Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1478
กลุ่มเมฆสีดำทมิฬปกคลุมเหนือม่านฟ้าเอาไว้พร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
พริบตานี้เองที่สถานที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิทขณะที่โลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยพลังทำลายล้างที่ทำให้ทุกชีวิตภายในรัศมีหลายกิโลเมตรพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
“ตู้มม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังด้วยพลังทำลายที่พร้อมจะบดขยี้โลกทั้งใบทำให้ขุนเขาแห่งนี้สั่นไหวไม่หยุด
ภายในภูเขาแห่งนี้ จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่กำลังบ่มเพาะกันอยู่ต่างพากันสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงขณะที่กลิ่นอายของพวกเขาปั่นป่วนอย่างมาก
หลินเทียนที่อยู่อีกด้านและรายล้อมไปด้วยคลื่นพลังสีทองได้แผดกลิ่นอายแห่งอนันตกาลออกมาอย่างเข้มข้น
หลังจากนั้นเองที่มันได้แผ่วลงและถูกดูดกลืนกลับมาอย่างฉับพลันทำให้คลื่นสายฟ้าสลายหายไปและส่งผลให้กลิ่นอายของทั้งสองคนกลับเป็นปกติอีกครั้ง
ผ่านไปได้ไม่นานหลินเทียนก็ได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยแววตาที่ส่องประกายคลื่นสายฟ้าออกมา
“ดูเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้จะอันตรายกว่าครั้งก่อนมาก ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองพร้อมทั้งแหงนหน้ามองขึ้นไปยังฟากฟ้า
หลังจากที่ใช้เวลาดูดกลืนอยู่กว่างหนึ่งเดือนมานี้ก็ทำให้เขาตัดผ่านได้ในที่สุดและหลังจากนั้นเขาก็หยุดยั้งกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ทำให้ทัณฑ์สวรรค์สลายหายไปแต่เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ทำให้เขาสัมผัสได้เลยว่ามันเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงถึงขั้นทำให้ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนไปหมด
นี่ทำให้เขาจินตนาการได้เลยว่านี่น่าจะเป็นเพราะการตัดผ่านเขตแดนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเส้นทางบ่มเพาะดังนั้นอันตรายที่ตามมาถึงได้น่ากลัวกว่ามาก
เขาสงบสติลงอย่างรวดเร็ว
“ยังไงก็ผ่านได้อยู่แล้ว ”
แม้ว่าจะมีทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอยู่แต่ก็ไม่มีทางที่จะสามารถก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้แต่ด้วยหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยที่ได้มาก่อนหน้านี้มันสามารถนำไปกลั่นเป็นยาเสริมพลังสิบเท่าให้กับเขาได้และการตัดผ่านเองก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมากนัก
เขาไม่ได้คิดอะไรต่อพร้อมทั้งคอยปกป้องคนอื่นๆเอาไว้ขณะที่สายตาจดจ่ออยู่กับภาพด้านนอกถ้ำแห่งนี้
“บึ้สส ~! ”
“บึ้ส ~! ”
ร่างกายของจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูต่างเปล่งประกายแสงอันเข้มข้นออกมาขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามเดือนเต็มๆ
ตามเดือนมานี้กองภูเขาแร่ดาราเหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือเท่านั้นและมันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของทั้งสองคน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ต่างพากันลืมตากลับขึ้นมาด้วยแววตาที่ส่องประกายออกมาอย่างเข้มข้น
“ก้าวข้ามเขตแดนอนันตกาลได้แล้ว ! ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นอย่างมาก
เป็นเพราะหลังจากที่ใช้เวลาดูดกลืนอยู่กว่าสามเดือนมานี้ทำให้มันตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้ในที่สุด
เมื่อตัดผ่านมาแล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องกาลเวลาอีกต่อไปเพราะมันมีอายุขัยระดับเดียวกับโลกที่แทบไม่มีวันจะแตกดับ
ระหว่างนี้พลังอสูรที่แผดออกมาอย่างเข้มข้นนี้มันมากพอจะต่อกรได้แม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลตอนกลางเลยด้วยซ้ำ
ร่างกายของเสี่ยวไท่ชูเองก็รายล้อมไปด้วยประกายแสงหกสีอย่างเข้มข้นแถมยังสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
หลินเทียนหันมองไปทางพวกเขาพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้เลยว่าแม้ทั้งสองจะเพิ่งตัดผ่านแต่ความแข็งแกร่งนั้นก้าวข้ามเขตแดนเดียวกันไปไกลมากแล้ว
เสี่ยวไท่ชูตอบรับด้วยเสียงของทารกขณะที่จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงหัวเราะออกมาพลางถามว่า
“แล้วเจ้าล่ะ ? ”
มันมองมาทางเขาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เหมือนว่ายังไม่ตัดผ่านอย่างสมบูรณ์สินะแต่ก็สามารถตัดผ่านได้ตามใจนึก ? ฝืนยับยั้งระดับพลังเอาไว้ ? ”
เป็นเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังทำลายล้างจากม่านฟ้าดังนั้นถึงได้รู้ดีว่ามันคือทัณฑ์สวรรค์ที่ก่อตัวขึ้นเพราะการตัดผ่านของหลินเทียน
