง ”
เป็นเพราะเขารู้มากจากความทรงจำของชายชราว่าอีกฝ่ายไม่พอใจที่เขาไม่ยอมเข้าร่วมกับขุมพลังดังนั้นถึงได้ส่งชายชราออกมาฆ่าเขาทำให้เขารู้จักรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีและส่งผลให้แววตาของเขาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูเองก็ได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งแสยะออกมาว่า
“อย่าลืมฆ่ามันด้วยล่ะ ! ”
หลังจากนั้นก็ได้พูดต่อว่า
“แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ธรรมดาเลยนะ ”
“ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“มันอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริง ”
นี่คือสิ่งที่เขาได้รับรู้มาจากความทรงจำของชายชรา