Don’t Heal the Others เล่นเกมออนไลน์ อย่าไปฮีลมันเลย! - ตอนที่ 103
“มันเป็นลูกบอลยักษ์สีดำ ช่างน่ากลัวจริงๆ”
เจ๋าซือ ยักไหล่แล้วพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว หอผู้ป่วยที่มืดมนแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกเสี่ยวสันหลังอยู่แล้ว และการปรากฏขึ้นของ ก้อนเนื้อสีดำ นั้นก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“นายไม่จำเป็นต้องเข้าไปสู้ นายก็แค่อยู่ห่างๆ แล้วคอยโจมตีด้วย DPS ” เตียจู พูดด้วยความโกรธ
“เริ่มกันเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว!”
เด็กนั้นก็ยังตื่นเต้นกับมันอยู่เนื่องจากไม่ว่าใคร ก็อยากที่จะเริ่มการต่อสู้ในทันที ถ้าหากพลังโจมตีของใครคนนั้น ถูกเพิ้มขึ้นไปสามเท่า เหมือนกับเด็กคนนั้น
“เริ่มกันเถอะ”
เตียจู เดินออกไปข้างหน้า เนื่องจากพวกเขาไม่มี นักรบโล่อยู่ในทีม ดังนั้น เขาจึงเป็นคนเดียวที่สามารถต่อสู้แทนนักรบโล่ได้
ในเวลานั้น ซื๋ออี้ ได้เพิ่ม พรชีวิต ให้กับเขาแล้วเขาก็เป็นคนเดียวที่สามารถได้รับ พรอาวุธ ต่อไปได้เพราะว่า DPS อีกสองคน เจ๋าซือ และเด็กคนนั้น ได้รับ พรอาวุธ จากเสี่ยวเฟิงไปแล้ว
“กูลลู่ลู้!”
ก้อนเนื้อสีดำ ทำเสียงที่น่าขยะแขยงออกมาคล้ายกับน้ำมันเดือด การโจมตีของมันที่จริงแล้วเป็นการขยายหนามออกมาจากด้านในของก้อนเนื้อ ซึ่งทำให้ เตียจู บาดเจ็บไปสองครั้ง
แต่เนื่องจากที่พวกเขามีพระอยู่สองคน พวกเขาจึงยังไม่ตกอยู่ในอันตรายหากพวกเขาไม่ถูกฆ่าตายในทันที
DPS ของ เจ๋าซือ และเด็กน้อย นั้นสูงมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีพระอยู่สองคนและมี DPS ที่ไม่เพียงพอ HP ของ มอนสเตอร์มันก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
การรักษา ของ เสี่ยวเฟิงนั้นวิเศษมาก ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับบัฟเพิ่มพลังโจมตี พลังของเขาคนนั้นก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า ซึ่งทำให้โจมตีได้อย่างรุนแรง
“ระวังสกิลพวกนั้นไว้ดีๆ วิธีการโจมตีของบอสตัวนี้มันแปลกมาก”
เสี่ยวเฟิง ส่งเสียงเตือน ก็เพราะรูปร่างที่แปลกประหลาดของมอนสเตอร์ ก็มีการโจมตีที่แปลกประหลาด และพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะคาดการ์แทบที่จะหลบมันไม่พ้น
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เห็มอนสเตอร์เริ่มปล่อบก๊าซสีดำออกมาจากก้อนเนื้อปูดๆ ของมันในทันทีและเข้าไปกลุ่ม เด็กน้อยและ เตียจู อย่างรวดเร็ว
ก็าซสีดำที่ถูกปล่อยออกมานั้นไม่สร้างความเจ็บปวด และมันเกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งสองเขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างมึนงง และมีเครื่องหมายบนศรีษะของพวกเขาแสดงถึง สถานะกลัว
ถ้าเขาเสี่ยวเฟิงเคยโดนสกิลสร้างความกลัวมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับ ราชาโครงกระดูกทอง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าสกิลแบบนี้นั้นน่ากลัวเพียงใด ถ้าเขาไม่มีสติขนาดนั้น เขาอาจจะตายไปแล้วในตอนนี้
ถ้าเกิดเป็นกลุ่มผู้เล่นธรรมดา พวกเขาคงจะถูกบอสฉีกออกเป็นชิ้นๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะโดนสกิลนี้ไปเป็นเวลาเพียงครึ่งนาที
แน่นอนว่าหลังจากที่มอนสเตอร์ตัวนี้ ใช้เวทมนตร์ความกลัวใส่พวกเขาแล้ว มันก็เริ่มโจมตีอย่างรวดเร็วในทันทีและปล่อยหนามจากข้างในก้อนเนื้อออกมาพร้อมๆ กัน.
