Doombringer the 5th - ตอนที่ 108
Ch.108 – มายาสีขาว
Translator : YoyoTanya / Author
Ch. 104
มายาสีขาว
Part 1
สีหน้าของไคโรเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด หยาดเหงื่อหยดเล็ก ๆ จำนวนมากที่เริ่มผุดขึ้นมาตามหน้าผากสื่อถึงความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เพราะเกือบสี่สิบปีที่อยู่ในวงการค้าขายมา เขาไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
หญ้ามายาสีขาวมีราคาพุ่งขึ้นไปจากเดิมสามเท่าเพราะการปั่นราคาพร้อมกับการปล่อยข่าวลือ แต่แล้วข่าวลือก็ถูกเปิดโปงพร้อมกับการทุ่มตลาดเพื่อทุบราคา จนราคาของมันดิ่งลงมาต่ำกว่า 5 ซิลเวอร์ ซึ่งเป็นราคาตั้งต้น เรื่องแบบนี้ทุกคนย่อมรู้ดีกว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ หลังจากนี้ไม่ควรจะมีใครกล้าซื้อหญ้ามายาสีขาวจากตลาดอีกต่อไปแล้ว ต่อให้พยายามปั่นราคาขึ้นไปแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสุดท้ายก็ไม่มีคนซื้อ ไม่มีทางที่จะระบายหญ้ามายาสีขาวกว่า 70 ตันนั้นออกมาได้แน่ ไคโรจึงไม่เข้าใจความพยายามของผู้กักตุนสินค้าที่ยังคงปั่นราคาขึ้นไปเรื่อย ๆ ว่ามีเจตนาอะไร
เพราะเดาเจตนาของฝ่ายตรงข้ามไม่ออก ทำให้ไคโรรู้สึกตื่นตระหนกและสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
ในระหว่างที่เขากำลังพยายามรวบรวมสติและคิดหาคำตอบอยู่นั้นเอง ผู้ประสานงานคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในห้อง และรีบก้าวเข้าไปรายงานข่าวกับไคโรทันที ด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเป็นการกระซิบ
“ท่านไคโรครับ คนของเราในอีเว่นสตาร์ติดต่อกลับมาแล้ว พวกเขาบอกว่าทางอีเว่นสตาร์มีการคิดค้นเอริกเซอร์ตัวใหม่ขึ้นมาได้จริง ชื่อว่า ‘สตาร์ไลท์เอริกเซอร์’ มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูทั้งพลังกาย, พลังเวท, และจิตต่อสู้ มันสามารถเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บ และเพิ่มระดับพลังของผู้ใช้ให้สูงขึ้นอีกหลายขั้นในชั่วระยะเวลาหนึ่งด้วย นี่เป็นงานวิจัยลับสุดยอดที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย มีเพียงคนในสภาสูงของอีเว่นสตาร์และผู้เกี่ยวข้องไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ทางอีเว่นสตาร์น่าจะเปิดตัวเอริกเซอร์ตัวนี้ภายในสัปดาห์นี้ครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของไคโรและที่ปรึกษาอีกสองคนก็เบิกโพลงขึ้นจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ไคโรถามย้ำกับผู้ประสานงานอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอันร้อนรน
“แล้วรู้ส่วนประกอบของมันรึเปล่า!? เอริกเซอร์ตัวนี้มีหญ้ามายาสีขาวเป็นส่วนประกอบมั้ย!?”
“เอ่อ… เรื่องส่วนประกอบยังคงเป็นความลับสุดยอดครับ เราไม่รู้เลยว่าวัตถุดิบที่ใช้ปรุงเอริกเซอร์ตัวนี้มีอะไรบ้าง ความจริงแค่ข้อมูลเรื่องการมีอยู่ของมันก็เป็นเรื่องที่รู้กันเพียงวงจำกัดเท่านั้น ถ้าไม่เพราะสายของเราคนหนึ่งพอจะติดต่อกับคนสนิทของสมาชิกสภาสูงได้ เราคงไม่รู้ข้อมูลนี้แล้ว”
ผิวหน้าที่เคยมีเลือดฝาดของไคโรตอนนี้กลับซีดเผือดเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มอธิบายให้ฟัง
แม้จะยังไม่สามารถยืนยันวัตถุดิบที่ใช้ปรุงเอริกเซอร์ตัวนี้ขึ้นมาได้ แต่หากมีเอริกเซอร์ตัวนี้อยู่จริง เขาก็อดหวาดวิตกไม่ได้ว่าจะมีเรื่องอะไรที่เป็นจริงอีกบ้าง
ยิ่งมองดูหน้าจอข้อมูลที่ยังคงมีการซื้อขายอย่างต่อเนื่องของหญ้ามายาสีขาว ชนิดที่ว่ามีคนประกาศรับซื้ออย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะมีคนขายสักเท่าไหร่ก็ตาม แถมราคายังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งที่ไคโรเคยตัดทิ้งไปยิ่งมีความเด่นชัดขึ้น
“รึว่า… นี่จะไม่ใช่การปั่นราคา แต่เป็นการกว้านซื้อจริง ๆ ?”
