Divine King of All Directions – สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ - ตอนที่ 1479
เมื่อยาเสริมพลังได้ถูกกลั่นอย่างสมบูรณ์แล้วพวกเขาถึงได้เริ่มการออกเดินทางเพื่อค้นหาสถานที่โล่งกว้างไร้ผู้คนเอาไว้สำหรับก้าวข้ามเขตแดนอนันตกาลเนื่องจากรัศมีทำลายล้างของมันใหญ่มากจึงไม่อยากจะให้ผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
นี่ทำให้หลินเทียนรีบออกเดินทางออกไปยังสถานที่ๆห่างไกลพร้อมๆกับคนอื่นๆ
ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปฉีกมิติตรงหน้าออกไปหลายครั้งก่อนที่จะไปถึงทะเลทรายขนาดใหญ่หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางอยู่กว่าสิบสี่ชั่วโมง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันเป็นสถานที่โล่งกว้างกินพื้นที่หลายกิโลเมตรโดยที่ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าไปรออยู่ที่ขอบรอบนอกแล้วกัน ”
หลินเทียนหันไปพูดกับจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชู
“ได้ ”
จระเข้เบญจธาตุตอบรับขณะที่เสี่ยวไท่ชูส่งเสียงทารกออกมา
แม้ว่าทัณฑ์สวรรค์ของหลินเทียนจะทรงพลังอย่างมากแต่ด้วยยาเสริมพลังแล้วก็ทำให้พวกเขาเชื่อว่าจะต้องผ่านพ้นมันไปได้อย่างไม่เป็นปัญหาแน่ๆ
หลินเทียนก้าวเดินออกไปยังใจกลางของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วพลางหันมองกลับไปทางจระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปไกลพร้อมแหงนมองขึ้นฟ้าไป
เขาตั้งสติเล็กน้อยก่อนที่จะส่งความคิดออกไปพลางปลดปล่อยกลิ่นอายที่ยับยั้งเอาไว้ออกมา
เสียงทึ้มม ~!
ดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับปรากฏหมู่เมฆที่รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าขึ้นอย่างฉับพลัน
พริบตาที่หมู่เมฆได้ก่อตัวขึ้นก็ปรากฏวังน้ำวนสายฟ้าขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยประกายสายฟ้าสีแดงฉานสร้างแรงกดดันที่หนักหน่วงถึงขั้นทำให้ดาวดวงนี้สั่นไปไม่หยุด
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ~ !”
“ตู้ม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นไปอีก
จระเข้เบญจธาตุและเสี่ยวไท่ชูที่อยู่ห่างออกไปไกลได้จ้องมองกลับขึ้นไปด้วยร่างกายที่อดสั่นไปไม่ได้
“นี่มัน…..”
จระเข้เบญจธาตุพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับกลุ่มหมอกสีดำทมิฬที่รายล้อมไปด้วยสายฟ้าสีแดงฉานเสมือนว่าต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้ด้วยพลังทำลายที่สามารถบดขยี้เขตแดนอนันตกาลลงได้อย่างง่ายดาย
“ตู้มมม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่กลิ่นอายที่ก่อตัวขึ้นยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้ได้แหงนหน้ามองกลับขึ้นไปด้วยความรู้สึกที่ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างมาก
มันเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะสัมผัสถึงอันตรายของมันได้อย่างดีแต่สีหน้ากลับไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ไม่ได้มีความกลัวอยู่เลย
เขาส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งคว้าเอายาทิพย์เม็ดสีม่วงขึ้นมาทานลงไป
ไม่นานร่างกายของเขาก็ได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรงในขณะที่พลังเทวะ พลังวิญญาณและทะเลความรู้ของเขาขยายตัวออกอย่างบ้าคลั่ง
ประกายสายฟ้าสีเงินได้เปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาและด้วยฤทธิ์ของยาเสริมพลังแล้วจึงทำให้คลื่นพลังที่ส่งออกมาอดทำให้โลกทั้งใบสั่นสะท้านไปไม่ได้
ตู้มมม ~!
มิติรอบตัวของเขาได้บิดตัวอย่างรุนแรงขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างปะทุออกมา
“พลังสิบเท่าผสานกับทักษะนี้มัน…….”