เสี่ยวเฟิงได้เดินมาข้างหน้าแล้ว เมื่อเขาเห็นเครื่องหมายความหวาดกลัว และเตะ เตียจู ที่อึ้งอยู่ออกไป เมื่อเขากำลังจะดึงเด็กคนนั้นออกไป เด็กก็ส่ายหัวของเขาและกลับมาได้สติในทัน หลังจากที่เขามองเห็น หนามพุ่งเข้าหาเขา เขาก็ก้าวถอยหลบอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเฟิง ไม่ได้กลับเข้าไป เนื่องจากเขาได้ก้าวออกมาแล้ว เขาควรจะฝึกทักษะของเขา และหยิบเอา ไม้กระบองหนาม ออกมา ซึ่งเปลี่ยนไปเป็นค้อนสีทอง และโจมตโดน มอนสเตอร์อย่างรุงแรง
“-113!”
ความเจ็บปวดนั้นไม่มากเท่าไรนัก เนื่องจ่าก เขาไม่ได้ เพิ่ม พรอาวุธให้กับตัวเอง แม้ว่าพลังโจมตีของเขสาะถูกเพิ่มไปอีก 50 เปอร์เซ็นจาก ความช่วยเหลือของของสกิล พลังแห่งพระเจ้า มันก็จะเพิ่มขึ้นได้เกิน 100 เท่านั้น และมันไม่มีผลต่อ DPS ของเสี่ยวเฟิง
หลังจากที่เปลี่ยนเป็น คทารักษา แสงศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกโยนเข้าไปใส่ศรีษะของมอนสเตอร์ แม้ว่าการพุ่งเข้าใส่ของแสงจะไม่ใหญ่นัก แต่ความเจ็บปวดนั้นรุงแรง
“-11052!”
มีเลขความเจ็บปวดถึงห้าหลัก และ หลอดเลือดของ มอนสเตอร์ก็ลดลงไปเป็นจำนวยมาก แล้วดูเหมือนว่าเสี่ยวเฟิงจะสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องของมอนสเตอร์
“เกิดบ้าอะไรขึ้น! นั้นมันอะไรกัน?”
เจ๋าซือ ตะลึงอย่างมากจนเขาอ้าปากค้างเหมือนกันกับ ซื๋ออี้
เด็กน้อยคนนั้นก็ยืนอยู่เฉยๆ เพราะความตกใจ เช่นกัน
“นั้นมันอะไรกัน? มากกว่า หนึ่งหมื่น เลยหรอ?”
ที่จริงแล้ว เสี่ยวเฟิง ไม่ต้องการที่จะอวด สกิลลับของเขาจนเกิดไป ต่อหน้าของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงสามารถอธิบายได้แบบไม่เต็มที่
“อาชีพของฉัน มีผลความเสียหายพิเศษ ต่อพวกที่ธาตุมืด”
พวกเขาก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี แต่ในตอนนี้ หลอดพลังชีวิต ของมอนสเตอร์ ได้มาถึง จุดการใช้ทักษะ มันจึงใช้ทักษะอื่นซึ่งทำให้พวกเขาไม่มีเวลาประหลาดใจอยู่มากนัก
“กูลลู่ลู้!”
ทันใดนั้น มอนสเตอร์ก็เปลี่ยนไปเป็นบ้างสิ่งที่คล้ายกับ ปลาปักเป้า และร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยหนาม จากนั้นมันการกลิ้งเขาหาพวกเขา
“แยกย้าย”
พวกเขาไม่มีเวลามาประหลาดใจ และรีบหลบออกไปทางซ้ายและขวา อย่างฉับพลัน
แต่ลูกบอลก้อนเนื้อ ก็ยังคงกลิ้งหมุนต่อไป และเริ่มไล่ลาพวกเขา เพราะว่าขนาดใหญ่ๆ นั้น ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วนัก และการไล่ล่าก็เริ่มขึ้นในหอผู้ป่วยแห่งนี้
“นี้มันจะหยุดตอนไหม?”
เตียจู ได้สติกลับมาจากความหวาดกลัว และเริ่มที่จะรำคาญ มอนสเตอร์ และเขาก็ถูกไล่ล่าไปทั่วหอผู้ป่วย ก่อนจะพูดขึ้น
“ก็เป็นไปได้ ลองคิดถึงบ้างสิ่งที่จะทำให้มันหยุดสิ!” เจ๋าซือ ตะโกนตอบ
“ให้ฉันลองดู”
เด็กน้อยคนนั้น กระโดยออกไปและยืนขว้างหน้าลูกบอลก้อนเนื้อ โดยถือดาบของเขาและพยายามที่จะป้องกันมัน
“เฮ้ย แกบ้ารึป่าว! แกกำลังจะเอาตัวไปตายนะ!”