——————————————————————————–
Part 2
ล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย ราคาของหญ้ามายาสีขาวก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ตอนนี้ราคาของมันขึ้นไปที่ 60 ซิลเวอร์ต่อกิโลกรัมแล้ว ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าปกติถึงสิบเท่า
ภายในตลาด มีเสียงร่ำลือว่า คนที่ปล่อยข่าวโจมตีว่าไม่มีเอริกเซอร์อยู่จริงนั้นเป็นคนของสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์ม ที่จะฉวยโอกาสกดราคาให้ตกลงไปเพื่อกว้านซื้อในราคาถูก ทำให้พ่อค้าหลายคนเริ่มปล่อยคำประกาศรับซื้อเพื่อรับสินค้ามากักตุนบ้าง ราคาจึงมีการปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่พ่อค้าอีกจำนวนมากก็ยังรู้สึกลังเลและได้แต่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่เงียบ ๆ เท่านั้น
ในระหว่างนั้น คนของสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสก็นำตัวอย่างยาที่ถูกทิ้งไว้กลับมา ซึ่งไคโรก็ให้นำมันไปตรวจสอบคุณสมบัติและส่วนประกอบในทันที แล้วเฝ้ารอผลการทดสอบอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่นาน นักเคมีของสมาพันธ์ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนในชุดกาวน์สีขาวก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อรายงานผล
ด้วยความร้อนใจ ไคโรจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายต้องพูด
“ว่าไง? ผลเป็นยังไงบ้าง?”
“ปริมาณของยาที่เหลืออยู่ยังน้อยไปหน่อย ทำให้เราทำการทดลองเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของมันได้ไม่ละเอียดนัก แต่ก็พอจะรู้ว่ามันเป็นยาประเภทเอริกเซอร์ มีคุณสมบัติฟื้นฟูพลังในหลาย ๆ ด้าน และรักษาอาการบาดเจ็บได้ เหมือนกับเอริกเซอร์ทั่ว ๆ ไป”
“แค่นั้นเหรอ? ไม่มีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกเหรอ?”
“อย่างที่บอกไป ตัวยานี่มีอยู่น้อยไปหน่อย ทำให้เราไม่สามารถตรวจสอบคุณสมบัติของมันอย่างละเอียดได้ เรารู้แค่ว่ามันเป็นเอริกเซอร์คุณภาพดี และค่อนข้างจะทรงพลังมากทีเดียว”
แม้จะตรวจสอบคุณสมบัติเรื่องการเพิ่มพลังของผู้ใช้ไม่ได้ แต่จากคำบอกเล่าของคนที่ได้ประมือกับผู้ใช้เอริกเซอร์ก็พอจะเป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่าเอริกเซอร์ตัวนี้มีคุณสมบัตินั้นอยู่ ไคโรจึงไม่ได้ใส่ใจกับผลการตรวจสอบที่ออกมาไม่ครบมากนัก
“แล้วส่วนประกอบล่ะ? มันมีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง?”
“อืม… เพราะมีจำนวนค่อนข้างน้อย ทำให้เราระบุสัดส่วนและชนิดของวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงเอริกเซอร์ตัวนี้ได้ค่อนข้างลำบาก แต่ก็มีวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างโดดเด่นเพราะเป็นส่วนผสมหลักของเอริกเซอร์ตัวนี้เลย มันคือ ‘หญ้ามายาสีขาว’ ครับ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น สีหน้าของไคโรและที่ปรึกษาทั้งสองก็แปรเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าของพวกเขาตอนนี้ราวกับกำลังกลืนยาพิษอยู่ก็ไม่ปาน
เมื่อวิเคราะห์ความเชื่อมโยงดูแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มจะมีเหตุผลขึ้นมาในทันที เพราะถ้าเอริกเซอร์ตัวนี้เป็นของจริง และวัตถุดิบหลักของมันคือหญ้ามายาสีขาว การที่จะมีคนมาเหมาซื้อวัตถุดิบไป ไม่ว่าราคาของมันจะสูงขึ้นสักเท่าไหร่ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เอริกเซอร์จัดเป็นยาชั้นสูง ลำพังเอริกเซอร์ทั่วไปก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูทั้งจิตต่อสู้กับพลังเวทให้กลับมาเต็มเปี่ยมได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าผู้ใช้จะมีระดับฝีมือที่สูงขนาดไหนก็ตาม ผิดกับยาหรือโพชั่นชนิดอื่น ๆ ที่จะออกฤทธิ์ช้าลงเมื่อใช้โดยนักผจญภัยที่มีระดับสูง เพราะพลังกาย, พลังเวท, หรือจิตต่อสู้ของพวกเขามีปริมาณมาก การจะฟื้นฟูพลังงานขนาดนั้นขึ้นมาได้จึงต้องใช้เวลามากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ เอริกเซอร์จึงเปรียบเสมือนอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ใช้ตัดสินความเป็นความตายได้ ในภาวะคับขันหากมีเอริกเซอร์อยู่ในมือ ก็จะสามารถฟื้นฟูพลังและอาการบาดเจ็บ พร้อมกลับขึ้นมาพลิกสถานการณ์ที่เสียเปรียบอยู่ได้ไม่ยาก นักผจญภัยระดับสูงที่ต้องบุกฝ่าเข้าไปในพื้นที่อันตรายต่างก็ใช้เอริกเซอร์เป็นตัวช่วยหลักในการเติมพลังแทนโพชั่นแทบทั้งสิ้น