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะว่ากลิ่นอายที่หลินเทียนส่งออกมาในตอนนี้มันน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“ตู้มม ~! ”
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงและเมื่อมองขึ้นไปยังวังน้ำวนสายฟ้าแล้วจะได้รับความรู้สึกเสมือนว่ามีดวงตาอันอัมหิตกำลังจ้องมองลงมาทางเขาเสมือนว่าต้องการจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลินเทียนยังคงยืนอยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้ด้วยผมสีดำยาวปลิวไสวไปตามแรงลม
เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปด้วยร่างกายที่อาบไปด้วยประกายสายฟ้าอันเข้มข้นเสมือนว่าเป็นเทพสายฟ้าองค์หนึ่ง
“มา ”
เขาส่งเสียงอันราบเรียบออกมา
“ทึ้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าจากสรวงสวรรค์ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งกดทับทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกลงมาเป็นลำแสงสายฟ้าขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง
หลินเทียนที่กำลังมองไปทางมันได้อาศัยทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเหวี่ยงคลื่นสายฟ้าสีเงินออกไปรับมันเอาไว้พร้อมทั้งบดขยี้มันจนสลายหายไป
“มาอีก ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ทักษะเทวะอันทรงพลังได้สั่นไหวขณะที่กลิ่นอายอันหนักหน่วงยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกแถมยังสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาเพื่อต้องการหล่อหลอมมันด้วยทัณฑ์สายฟ้านี้
“ตู้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังสีแดงฉานได้สั่นไหวพร้อมทั้งโอบร่างของเขาเอาไว้ดั่งห่าฝน
นี่ไม่ใช่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองแต่อย่างใดทว่ามันเป็นเพียงประกายสายฟ้าเล็กๆแต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นสามารถฉีกเขตแดนอนันตกาลเป็นชิ้นๆได้ง่ายๆ
หลังจากนั้นเองที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองจะก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงกว่าระลอกแรกตั้งไม่รู้กี่เท่าและกดทับลงมาอย่างไม่รอช้า
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งก้าวออกไปรับการโจมตีเอาไว้ด้วยร่างกายที่ห่อหุ้มไปด้วยคลื่นสายฟ้าขณะที่มีเจดีย์ราชันอมตะล่องลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา
มันเป็นตอนนี้เองที่ร่างของเขาได้เข้าปะทะกับลำแสงสายฟ้าอย่างจังก่อนที่คลื่นสายฟ้าสีเงินของเขาจะถูกทำลายสลายหายไปโดยที่มีเจดีย์ราชันอมตะเป็นตัวรับพลังทำลายล้างเหล่านี้เอาไว้
นี่ทำให้เจดีย์ราชันอมตะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆเนื่องจากนี่เป็นความตั้งใจของหลินเทียนที่จะหล่อหลอมมันจึงได้ก่อมันขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ครั้งนี้เจดีย์ราชันอมตะขนาดย่อมกลับส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้นออกมามากขึ้นกว่าเก่า
“สมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าเป็นแร่ที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่ว่าจะถูกทำลายอย่างไรก็สามารถรักษาตัวเองได้ตราบเท่าที่เจ้าของยังไม่ได้ตายมันก็จะไม่มีวันสลายหายไป ”
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงออกมา
“ตู้มม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะกลิ่นอายทำลายล้างที่ทรงพลังกว่าเก่าแผดออกไปรอบทิศทาง
หลังจากนั้นเองที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามก็ได้ก่อตัวขึ้น
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้โดยที่ร่างกายยังคงห่อหุ้มไปด้วยคลื่นสายฟ้าสีเงินอันทรงพลังได้ก้าวออกไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
“ตู้มม ~! ”
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามจะกดทับเข้าใส่ร่างของพวกเขาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
หลินเทียนไม่ได้มีท่าทางที่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งผสานพลังทั้งหมดเข้าด้วยกันก่อนที่จะอาศัยพลังของทัณฑ์สายฟ้านี้หล่อหลอมเจดีย์ราชันอมตะของเขาไปพร้อมๆกัน
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังยังคงผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งไปทั่วทะเลทรายแห่งนี้จนถึงช่วงที่หมู่เมฆได้สลายหายไปและเผยให้เห็นม่านฟ้าที่สว่างสดใสอีกครั้ง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากพื้นที่โดยรอบกลายเป็นหลุมเป็นบ่อที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมไปหมดแถมยังมีประกายสายฟ้าโลดแล่นไปทั่วทิศทาง
กลิ่นอายทำลายล้างยังคงคุกรุ่นอยู่แต่ก็แผ่วลงมากแล้ว
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้อาบไปด้วยเลือดทั้งตัวด้วยสภาพที่น่าอนาถเป็นอย่างมากส่วนเจดีย์ราชันอมตะนั้นได้แหลกสลายเป็นผุยผงอยู่แทบเท้าของเขา
ปากของเขากลบไปด้วยเลือดซึ่งแม้จะอาศัยพลังของยาทิพย์แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นที่ยากจะจินตนาการได้เพราะมันช่างเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเสียเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถก้าวข้ามมันได้แล้ว
“บึ้สส ~! ”
ปรากฏกลุ่มเมฆหลากสีส่องประกายแสงเจ็ดสีตกกระทบร่างของเขา
ไม่นานร่างกายที่บอบช้ำและได้รับบาดเจ็บสาหัสก็รักษาตัวอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
เขามองออกไปยังเศษซากแทบเท้าพร้อมทั้งส่งความคิดออกไปก่อสร้างเจดีย์ราชันอมตะขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้วให้มันอาบแสงนี้ไปพร้อมๆกัน
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าพิศวง
บึ้สส ~!
กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว
และมันเป็นตอนนี้เองที่ประกายแสงได้สลายหายไป
หลินเทียนยืนอยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้ด้วยร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งอนันตกาลอันเข้มข้น
“เขตแดนอนันตกาลตอนต้น ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกายความล้ำลึกออกมา
ณ ตอนนี้เขาได้ก้าวอยู่บนจุดที่ไม่มีวันแตกดับได้อย่างแท้จริงแล้วและสัมผัสได้เลยว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่ามาก
และที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เขาสัมผัสได้เหมือนว่าตัวเองไม่ได้ต่างอะไรไปจากโลกเลยแม้แต่น้อย
มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่มีวันจะดับสูญลงได้ !
นับจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกาลเวลาอีกต่อไป