เจ๋าซือ ตะโกน ถว่าก็สายเกินไปสำหรับเขาที่จะหยุด เด็กคนนั้น เพราะว่าลูกบอลก้อนเนื้อได้กลิ้งทับหน้าของเขาไปแล้ว?
หลังจากนั้น ลูกบอลก้อนเนื้อ ก็กระทบกับดาบของเด็กน้อย อย่างรุนแรง
“ติ้ง!”
“บล็อค!”
ฉากที่เด็กนั้นจะถูกทับแบน ที่พวกเขาได้คิดเอาไว้ก็ไม่เกิดขึ้น ลูกบอลก้อนเนื้อทำเสียงโลหะ หลังจากที่มันกระแทกเข้ากับดาบเล่มนั้นและหยุดลง
ไม่มีตัวเลขความเสียหายบนหัวของเด็กน้อย มีเพียงแต่ เครื่องหมายแสดงการบล็อค
“เกิดบ้าอะไรขึ้น! ไม่ใช้ว่า นักรบโล่ ทำการบล็อคได้อย่างเดียวหรอกหรอ?
พี่น้อง นิโคลัส นั้นตะลึงไปหมด และแม้แต่เสี่ยวเฟิง ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
ที่จริงแล้ว อาวุธทุกอย่างสามารถก่อให้เกิดการ บล๊อค ได้ แต่นักรบโล่ก็ยังสามารถถูกโจมตีด้วยการคริติคอลได้อยู่ดี แต่โอกาสความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก
ถ้าเด็กคนนั้ใจกล้าพอที่จะทำแบบนั้น ก็หมายความว่าเขาต้องมั่นใจ 100 เปอร์เซ็น ซึ่งมันน่าตะลึงมาก
แน่นอนว่า ลูกบอลก้อนเนื้อนั้นถูกป้องกันสำเร็จและหยุดกลิ้งในทันที และเปลี่ยนไปเป็นลูกบอลธรรมดาอีกครั้ง
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำ DPS แต่เสี่ยวเฟิงไม่มีทางที่จะใช้ สกิลแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างแรงระเบิด ฉนั้นเขาจึงทำการโจมตีได้ทุกๆ หนึ่งนาทีเท่านั้นเมื่อค้อนแห่งการทดสอบ ตดอยู่ในชาวงเวลาคูลดาวน์ และเขาเขาก็ไม่รับ แต่ว่าเด็กคนนั้นก้สามารถบล๊อคได้บ่อยครั้งซึ่งทำให้ พี่น้อง Nicholas นั้นเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ และมีเพียง ซื๋ออี้ เท่านั้นที่รู้สึกปกติธรรมดากับสิ่งที่เด็กน้อยทำ
แม่ว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่ได้ทำ DPS มากมาย หลอดพลังชีวิตของตัวมอนสเตอร์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องภานใต้การโจมตีของเด็กน้อบและ เจ๋าซือ และมันก็เกือบตายภายในเวลาครึ่งชั่วโมงโดยมีเลือดเหลืออยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น ในขณะเดียวกันมันก็เริ่มที่จะโจมตีด้วยสกิลพิเศษของมัน
“ฮึฮึฮึ…”
เหมือนกับว่ามีใครบ้างคนกำลังหัวเราะ แต่หัวเราะในทางที่แปลกประหลาด จากนั้น สีดำมืด ก็กระจายออกมาจากใจกลางของมอนสเตอร์ เหมือนกับน้ำตก หลลงไปยังพิ้นดินและผนัง
มันเหมือนกับน้ำหมึก และเริ่มไหลท่วม หอผู้ป่วยทั้งหอ พวกผู้คนไม่มีหนทางที่จะหลบซ่อนและไม่นานนัก หอผู้ป่วยก็เปลี่ยนไปเป็นสีดำ
ทุกคนโดนหมด รวมถึง เสี่ยวเฟิงด้วย เพราะว่าเป็นสกิลที่เล่งเป้าไปที่ผู้คนทุกคนและไม่มีขอแตกต่าง
และชื่อของสกิลก็คือ ฝันร้ายนิรันดร์
มันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดำมืดและไม่มีสิ่งใดอยู่ เสี่ยวเฟิงขมวดคิ้วในเวลาเดียวกันและกำ คทารักษาของเขา ไว้แน่น ในขณะที่เขาตื่นตัวไปโดยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
“เปรี้ยง!”