ราคาปกติของเอริกเซอร์จะอยู่ที่ 1-5 โกลด์ แล้วแต่เกรด แต่สำหรับเอริกเซอร์ที่มีคุณสมบัติเสริมอื่น ๆ ด้วยก็จะมีราคาที่แพงขึ้น เช่นเอริกเซอร์ที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกัน หรือเอริกเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในเวลาสั้น ๆ เพราะคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้นักผจญภัยสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันตรายได้ง่ายขึ้น ราคาของมันจึงอาจสูงถึง 10 โกลด์เลยก็ได้
สำหรับเอริกเซอร์ชนิดใหม่นี้มีคุณสมบัติที่ไม่เคยมีมาก่อน คือเพิ่มระดับพลังของผู้ใช้ให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้หลายเท่า นับเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไคโรลองประเมินราคาดูแล้ว เอริกเซอร์ชนิดนี้ควรจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 20 โกลด์แน่นอน
แม้จะไม่รู้ว่าส่วนประกอบอื่น ๆ ของมันคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ หญ้ามายาสีขาวเป็นส่วนประกอบหลักของมัน เขาไม่รู้ว่าเอริกเซอร์หนึ่งขวดต้องใช้หญ้าเป็นจำนวนเท่าไหร่ในการปรุง แต่ปริมาณที่ใช้ก็ไม่น่าจะถึงหนึ่งกิโลกรัมอยู่แล้ว หรือต่อให้ถึง ต้นทุนของมันก็ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของมูลค่าผลิตภัณฑ์อยู่ดี
ไคโรลองประเมินกรณีที่สิ้นเปลืองที่สุด คือต้องใช้หญ้ามายาสีขาวหนึ่งกิโลกรัมต่อเอริกเซอร์หนึ่งขวด และให้ราคาของหญ้าคือ 1 โกลด์ต่อ 1 กิโลกรัม ต้นทุนของเอริกเซอร์นี้ก็ยังต่ำมาก ๆ อยู่ดีเมื่อเทียบกับราคาขาย ดังนั้นราคาของหญ้ามายาสีขาวไม่มีทางที่จะหยุดอยู่แค่ 1 โกลด์ต่อหนึ่งกิโลกรัมแน่ เมื่อมีการประกาศเปิดตัวเอริกเซอร์ชนิดนี้ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะส่วนประกอบหลักของเอริกเซอร์คือหญ้ามายาสีขาวด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ แววตาของไคโรก็เป็นประกายขึ้น เขารู้ว่านี่คือโอกาสที่จะต้องรีบฉกฉวย แต่น่าเสียดายที่เขาประเมินสถานการณ์ผิดไปจนเทขายหญ้ามายาสีขาวทิ้งไปทั้งหมด แม้เงินที่ได้จะเป็นสามเท่าของราคาปกติ แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับราคาจริงที่จะพุ่งขึ้นเมื่อมีการเปิดตัวเอริกเซอร์แล้ว เพราะตอนนั้นหญ้ามายาสีขาวอาจมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 2-3 โกลด์เลยก็ได้
แม้จะพลาดโอกาสทองไปแล้ว แต่ไคโรก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ต้องแย่งหญ้ามายาสีขาวทั้งหมดมาครอบครองให้ได้
“เรายังมีคนจับตาดูพวกผู้ซื้อที่อยู่ในบาซ่ากับตามศูนย์บริการต่าง ๆ อยู่ใช่มั้ย?”
ไคโรเอ่ยถามไปยังผู้ประสานงานหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาในทันที
“ใช่ครับ คนของเราสังเกตพฤติกรรมของพวกพ่อค้าต่างถิ่นในแต่ละที่อยู่ตลอด มีแค่กลุ่มหนึ่งที่มีท่าทีเรียบเฉยและไม่ค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนองกับความผันผวนของราคานัก ทั้งยังตั้งหน้าตั้งตาซื้อขายสินค้าอย่างขะมักเขม้น พวกมันน่าจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อไม่ผิดแน่”
เมื่อฟังดังนั้น ไคโรก็มีท่าทีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยคำสั่งกับผู้ประสานงาน
“ให้คนของเรา ‘เชิญ’ พวกมันออกจากศูนย์บริการและบาซ่าไปซะ ยึดสายรัดข้อมือของพวกมันด้วย อย่าให้ทำการซื้อขายอะไรได้อีก ถ้าพวกมันไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย… ก็หาที่เงียบ ๆ ทำการ ‘เก็บ’ มันซะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ถึงเราอาจจัดการกับพวกมันไม่ได้หมด แต่คนที่เหลือก็ต้องรู้สึกตัวแล้วว่าที่นี่มีอันตราย ยังไงพวกมันก็ต้องถอนตัวไปแน่ จังหวะนี้เราจะเป็นผู้เข้าไปรับซื้อหญ้ามายาสีขาวแทน ส่วนปริมาณที่ถูกซื้อไปแล้ว ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยล่ะนะ…”
“ความจริง… เราควรส่งคนไปจับพวกมันมาแล้วบังคับให้พวกมันยอมขายหญ้ามายาสีขาวคืนให้กับเรา… หรือให้มัน ‘คืน’ มาซะดื้อ ๆ เลยไม่ดีกว่าเหรอ?”