แต่การที่มันหายไปดื้อๆแบบนี้ก็พอจะเดาได้เลยว่ามันเป็นฝ่ายหลินเทียนที่ยับยั้งพลังของตัวเองเอาไว้เพื่อทำให้ทัณฑ์สวรรค์สลายหายไปเพราะถึงอย่างไรมันก็เคยผ่านสถานการณ์แบบเดียวกันมาก่อนแล้วจึงไม่ได้ประหลาดใจมากนัก
หลินเทียนยิ้มตอบกลับไปว่า
“อื้ม ”
“แล้วเป็นไง ทัณฑ์สวรรค์รอบนี้มันลำบากมากไหม ? ”
จระเข้เบญจธาตุถามต่อด้วยใบหน้าที่จริงจังอย่างมากเพราะมันรู้ดีว่าทัณฑ์สวรรค์แต่ละครั้งของหลินเทียนนั้นป่าเถื่อนขนาดไหนและการตัดผ่านครั้งนี้ไม่บอกก็รู้ว่ามันต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องเป็นห่วง ”
หลินเทียนตอบกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วจระเข้เบญจธาตุก็อดประหลาดใจไปไม่ได้
“มั่นใจในตัวเองจริงๆเลยนะ ”
มันพูดออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปพูดกับทั้งสองคนว่า
“พวกเจ้าก็ปรับสมดุลกันก่อนแล้วกัน ข้าจะคอยปกป้องให้แล้วหลังจากนั้นข้าต้องใช้เวลากลั่นยาทิพย์เพื่อเอาไว้สำหรับก้าวข้ามเขตแดนอนันตกาล ”
“กลั่นยา ? ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาก่อนที่จะระลึกได้ถึงบางสิ่งพร้อมพูดว่า
“ยาทิพย์ที่สร้างขึ้นจากหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อย ? ”
หลังจากนั้นดวงตาของมันก็ได้เปล่งประกายพลางพูดต่อว่า
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหนูนี่ถึงได้มั่นใจนักหนา ”
เป็นเพราะว่ามันเองก็รู้จักยาทิพย์ที่ช่วยเพิ่มระดับพลังสิบเท่าดีซึ่งด้วยพลังของมันแล้วก็เชื่อได้ว่าหลินเทียนจะต้องสามารถตัดผ่านได้อย่างแน่นอน
นี่ทำให้มันรู้สึกหมดห่วงพลางพูดออกมาว่า
“งั้นข้าและเจ้าหนูน้อยขอปรับสมดุลก่อนแล้วกันแล้วเจ้าก็ค่อยกลั่นยาสำหรับก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์แล้วกัน ”
หลังจากที่พูดจบแล้วมันก็รีบกลับไปปรับสมดุลพลังอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนเองก็คอยคุ้มกันพวกมันทั้งสองคนจนเวลาผ่านไปกว่าเจ็ดวัน
วันนี้เป็นวันที่ทั้งสองคนได้ลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้งด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
“เอาล่ะ ข้าเริ่มการกลั่นยาล่ะนะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะเขาเคยกลั่นมันมาตอนอยู่ในเขตแดนจ้าวแห่งเต๋ามาก่อนแล้วดังนั้นด้วยเขตแดนอนันตกาลทำให้ทักษะการปรุงยาของเขาเชี่ยวชาญขึ้นมากและก้าวข้ามปรมาจารย์ปรุงยาระดับ 9 ไปไกลมากแล้วถึงได้กลั่นได้อย่างง่ายดาย
เขาหยิบเอาหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยออกมาพร้อมๆกับวัตถุดิบอื่นๆรวมถึงหม้อยาสีดำทมิฬของจ้าวโอสถแล้วจุดประกายเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ขึ้นมา
พริบตาเวลาหกชั่วโมงก็ได้ผ่านพ้นไป
หกชั่วโมงหลังจากนั้นกลิ่นหอมได้คละคลุ้งไปทั่วถ้ำแห่งนี้ขณะที่เขาหยิบเอายาทิพย์ที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายออกมาจากหม้อยาตรงหน้า
“หากเทียบกันแล้วผลลัพธ์ของมันน่าจะดีกว่าครั้งก่อนมาก อย่างน้อยๆก็น่าจะคงสภาพได้ได้กว่าสองชั่วโมง ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เขาได้รับหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยมาจากตำหนักหยินสุดขั้วมาก่อนแล้วและกลั่นมาโดยที่ไม่เคยพลาดก็จริงแต่ก็กลั่นได้แต่สามเม็ดเท่านั้นแต่ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพหรือจำนวนก็เพิ่มสูงขึ้นมากเนื่องจากระดับความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้
“สองชั่วโมง ?! ก่อนหน้านี้มันออกฤทธิ์เพียงแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ ”
จระเข้เบญจธาตุผงะไป
“ใช่ ”
หลินเทียนพูดต่อว่า
“เป็นเพราะว่าหญ้าวิญญาณเน่าเปื่อยที่ได้มามันสมบูรณ์กว่ามากแถมด้วยระดับพลังของข้าในตอนนี้รวมถึงเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ด้วยแล้วถึงได้ทำให้คุณภาพของมันสูงขึ้น”
เขาอธิบายออกไปก่อนที่จะส่งมันให้กับทั้งสองคนแล้วเก็บเอาไว้กับตัวสองเม็ด
จระเข้เบญจธาตุรับมันไปก่อนที่จะพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า
“พลังสิบเท่า ! ด้วยระดับพลังของข้าในตอนนี้แล้วมันน่าจะเพียงพอสำหรับต่อกรกับเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเลยก็ว่าได้”
หลินเทียนหันมองไปทางมันพร้อมทั้งพูดว่า
“อย่าเพ้อไปหน่อยเลย ความต่างชั้นของระดับพลังมันไกลเกินไปเพราะต่อให้เจ้ามีระดับพลังเพิ่มขึ้นยี่สิบเท่าก็ยังไม่ใช่คู่มือของเขตแดนนิรันดร์แท้จริงอยู่ดี ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปพร้อมทั้งพูดว่า
“ไปกันเถอะ หาที่กว้างๆไว้ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์กัน ”