มันเหมือนกับแสงสว่างถูกเปิดอย่างฉับพลันซึ่งทำให้เสี่ยวเฟิงหยีตาในเวลานั้น
“แกไม่ได้ยินฉันเรียกแกหรอ เจ้าร่างกายหมายเลข 13 ฉันจะทำลายแกซะถ้าแกทำให้เสียเวลามากไปกว่านี้!”
“เพียะ” เสียงแซ่กระทบได้ดังขึ้น เสียวเฟิงรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่หลังของเขาและไม่สามารถลืมตาได้
จากนั้นสถานการณ์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา ซึ่งทำให้เขานั้นตกใจและตกตะลึง
“เพียะ!”
เสี่ยวเฟิง ถูกแซ่ฟาดไปบนหลังอีกหน จากนั้นชายใส่ชุดป้องกันสารเคมีสีขาวสองคนก็เดินมาที่เจาและมองเขาอย่างหมดความอดทน
“มันดูเหมือนว่า ร่างที่มีชีวิตร่างนี้ ก็สติแตกเหมือนกัน เอามันไปกำจัดซะ”
“อย่ารีบไป พวกเราสามารถใช้เขาใน การทดสอบข้อมูลการทดลองใหม่ได้”
“นายหมายถึงการทดสอบ ยีน นั้นนะหรอ? เขายังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ เขาจะรับมันได้หรอ?”
“มันไม่สำคัญ ถ้ามันล้มเหลว เราก็กำจัดเขา”
“ก็เข้าท่า ส่งตัวเขามา”
บทสนทนาระว่างบุคลากรทั้งสองคนทำให้เสี่ยวเฟิงได้สติกลับมาจากความตะลึง จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ อย่างมีสติและพบว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน
ผนังโลหะสีขาวอันหนึ่ง มันคือห้องแล็ป บุคลากรจำนวนมาก ส่วมชุดคลุมป้องกันสารเคมีกำลังเดินอยู่ข้างในห้องนั้น
มีร่างที่มีชีวติมากมายลอยอยู่ใน คอนเทนเนอร์เพาะเชื้อสีเขียว-นั้นคือเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงหลายที่อยู่ชุดนักโทษสีขาว!
คอนเทนเนอร์เพราะเชื้อดเหมือนกับเส้าแก้งโปร่งแสง และถูกเติมไว้ด้วย สารละลายธาตุอาหารสีเขียว เด็กวัยรุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลอยอยู่ในนั้นและพวกเขาก็แทบจะไม่ขยับตัวเลย ดังนั้นมันจึงยากที่จะบอกได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่รึปล่าว
เสี่ยวเฟิงลดศรัษะลงและมองเห้นเงาสะท้อนของตนเองบนพื้นสแตนเลส
ชายอ้วนตัวเล็กอีกคนที่ส่วมชุดนักโทษสีขาว!
บุคลากรสองคนกำลังดันเขาเข้าไปใน คอนเทนเนอร์เพาะเชื้อ
ในตอนนั้น เสี่ยวเฟิงรู้สึกกลัวและยกมือที่สั่นเทาของเขาทั้งสองข้างที่ซีดเผือกและเกือบจะโปร่งใส เขาสามารถมองเห็นเส้นเลือกและลายโครงกระดูกที่อยู่ข้างใน
“ไม่นะ!”
เสี่ยวเฟิงตะโกนออกมาเพราะความกลัวและมองทั้งหมดทั้งมวล ด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าของเขา!
เขาเห็นตัวเขาถูกดันเข้าไปใน คอนเทนเนอร์เพราะเชื้อที่ว่างเปล่า และสารละลายธาตุอาหารอันเย็นเฉียบก็ถูกแทลงมา เหนือศรีษะของเขา และไหลท่วมร่างของเขา ทันใดนั้นร่างอ้วนๆ ของเขาก็ลอยอยู่ใน คอนเทนเนอร์สีเขียวใบนี้
สารละลายธาตุอาหารที่เย็นเยือก และการขาดอากาศหายใจ ทำให้เขาได้สติและการไหลเวียนหยุดลง จากนั้นของเหลวสีแดงก็ถูกราด เข้ามาใน คอนเทนเนอร์ใบนี้นซึ่งมันเคลื่อนไหวได้และว่ายเข้าไปหาเสี่ยวเฟิง
เขารู้สึกเป็นตะคริวไปทั้วตัวเพราะว่าความเจ็บปวดจากการกัด แต่ของเหลวสีแดงไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำและเริ่มทะลวงเข้าไปในร่างของเขาด้วยแรงทั้งหมดของมัน