ที่ปรึกษาผู้นั่งอยู่ฝั่งซ้ายเอ่ยความเห็นออกมาด้วยแววตาอันเย็นเยียบ แต่ไคโรก็ส่ายหน้าก่อนจะอธิบาย
“มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกมันจะเป็นคนของอีเว่นสตาร์ อาจเป็นคนของสมาชิกสภาสูง หรือคนของพวกขุนนางในนั้น ถึงได้รู้ข่าวนี้ก่อนแล้วมาทำการกว้านซื้อ ถ้าเราไปแย่งชิงของมาซึ่ง ๆ หน้าแบบนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังพวกมันอาจถือสมาพันธ์ของเราเป็นศัตรูก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจของเราในระยะยาว แค่ไล่พวกมันไป ไม่ให้มันได้สินค้าเพิ่มก็พอแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของไคโร ที่ปรึกษาก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจและไม่ได้พูดอะไรอีก
ระหว่างนั้นก็มีผู้ประสานงานอีกคนวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวพอดี
“ทะ.. ท่านไคโรครับ! สายของเราในกลุ่มการค้าของเทอร่าและโดมินาเรียรายงานมาว่า กลุ่มการค้าทั้งสองกำลังมีการระดมเงินกันขนานใหญ่ เหมือนกับมีแผนที่จะทำอะไรบางอย่างครับ”
ทันทีที่ได้ฟังการรายงาน ดวงตาของไคโรก็หรี่ลง และทอประกายอาฆาตออกมา
“ในที่สุดก็เคลื่อนไหวแล้วงั้นรึ… กำลังคิดอยู่เลยว่าคราวนี้พวกมันอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเกินไป… สถานการณ์ที่ผันผวนในช่วงก่อนเที่ยงคงทำให้กลุ่มการค้าอื่น ๆ เกิดความลังเลและพยายามรอดูท่าที แต่ตอนนี้เมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบและมีความชัดเจนขึ้นแล้ว พวกมันก็เลยเตรียมลงมือสินะ…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ที่ปรึกษาซึ่งนั่งอยู่ฝั่งขวาก็ลุกขึ้นมาออกความเห็นบ้าง
“พวกมันคงเตรียมระดมเงินเพื่อที่จะมากว้านซื้อหญ้ามายาสีขาวที่ยังพอเหลืออยู่สินะ… แต่ตอนนี้มันจะสายเกินไปรึเปล่า ความจริงแม้แต่พวกเราเอง ก็อาจหาซื้อหญ้ามายาสีขาวไม่ได้แล้วก็ได้…”
“ยังหรอก เมืองอื่น ๆ ที่ยังถือครองหญ้ามายาสีขาวอยู่ก็มีอีกเยอะ และราคาที่พุ่งสูงขึ้นถึงสิบเท่านี้ก็มีแต่ที่จูริสไพร์มเท่านั้น คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่ามูลค่าของมันกำลังจะเพิ่ม การขึ้นราคาตามโดยอ้างว่าขึ้นตามราคาของที่นี่น่ะไม่สามารถทำได้หรอก ดังนั้นคนที่ต้องการจะขายในราคานี้ก็ต้องเดินทางมาที่จูริสไพร์มเท่านั้น ที่เราต้องทำก็แค่รอ แต่ระหว่างนั้นก็ต้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาตัดราคาด้วย… สั่งการลงไป ให้คนของเราในสถาบันการเงินต่าง ๆ พยายามชะลอการถ่ายโอนเงินของกลุ่มการค้าอื่น ๆ มายังจูริสไพร์มให้มากที่สุด ใช้ข้ออ้างว่าระบบสื่อสารขัดข้องหรือฐานข้อมูลล่มจนไม่สามารถยืนยันการโอนก็ได้”
ไคโรหันไปสั่งการกับผู้ประสานงานอีกคนซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างไปนัก หลังจากได้รับคำสั่ง เขาก็พยักหน้า และเดินออกจากห้องไปทันที
นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มอีกคนวิ่งสวนเข้ามา และมาหยุดยืนที่ด้านหน้าของไคโร
“ท่านครับ เราได้รับข่าวมาว่า มีกองคาราวานขนาดใหญ่ของกลุ่มพ่อค้าทางเหนือได้รวมตัวกันเพื่อนำ ‘หญ้ามายาสีขาว’ จำนวนมากเข้ามาขาย เพราะได้ยินว่าที่นี่กำลังให้ราคาดี ตอนนี้พวกเขาผ่านประตูเมืองเข้ามาแล้วครับ!”
ทันทีที่ได้ฟังการรายงาน แววตาของไคโรและที่ปรึกษาทั้งสองก็เป็นประกายขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน
“มาถึงแล้วงั้นเหรอ? พอจะรู้มั้ยว่ามีจำนวนเท่าไหร่?”
“เท่าที่เราสอบถามมา น่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 80 ตันครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ที่ปรึกษาทั้งสองก็หันไปจ้องมองกันด้วยสีหน้าลิงโลดที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจและตื่นเต้น แม้แต่ไคโรเองก็เผยรอยยิ้มออกมาแม้จะพยายามคงท่าทีเรียบเฉยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะหันไปถามกับผู้ประสานงานอีกคน
“เรื่องที่ให้ไปจัดการก่อนหน้านี้เป็นไงบ้าง? ไล่พวกผู้ซื้อกลุ่มอื่นออกไปหมดรึยัง?”
“คนของเราทำการ ‘เชิญ’ คนเหล่านั้นออกไปจากย่านการค้าหมดแล้วครับ เรายังให้พวกมันถอนการซื้อขายออกและยึดสายรัดข้อมือของพวกมันมาด้วย ไม่มีพวกมันคนไหนที่ต่อสู้ขัดขืน และทุกคนน่าจะเดินทางออกจากเมืองไปหมดแล้วครับ”
“ดีมาก… แปลว่าคำสั่งซื้อทั้งหมดที่อยู่บนกระดานนี่เป็นคำสั่งซื้อของเราสินะ?”
“ใช่ครับ”
ไคโรพิจารณาดูข้อมูลบนหน้าจอ ตอนนี้คำประกาศรับซื้อหญ้ามายาสีขาวที่อยู่บนกระดานมียอดรวมทั้งหมด 20 ตันด้วยกัน แต่ก็ไม่มีคนขายมาเป็นเวลานานแล้ว แม้ราคาตอนนี้จะอยู่ที่ 62 ซิลเวอร์ต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าราคาปกติเกือบ 11 เท่าก็ตาม
“ลดราคาลงมาสักหน่อยก็แล้วกัน เอาสัก 60 ซิลเวอร์ก็พอ จะได้ไม่ผิดสังเกตจนเกินไป แล้วก็เพิ่มอัตราการรับซื้อขึ้นไป ให้มีปริมาณการรับซื้อสัก 90 ตัน เผื่อเอาไว้ พยายามกระจายคำสั่งซื้อแยก ๆ กันด้วย”
เมื่อได้รับคำสั่ง ผู้ประสานงานก็ไปจัดการตามที่ไคโรบอกในทันที
ทุกคนในห้องโถงเฝ้าดูหน้าจอซื้อขายอย่างใจจดใจจ่อ
เวลาผ่านไปห้านาที สิบนาที จนถึงสิบห้านาที แต่สำหรับพวกเขามันช่างยาวนานราวกับเป็นช่วงเวลานับร้อยปี
ในที่สุดคำสั่งซื้อก็ได้รับการตอบรับ
บนหน้าจอที่แสดงรายการสินค้าของกระดานแลกเปลี่ยนนั้น คำสั่งซื้อหญ้ามายาสีขาวค่อย ๆ หายไปทีละอัน ทีละอัน จนเกือบทั้งกระดานเหลือคำสั่งซื้ออยู่ไม่ถึงหนึ่งในสิบของที่เคยมี เหล่าสมาชิกสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มในห้องนั้นต่างก็ไชโยโห่ร้องกันด้วยความยินดี เช่นเดียวกับไคโรและที่ปรึกษาทั้งสอง ที่ยิ้มและถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
เมื่อตรวจนับยอดดู ไคโรก็พบว่า เขาได้หญ้ามายาสีขาวมาไว้ในครอบครองอีกครั้ง ทั้งยังมีจำนวนถึง 85 ตันด้วยกัน เป็นจำนวนที่ชดเชยโอกาสที่เสียไปเมื่อช่วงเที่ยงได้อย่างเหลือเฟือแล้ว
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ค่อย ๆ ปรับลดราคาลงมาได้ พยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด คนจะได้ไม่สงสัย และคอยจับตาดูกลุ่มพ่อค้าหรือกองคาราวานจากที่อื่นด้วย ถ้าเห็นว่ามีใครกำลังนำหญ้ามายาสีขาวเข้ามาขายอีกละก็ ให้รีบมารายงานในทันที”
“รับทราบครับ!”
เหล่าผู้ประสานงานรับคำสั่งอย่างแข็งขันก่อนจะแยกย้ายกันไปปฏิบัติงาน ส่วนไคโรก็จ้องมองหน้าจอข้อมูลด้วยสีหน้ายิ้มย่อง เขารู้สึกภูมิใจกับตัวเองมากที่สามารถฉกฉวยโอกาสที่เสียไปกลับมาได้อีกครั้ง
แม้จะซื้อหญ้ามายาสีขาวทั้ง 85 ตันนี้มาด้วยราคาถึง 60 ซิลเวอร์ต่อกิโลกรัม ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินถึง 51,000 โกลด์ แต่หากข่าวของเอริกเซอร์ชนิดใหม่แพร่ออกไป ราคาของมันก็น่าจะพุ่งขึ้นไปไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2 โกลด์ แปลว่ามูลค่าของมันในตอนนั้นน่าจะไม่ต่ำกว่า 170,000 โกลด์ เรียกได้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า หรืออาจมากกว่านั้นก็ได้
เมื่อคิดถึงผลกำไรมหาศาลที่จะได้ในอนาคตแล้ว ไคโรก็ยิ้มจนแก้มปริ พลางครุ่นคิดว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไรดี
แต่เขาไม่รู้หรอกว่า หญ้ามายาสีขาวทั้ง 85 ตันนี้ แทบไม่มีมูลค่าอะไรเลย
เพราะความจริงแล้วเอริกเซอร์ชนิดใหม่นั้น ไม่มีหญ้ามายาสีขาวเป็นส่วนประกอบเลยสักนิด
ซึ่งกว่าที่ไคโรจะรู้เรื่องนี้ ก็เป็นเวลาที่อีเว่นสตาร์ประกาศเปิดตัวเอริกเซอร์ชนิดใหม่ ในอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง
——————————————————————————–
Part 3
ที่ห้องประชุมของบ้านพักต่างมิติ บริแกนดีน (ขุนพลผู้มีผมสีม่วง) กำลังกล่าวรายงานสรุปผลการ ‘ค้าขาย’ ในครั้งนี้อยู่
“เราใช้เงินในการกว้านซื้อครั้งแรกไป 3,000 โกลด์ ครั้งที่สอง 2,700 โกลด์ และยังมีเงินที่ใช้ซื้อหญ้ามายาสีขาวจากผู้ค้ารายย่อย บวกกับค่าธรรมเนียมการประกาศซื้อ-ขายบนกระดานแลกเปลี่ยนอีกราว ๆ 1,000 โกลด์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,700 โกลด์ แต่หลังจากขายหญ้ามายาสีขาวทั้ง 85 ตันออกไป เราก็ได้เงินกลับมา 51,000 โกลด์ สรุปแล้ว ‘การค้า’ ครั้งนี้ เราได้กำไรมา 44,300 โกลด์ ครับ”
เมื่อบริแกนดีนกล่าวจบ เหล่าขุนพลทั้งแปดต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นและดีใจ ซึ่งที่หัวโต๊ะนั้น ซาลก็กำลังนั่งอมยิ้มด้วยแววตาอันเจ้าเล่ห์ของเขาอยู่ด้วย
เหตุการณ์การซื้อขาย ‘หญ้ามายาสีขาว’ ในครั้งนี้ เป็นแผนการของซาล ที่จะทำกำไรจากการค้า ด้วยการปั่นราคาวัตถุดิบที่มีราคาถูก ให้มีราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว แล้วขายทำกำไรนั่นเอง
เขาเลือก ‘หญ้ามายาสีขาว’ เป็นสินค้าที่จะทำการปั่นราคา เพราะมันเป็นของที่หาได้แค่เฉพาะในฤดูกาล และมีการเสื่อมสภาพเร็ว ทำให้มีการเก็บสต๊อกเอาไว้ได้ไม่มาก แถมยังมีราคาถูกอีกด้วย ทำให้ใช้ต้นทุนไม่เยอะในการกว้านซื้อ จึงเหมาะกับการนำมาปั่นราคามากที่สุด
เหล่าผู้คนในกองคาราวานหรือพ่อค้าที่ไปทำการซื้อขายสินค้า ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนอัญเชิญของซาลและเหล่าขุนพลทั้งแปด ที่ส่งไปเพื่อปฏิบัติการตามแผนด้วยกันทั้งสิ้น
แผนการปั่นราคาของเขาก็เป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยาก แค่กว้านซื้อสินค้าทั้งหมด แล้วนำมาซื้อขายกันเองเพื่อปั่นราคาให้สูงขึ้น โดยใช้ข่าวลวงในการกระตุ้นให้คนเชื่อว่าราคาจะยังพุ่งสูงขึ้นไปอีก ก่อให้เกิดกำลังซื้อลวง แล้วเทขายสินค้าในช่วงที่คนกำลังแย่งกันซื้อ เพื่อโกยกำไรก่อนจะหลบหนีไป
แต่การทำเช่นนั้น ผู้ที่จะตกเป็นเหยื่อ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกพ่อค้ารายย่อยที่พยายามเกาะกระแส ซื้อสินค้ามารอเก็งกำไร ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ซึ่งซาลไม่ต้องการจะทำร้ายคนเหล่านั้น เขาจึงเล็งเป้าหมายไปยังเหยื่อที่ตัวใหญ่กว่า ในการดำเนินแผนการครั้งนี้
เหยื่อที่ว่าก็คือสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มนั่นเอง
สมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มเป็นองค์กรที่ฉ้อฉล และให้การสนับสนุนพีชคีปเปอร์มาโดยตลอด การโจมตีสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ซาลได้ทำการสืบข้อมูลเพื่อหาข้ออ้างที่จะใช้สร้างข่าวลือในการปั่นราคาสินค้าให้ได้ผล ซึ่งหนึ่งในข่าวที่เขาได้มาและเป็นข่าวที่เหมาะสมที่สุด ก็คือข่าวเรื่องเอริกเซอร์ชนิดใหม่ที่ทางอีเว่นสตาร์เพิ่งจะคิดค้นได้ ปกติแล้วคนนอกไม่มีทางรู้เรื่องนี้ แต่ซาลได้ข้อมูลนี้มาเพราะเขารู้จักกับเซร่านั่นเอง
(หมายเหตุ: ใครที่จำเซร่าไม่ได้ ลองย้อนกลับไปอ่านช่วงบีสเทียในภาคแรกดู แต่ในฉบับรีไรท์เซร่าไม่ได้ถูกคนสวมรอยแล้วนะ จึงรู้จักมักคุ้นและสนิทกับซาลมากกว่าฉบับออริจินัลด้วย)
เขารู้ว่าทางสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มไม่มีทางที่จะหลงกลได้ง่าย ๆ จึงทำการวางหมากเอาไว้หลายตำแหน่งด้วยกัน อย่างแรกคือใช้แผนการง่าย ๆ อย่างการปั่นราคาสินค้าตามสูตรสำเร็จ ซึ่งเป็นการกระทำที่ดูโง่จนน่าสงสัย ให้อีกฝ่ายเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า นี่เป็นแผนการที่แท้จริงรึเปล่า
อย่างที่สองคือใช้สมุนอัญเชิญที่เป็นเผ่าเอลฟ์ แต่แกล้งทำเป็นปกปิดตัวตนเหมือนไม่อยากให้ใครรู้ จะได้ไม่ดูเป็นการจงใจนำเสนอเกินไป แค่พอให้เกิดความรู้สึกเอะใจอยู่ลึก ๆ ว่ามีพวกเอลฟ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะได้เกิดการเชื่อมโยงไปยังข่าวลือที่เขาจะปล่อยได้
อย่างที่สามคือแสร้งปล่อยข่าวจริงเพื่อทำการลวง คือใช้ข่าวการค้นพบเอริกเซอร์ในจังหวะที่ต้องใช้ข่าวลวงในการปั่นราคาสินค้า ให้ทางสมาพันธ์เชื่อว่านี่เป็นข่าวลวง และเป็นไพ่ใบสุดท้ายของแผนการทั้งหมด
อย่างที่สี่คือมุ่งมั่นในการแสดงจนอีกฝ่ายสูญเสียความมั่นใจไปเอง คือเตรียมเงินอีกจำนวนหนึ่งเอาไว้สำหรับช้อนซื้อสินค้าหมดทั้งตลาดหลังจากที่มีการทุบราคา เพราะการจะทำลายแผน (ลวง ๆ ) ของเขาและกดราคาให้ต่ำลง อีกฝ่ายก็ต้องเล็งจังหวะที่คิดว่าเขาจะเริ่มเทขายแล้วชิงตัดหน้าพร้อมทั้งปล่อยของที่เหลือเพื่อทุบราคา แต่เขากลับกว้านซื้อสินค้าต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้อีกฝ่ายเริ่มเสียความมั่นใจว่าตัวเองคิดผิดรึเปล่า
ในจังหวะเดียวกันก็ดำเนินการแผนอย่างที่ห้า คือให้ทางอีเว่นสตาร์ยอมปล่อยข้อมูลลับเรื่องเอริกเซอร์ออกมาให้สายสืบของสมาพันธ์ได้ล่วงรู้ และนำข้อมูลกลับไปบอกกับทางสมาพันธ์ เพื่อสร้างความสั่นคลอนทางจิตใจมากขึ้นไปอีก
ในส่วนนี้ยังมีแผนการอย่างที่หก คือเขาได้เตรียมเอริกเซอร์ปลอมที่มีส่วนผสมของหญ้ามายาสีขาวให้เหล่าสมุนถือไว้ และจงใจให้คนของสมาพันธ์ตามมาเจอ เมื่อเกิดการต่อสู้กันก็ให้แสร้งทำเป็นเพลี่ยงพล้ำแล้วกินเอริกเซอร์เพิ่มพลังก่อนจะหลบหนีไปได้ ความจริงเอริกเซอร์นี้ก็มีผลเทียบเท่าเอริกเซอร์ปกติ แค่สมุนเหล่านั้นมีพลังอยู่ในระดับเจ็ด พอเอาจริงแล้วจึงสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้อย่างสบาย และจงใจทิ้งขวดที่ยังมีเอริกเซอร์เหลืออยู่นิดหน่อยเอาไว้ ให้คนของสมาพันธ์เก็บไปตรวจสอบ เมื่อผลการตรวจสอบออกมาแล้วจะได้ตอกย้ำว่าหญ้ามายาสีขาวเป็นส่วนผสมหลักของเอริกเซอร์นี้จริง
เมื่อแผนการทั้งหมดดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ ทางสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มที่ได้รับข้อมูล (ลวง) ทั้งหมดไป ก็จะต้องปักใจเชื่อว่าเรื่องเอริกเซอร์ชนิดใหม่ และมูลค่าของหญ้ามายาสีขาว เป็นเรื่องจริง เพราะมันล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่ได้มาอย่างยากลำบากทั้งนั้น
ถึงจุดนี้ทางสมาพันธ์ก็จะหันมากว้านซื้อหญ้ามายาสีขาวแทนบ้าง แต่ซาลก็ยังกังวลว่าถ้าพวกเขาไม่เร่งรีบพอ หรือยังไม่รู้สึกจนตรอกพอ อาจยังไม่ติดกับและออกประกาศกว้านซื้อสินค้าทีเดียว 85 ตันได้ง่าย ๆ จึงดำเนินการอีกอย่างหนึ่ง คือแจ้งข้อมูลเรื่องเอริกเซอร์และหญ้ามายาสีขาวให้กับกลุ่มการค้าของเทอร่าและโดมินาเรียได้รับรู้
แม้ทั้งสองกลุ่มจะไม่ได้เชื่อเรื่องนี้ในทันที เพราะข้อมูลที่พวกเขาได้รับยังน้อยกว่าสหพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มมาก แต่ด้วยเหตุการณ์อันผิดปกติที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันก็น่าจะทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยได้มากพอ และทำการเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์บ้าง ซึ่งสมาพันธ์การค้าทั้งสองก็มีการเคลื่อนไหวจริง ตามที่ซาลต้องการทุกอย่าง
เมื่อกลุ่มการค้าทั้งสองมีการเคลื่อนไหว สมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มจึงรู้สึกกดดันมากขึ้น และรีบร้อนที่จะแย่งซื้อหญ้ามายาสีขาวก่อนคู่แข่งให้ได้ เมื่อซาลส่งเหล่าสมุนที่ปลอมเป็นกองคาราวานจากทางเหนือลงไปขายหญ้ามายาสีขาวจำนวน 85 ตัน ทางสมาพันธ์จึงรีบออกประกาศเพื่อรับซื้ออย่างไม่ลังเล
ด้วยแผนการทั้งหมดนี้ ซาลจึงสามารถขายหญ้ามายาสีขาวจำนวน 85 ตันได้ เพราะเขาสามารถหลอกสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มให้เชื่อได้ว่าหญ้ามายาสีขาวเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการปรุงเอริกเซอร์ชนิดใหม่ของอีเว่นสตาร์ ซึ่งแม้เอริกเซอร์ชนิดนี้จะมีอยู่จริง แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้มีหญ้ามายาสีขาวเป็นส่วนประกอบเลยสักนิด ทุกอย่างเป็นแค่แผนลวงของซาลเท่านั้น
‘การค้า’ ครั้งนี้ทำให้สมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มต้องขาดทุนย่อยยับ ส่วนซาลก็ได้เงินก้อนใหญ่มาใช้สำหรับดำเนินการแผนการของเขาต่อไป อีกทั้งเงินก้อนนี้ยังมากกว่าที่เขาต้องการจะใช้จริง ๆ เกือบสามเท่าตัวด้วย
ทุกคนในที่ประชุมต่างก็อยู่ในอาการรื่นเริง เพราะความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้เงินแทบจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับการดำเนินการอีกต่อไป พวกเขาสามารถกลับไปดำเนินแผนการที่ทำค้างอยู่ได้ และยังเดินหน้าแผนการใหม่ ๆ ที่ต้องหยุดชะงักไปเพราะขาดเงินทุนได้อีกด้วย
ซาลมองดูสีหน้ายินดีและกระตือรือร้นของทุกคนด้วยความพึงพอใจ แต่เขาก็ยังนึกอะไรอีกอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปพูดกับอาซาเรล (ขุนผลผู้มีผมสีขาว)
“การทำ ‘การค้า’ ในครั้งนี้ ถึงเราจะพยายามหลีกเลี่ยงอย่างที่สุดแล้ว แต่ก็น่าจะยังมีพ่อค้าหลายคนที่ได้รับผลกระทบอยู่ดี ไปหารายชื่อของพวกเขามาซะ แผนการขั้นต่อไปของพวกเรายังไงก็ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เราจะซื้อสินค้าที่จำเป็นทั้งหมดจากพ่อค้าเหล่านี้ก่อน เพื่อเป็นการชดเชยให้กับพวกเขา”
อาซาเรลพยักหน้าและยิ้มรับอย่างอ่อนโยน เพราะเขารู้สึกชื่นชมกับความคิดที่นึกถึงคนอื่นแบบนี้เป็นพิเศษ ส่วนซาลก็หันมาพูดกับเหล่าขุนพลอีกครั้ง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็… มาเริ่มแผนการขั้นต่อไปของเรากันดีกว่า”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เหล่าขุนพลก็หันมามองซาลโดยพร้อมเพรียงกัน ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายและมีเปลวไฟอันลุกโชนพวยพุ่งอยู่ภายใน